กบง.เก็บเงินน้ำมันดีเซลเข้ากองทุนน้ำมันเพิ่มอีก 50 สตางค์/ลิตร เป็น 1.20 บาท/ลิตร หลังราคาน้ำมันโลกโลกทำให้ค่าการตลาดดีเซลของผู้ค้าพุ่ง พร้อมปรับสูตรดีเซล บี3 เป็น บี4 มีผล 1 ก.ค.นี้ เป็นเวลา 3 เดือน ยันไม่ทำให้น้ำมันปาล์มขาดตลาดแน่
นายณอคุณ สิทธิพงศ์ ปลัดกระทรวงพลังงาน ทำหน้าที่ประธานคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) วานนี้ (20 มิ.ย.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมอนุมัติให้เพิ่มอัตราการจัดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงส่วนของน้ำมันดีเซลอีก 50 สตางค์ต่อลิตร จากที่จัดเก็บอยู่ 70 สตางค์ต่อลิตร เป็น 1.20 บาทต่อลิตร เนื่องจากราคาน้ำมันดิบโลกในช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมาราคาน้ำมันดิบดูไบอยู่ที่ 105.9 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล ลดลง 2.89 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล และราคาน้ำมันดีเซลอยู่ที่ 124 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล ทำให้ค่าการตลาดน้ำมันดีเซลของผู้ค้าน้ำมันเพิ่มขึ้นเป็น 2 บาทต่อลิตร ซึ่งการเก็บเงินเข้ากองทุนฯเพิ่มจะทำให้ค่าการตลาดน้ำมันดีเซลอยู่ที่ระดับ 1.50 บาทต่อลิตร ซึ่งการเรียกเก็บเงินเข้ากองทุนดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบต่อราคาขายปลีกน้ำมันดีเซล โดยยังคงราคาที่ 29.99 บาทต่อลิตร ทำให้มีเงินไหลเข้ากองทุนฯเพิ่มทำให้กองทุนน้ำมันฯมีเงินไหลออกลดลงเหลือ 13 ล้านบาท/วัน จากสัปดาห์ก่อนมีเงินไหลออกจากกองทุน 41 ล้านบาท/วัน ปัจจุบันฐานะกองทุนน้ำมันฯสุทธิเหลือ 400 กว่าล้านบาท
นายณอคุณ กล่าวต่อไปว่า ที่ประชุมยังมีมติให้ปรับสูตรการใช้น้ำมันดีเซล บี4 แทนดีเซล บี3 มีผลตั้งแต่ในวันที่ 1 ก.ค.เป็นต้นไป เป็นเวลา 3 เดือน (ก.ค.-ก.ย.54) เพื่อรองรับผลผลิตปาล์มที่ออกสู่ตลาด หลังจากคณะรัฐมนตรีรับทราบมติคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ ที่มี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ได้เสนอให้กระทรวงพลังงานเพิ่มการใช้น้ำมันปาล์มในการผลิตไบโอดีเซล โดยให้มีการปรับสูตรน้ำมันดีเซล บี3 เป็นดีเซล บี4 แทน ซึ่งการปรับสูตรการใช้น้ำมันดีเซล บี4 ทำให้กองทุนต้องเข้ามาอุดหนุนเพิ่มขึ้นอีกลิตรละ 10 สตางค์ หรือวันละ 5 ล้านบาท โดยปริมาณผลปาล์มในปีนี้ พบว่า ปาล์มทะลายอยู่ที่ 9.2 ล้านตัน เป็นน้ำมันปาล์มดิบ 1.54 ล้านตัน จัดสรรเพื่อการบริโภคและใช้ในภาคอุตสาหกรรม 8.5 แสนตัน และ CPO 3.4 แสนตัน
จากการหารือร่วมกับกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงเกษตรฯ พบว่า สต๊อกน้ำมันปาล์มดิบ(CPO) ปลาย พ.ค.54 อยู่ที่ 2.13 แสนตัน มิ.ย.54 สต๊อกเพิ่มเป็น 2.42 แสนตัน ก.ค.สต๊อกอยู่ที่ 2.68 แสนตัน ส.ค.2.81 แสนตัน และ ก.ย.3.14 แสนตัน ซึ่งการปรับสูตรการใช้ดีเซล บี3 เป็นดีเซล บี4 จะทำให้ยอดการใช้น้ำมันปาล์มดิบเพิ่มขึ้นจาก 2.5 หมื่นตัน/วัน เป็น 3.5 หมื่นตัน/วัน โดยยืนยันว่าการปรับสูตรดีเซลบี 4ไม่ทำให้น้ำมันปาล์มขาดแคลนแน่นอน ซึ่งหลังจากสิ้นเดือน ก.ย.นี้ กระทรวงพลังงานจะพิจารณาการใช้ดีเซล บี4 อีกครั้ง ทั้งนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับแผนการปรับโครงสร้างราคาน้ำมันใหม่ หลังสิ้นสุดการใช้มาตรการลดภาษีสรรพสามิตอุ้มราคาน้ำมันดีเซลไม่เกิน 30 บาท/ลิตรในวันที่ 30 ก.ย.54
นายณอคุณ สิทธิพงศ์ ปลัดกระทรวงพลังงาน ทำหน้าที่ประธานคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) วานนี้ (20 มิ.ย.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมอนุมัติให้เพิ่มอัตราการจัดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงส่วนของน้ำมันดีเซลอีก 50 สตางค์ต่อลิตร จากที่จัดเก็บอยู่ 70 สตางค์ต่อลิตร เป็น 1.20 บาทต่อลิตร เนื่องจากราคาน้ำมันดิบโลกในช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมาราคาน้ำมันดิบดูไบอยู่ที่ 105.9 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล ลดลง 2.89 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล และราคาน้ำมันดีเซลอยู่ที่ 124 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล ทำให้ค่าการตลาดน้ำมันดีเซลของผู้ค้าน้ำมันเพิ่มขึ้นเป็น 2 บาทต่อลิตร ซึ่งการเก็บเงินเข้ากองทุนฯเพิ่มจะทำให้ค่าการตลาดน้ำมันดีเซลอยู่ที่ระดับ 1.50 บาทต่อลิตร ซึ่งการเรียกเก็บเงินเข้ากองทุนดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบต่อราคาขายปลีกน้ำมันดีเซล โดยยังคงราคาที่ 29.99 บาทต่อลิตร ทำให้มีเงินไหลเข้ากองทุนฯเพิ่มทำให้กองทุนน้ำมันฯมีเงินไหลออกลดลงเหลือ 13 ล้านบาท/วัน จากสัปดาห์ก่อนมีเงินไหลออกจากกองทุน 41 ล้านบาท/วัน ปัจจุบันฐานะกองทุนน้ำมันฯสุทธิเหลือ 400 กว่าล้านบาท
นายณอคุณ กล่าวต่อไปว่า ที่ประชุมยังมีมติให้ปรับสูตรการใช้น้ำมันดีเซล บี4 แทนดีเซล บี3 มีผลตั้งแต่ในวันที่ 1 ก.ค.เป็นต้นไป เป็นเวลา 3 เดือน (ก.ค.-ก.ย.54) เพื่อรองรับผลผลิตปาล์มที่ออกสู่ตลาด หลังจากคณะรัฐมนตรีรับทราบมติคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ ที่มี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ได้เสนอให้กระทรวงพลังงานเพิ่มการใช้น้ำมันปาล์มในการผลิตไบโอดีเซล โดยให้มีการปรับสูตรน้ำมันดีเซล บี3 เป็นดีเซล บี4 แทน ซึ่งการปรับสูตรการใช้น้ำมันดีเซล บี4 ทำให้กองทุนต้องเข้ามาอุดหนุนเพิ่มขึ้นอีกลิตรละ 10 สตางค์ หรือวันละ 5 ล้านบาท โดยปริมาณผลปาล์มในปีนี้ พบว่า ปาล์มทะลายอยู่ที่ 9.2 ล้านตัน เป็นน้ำมันปาล์มดิบ 1.54 ล้านตัน จัดสรรเพื่อการบริโภคและใช้ในภาคอุตสาหกรรม 8.5 แสนตัน และ CPO 3.4 แสนตัน
จากการหารือร่วมกับกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงเกษตรฯ พบว่า สต๊อกน้ำมันปาล์มดิบ(CPO) ปลาย พ.ค.54 อยู่ที่ 2.13 แสนตัน มิ.ย.54 สต๊อกเพิ่มเป็น 2.42 แสนตัน ก.ค.สต๊อกอยู่ที่ 2.68 แสนตัน ส.ค.2.81 แสนตัน และ ก.ย.3.14 แสนตัน ซึ่งการปรับสูตรการใช้ดีเซล บี3 เป็นดีเซล บี4 จะทำให้ยอดการใช้น้ำมันปาล์มดิบเพิ่มขึ้นจาก 2.5 หมื่นตัน/วัน เป็น 3.5 หมื่นตัน/วัน โดยยืนยันว่าการปรับสูตรดีเซลบี 4ไม่ทำให้น้ำมันปาล์มขาดแคลนแน่นอน ซึ่งหลังจากสิ้นเดือน ก.ย.นี้ กระทรวงพลังงานจะพิจารณาการใช้ดีเซล บี4 อีกครั้ง ทั้งนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับแผนการปรับโครงสร้างราคาน้ำมันใหม่ หลังสิ้นสุดการใช้มาตรการลดภาษีสรรพสามิตอุ้มราคาน้ำมันดีเซลไม่เกิน 30 บาท/ลิตรในวันที่ 30 ก.ย.54
