xs
xsm
sm
md
lg

พาณิชย์ดัน “ปากน้ำโพ” ฮับค้าข้าว “ชาวนา” ชำแหละ “ประกันรายได้-รับจำนำ”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ปลัดพาณิชย์ ชี้ โครงการตลาดกลางประมูลข้าวสารในประเทศ สัปดาห์หน้า ที่เมืองปากน้ำโพ เป็นจุดเริ่มต้นที่จะทำให้ไทยเป็นศูนย์กลางการค้าข้าว และสามารถกำหนดราคากลางเองได้ ด้านกลุ่มเกษตรกรชาวนาในพื้นที่ “นครสวรรค์” ต่างสนใจเรื่องนโยบายราคาข้าวของแต่ละพรรคที่มาหาเสียง ทั้งเรื่องประกันรายได้และรับจำนำ ยอมรับ มีการวิพากษ์กันอย่างถึงพริกถึงขิง ด้านผู้ส่งออกโวยนโยบายหาเสียงชาวนาทำตลาดข้าวป่วน ผวาโดนตัดออเดอร์ยาว เกมปั่นราคาพุ่ง

นายยรรยง พวงราช ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงการดำเนินโครงการตลาดกลางประมูลข้าวสารในประเทศ (ท่าข้าวกำนันทรง) ที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 20-23 มิถุนายน 2554 ณ ท่าข้าวกำนันทรง จังหวัดนครสวรรค์ โดยได้เชิญผู้ค้าข้าวจากทั่วโลกมาร่วมงาน คาดว่า จะมีผู้ซื้อจำนวนมากเข้าร่วมการประชุมข้าวนานาชาติในประเทศไทย โดยจะมีการประกาศมาตรฐานข้าวโลก จากการจัดงานครั้งนี้ด้วย

สำหรับเป้าหมายการจัดงาน เพื่อต้องการให้ไทยเป็นศูนย์กลางการค้าข้าวโลก ในฐานะเป็นผู้ส่งออกข้าวอันดับ 1 ของโลก แม้ประเทศไม่มีพื้นที่มากเหมือนจีน อินเดีย และสหรัฐอเมริกา ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ไทยมีศักยภาพสูงสุดเรื่องข้าว แต่ที่ผ่านมา การซื้อขายข้าวต้องผ่านคนกลางนอกประเทศ ไม่สามารถกำหนดราคากลางเองได้ จึงอยากจะกำหนดราคากลางได้เอง

สำหรับการประมูลข้าวเมื่อเดือนเมษายน 2554 ที่ผ่านมา มีจำนวนหลายพันตัน ล่าสุด การประมูลเมื่อเดือนพฤษภาคม 2554 มีผู้เสนอซื้อถึง 4 พันตัน มูลค่าการประมูลประมาณ 51 ล้านบาท ซึ่งการประมูลที่จะมีขึ้นคาดว่าจะมีมูลค่ากว่าหมื่นตัน

นายคมกฤช ธรรมรัตนกุล ผู้บริหารชมรมโรงสีข้าว จังหวัดนครสวรรค์ เปิดเผยว่า ปัจจุบันชมรมโรงสีข้าวจังหวัดนครสวรรค์มีสมาชิกจำนวน 75 โรง ซึ่งสถานการณ์ข้าวเปลือกในจังหวัดนครสวรรค์ช่วงนี้ ยังไม่มีข้าวออกขายตามลานตากข้าว หรือโรงสี เนื่องจากยังเป็นฤดูกาลเพราะปลูกทำให้ลานตากข้าว โรงสีเวลานี้มีเพียงข้าวเก่าที่ซื้อไว้เมื่อปีที่แล้วเท่านั้น ข้าวยังคงอยู่ในโรงสีประมาณร้อยละ 5 ทุกโรงสีมีอยู่ในสต๊อกของตนเองเท่านั้น ไม่ได้กักตุน หรือเก็งราคาสถานการณ์ยังเป็นไปตามกลไกตลาดปกติเท่านั้น

นายคมกฤช กล่าวเสริมว่า แนวโน้มราคาข้าวช่วงนี้ปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง เวลานี้รับซื้อตันละ 9 พันบาทและมีแนวโน้มปรับราคาเพิ่มเรื่อยๆ ซึ่งก็เป็นไปตามเงื่อนไขผู้ซื้อคือตลาดโลก การที่โรงสีไม่ยอมขายข้าวออกสู่ตลาดช่วงนี้ เนื่องจากโรงสีมีข้าวในมือจำนวนน้อย ผลผลิตจากชาวนาไม่มีออกจำหน่ายช่วงนี้ โรงสีสามารถชะลอการขายเพื่อรอข้าวใหม่ช่วงเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม 2554 ได้ ทำให้ยังไม่จำเป็นต้องเร่งขายข้าวช่วงนี้ ยังสามารถรอดูทิศทางของรัฐบาลชุดใหม่ได้อีกหลายเดือน เพราะหากมีกระแสข้าวแรงๆ เหมือนปี 2551 โรงสีจะสามารถปรับตัวได้ทัน จึงไม่ยอมขายข้าวช่วงนี้ ซึ่งพฤติกรรมของผู้ประกอบการโรงสีช่วงนี้ไม่ใช่กักตุนแต่เป็นไปตามกลไกตลาดที่ทำมาโดยตลอด แต่พอดีช่วงนี้เข้าสู่โหมดเลือกตั้งเท่านั้น

“โฉมหน้ารัฐบาลชุดใหม่แนวนโยบายก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้โรงสีข้าวปรับตัว เพราะว่าแนวโน้มราคาข้าวปรับสูงขึ้นเรื่อยๆ เพราะบางพรรคการเมืองประกาศนโยบายจะรับซื้อข้าวตันละ 15,000-20,000 บาท ก็มี แต่สิ่งที่อยากเห็นคือต้องการให้พรรคการเมืองบอกถึงวิธีการขายวิธีการค้ากับตลาดโลก เนื่องจากข้าวต้องอาศัยปัจจัยจากตลาดโลกเป็นสำคัญ แต่ไม่เห็นมีพรรคการเมืองใดบอกถึงวิธีการ เวลานี้โรงสี มองว่า นโยบายเรื่องข้าวของแต่ละพรรคการเมือง ไม่ว่าจะนโยบายประกันราคาหรือรับจำนำข้าวเปลือก ล้วนเป็นแค่เครื่องมือมิใช่นโยบายที่แท้จริง เพราะว่านโยบายต้องยืดหยุ่นได้ในการค้าระดับโลก ตนจึงมองการหาเสียงเรื่องข้าวช่วงนี้เป็นเพียงเครื่องมือของพรรคการเมืองไม่ใช่นโยบายที่แท้จริง”

ขณะที่ นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย เปิดเผยว่า นโยบายหาเสียงพรรคการเมืองในการหันมารับจำนำข้าวตันละ 15,000-20,000 บาท ได้ส่งผลกระทบจิตวิทยาต่อราคาข้าวในประเทศสูงขึ้นตั้งแต่สัปดาห์ที่ผ่านมา แต่กระทบต่อการส่งออกข้าว เพราะผู้ส่งออกวิตกถึงความผันผวนของราคาข้าวในช่วงเลือกตั้ง และเกรงว่า คาดการณ์ผิดอาจขาดทุน ทำให้ชะลอรับคำสั่งซื้อระยะกลางถึงยาว 3-6 เดือน เหลือระยะสั้นไม่เกิน 1-2 เดือน แต่อย่างไรก็ตาม จะไม่กระทบต่อคาดการณ์การส่งออกข้าวทั้งปี 2554 ไว้ที่ 9.5-10 ล้านตัน เพราะช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ ไทยมียอดสะสมส่งออกข้าวแล้วถึง 6 ล้านตัน เฉลี่ยต่อเดือนครึ่งปีหลังส่งออก 7 แสนตัน ก็บรรลุเป้าหมายแล้ว

“ลูกค้าเริ่มบอกรับไม่ได้ เริ่มมีการต่อต้าน หากข้าวไทยเพิ่มเป็นตันละ 1.5 หมื่นบาท ราคาส่งออกจะเพิ่มจาก 600 ดอลลาร์สหรัฐฯ ไปอยู่ที่ 800 ดอลลาร์สหรัฐฯ ไทยจะกลับมาเป็นทางเลือกสุดท้ายอีกครั้ง กลายเป็นดันราคาและตลาดส่งออกให้ประเทศคู่แข่งแทน ประเทศเคยชะลอการส่งออกก็จะกลับมาแข่งอีกรอบโดยเฉพาะอินเดีย ที่ชะลอขายข้าวนึ่งมาเกือบ 2 ปี จึงไม่มีใครคาดการณ์ได้ว่าราคา และตลาดข้าวขณะนี้เป็นแค่ตามกระแสการเมืองช่วงเลือกตั้ง หรือเป็นสิ่งที่เกิดได้หลังเลือกตั้ง”

ทั้งนี้ ความไม่มั่นใจต่อราคาข้าวไทย และนโยบายข้าวของรัฐบาลไทยกำลังทำให้ผู้ประกอบการไทย และต่างชาติบางส่วนหันไปลงทุนธุรกิจค้าข้าวในประเทศเพื่อนบ้านแทน โดยเฉพาะแหล่งทุนจากญี่ปุ่น และ จีน เหมือนธุรกิจภาคอุตสาหกรรมที่กำลังหันลงทุนประเทศอื่นในอาเซียนแทนแล้ว โดยเฉพาะในกัมพูชา และเวียดนาม
กำลังโหลดความคิดเห็น