นายกฯ ยอมรับมีการทุจริตในโครงการขนาดใหญ่เข้ากระเป๋านักการเมือง “มาร์ค” แฉ กระบวนการสร้างราคากลางโครงการรัฐสูงเกินมาตรฐาน 10-20% เพื่อให้เกิดส่วนต่าง ให้มีช่องทางในการทุจริต พร้อมระบุตัวการ “บริษัทที่ปรึกษา” ทำหน้าที่ล็อกสเปก
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาพิเศษเรื่อง “วาระประเทศไทย ภาวะธรรมาภิบาลที่ยั่งยืน” โดยย้ำว่า ระบบการกำหนดราคากลางในการจัดซื้อจัดจ้าง หรือก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่ช่วงที่ผ่านมา ได้ให้สำนักงบประมาณไปศึกษา พบว่า มีการกำหนดราคากลางในปัจจุบันที่สูงเกินมาตรฐานราคากลางที่ควรจะเป็นร้อยละ 10-20 และส่วนใหญ่จะเป็นโครงการลงทุนขนาดใหญ่ ทำให้ส่วนเกินดังกล่าวตกไปอยู่ในมือของนักการเมือง และโครงการลงทุนขนาดใหญ่มักจะขาดผู้เชี่ยวชาญในการติดตามควบคุมดูแล
“ยอมรับว่า การทุจริตคอร์รัปชันในปัจจุบัน มีความแยบยลซับซ้อนมากขึ้น อย่างเช่น การกำหนดให้โครงการที่มีมูลค่าตั้งแต่ 2 ล้านบาทขึ้นไป ใช้วิธีประมูลอิเลกทรอนิกส์ (e-Auction) ทำให้มีโครงการที่มีมูลค่าไม่เกิน 1.9 ล้านบาทเกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจสอบ เมื่อมีการประมูลอิเลกทรอนิกส์ได้ ก็มีการฮั้วอิเลกทรอนิกส์ได้เช่นกัน”
นายอภิสิทธิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันมักจะมีการทุจริตเรื่องดังกล่าวผ่านบริษัทที่ปรึกษา เพราะจะให้คำปรึกษาโดยมีเป้าหมายให้เอกชนรายหนึ่งรายใดได้งาน และอาจมีการแนะนำให้แก้ไขเงื่อนไขต่างๆ เอื้อต่อการรับงานของเอกชนรายหนึ่งรายใดได้ รวมถึงระบบประกันรายได้เกษตรกรที่รัฐบาลเปลี่ยนมาจากระบบจำนำ เพราะมีปัญหาการทุจริตหลายด้าน เพราะเห็นว่าการรับจำนำมีปัญหาตั้งแต่การระบายสินค้าเกษตร การเก็บรักษา มีข่าวการทุจริตอย่างต่อเนื่อง
สำหรับการอุดหนุนราคาดีเซลในช่วงที่ผ่านมา มีหลายคนบ่นว่า มีรถยนต์คนรวยจำนวนมากที่ใช้น้ำมันดีเซล นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวรัฐบาลอยากแจกคูปอง เพื่อช่วยเหลือให้ตรงจุดกับผู้เดือดร้อน แต่อาจมีปัญหารั่วไหล และความยุ่งยากในการรับคูปอง สิ่งเหล่านี้ทุกฝ่ายต้องร่วมกัน เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาการทุจริตคอร์รัปชัน แม้กระทั่งการรับการชดเชยจากปัญหาอุทกภัย บางหมู่บ้านได้รับการชดเชยบางราย บางหมู่บ้านไม่ได้รับการชดเชย หรือมีการบันทึกข้อมูลไม่ตรงกับความเป็นจริง สิ่งเหล่านี้ต้องสร้างให้สังคมตื่นตัวในเรื่องการทุจริตคอร์รัปชั่น หรือกำหนดบทลงโทษให้เกิดความชัดเจนให้เป็นธรรมกับทุกฝ่าย โดยไม่ถูกมองว่ามีการลงโทษฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเท่านั้น