“พรทิวา” สั่งตั้งศูนย์ สภาธุรกิจ SMEs มอบปลัด พณ.คุม-คาดเปิดได้ มิ.ย.นี้

รมว.พาณิชย์ สั่งตั้งศูนย์ สภาธุรกิจ SMEs พร้อมตั้งคณะทำงานศึกษาให้แล้วเสร็จภายในเดือน มิ.ย.นี้ เพื่อนำเสนอต่อรัฐบาลชุดใหม่ดำเนินการได้ต่อเนื่องทันที พร้อมมอบปลัดพาณิชย์ มีอำนาจควบคุมกำกับดูแลและสั่งการศูนย์ดังกล่าว

นางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้เซ็นคำสั่งด่วนแต่งตั้งให้อธิบดีกรมส่งเสริมการส่งออกเป็นประธานคณะทำงานร่วมกับคณะทำงานจากภาคธุรกิจ SMEs ส่งออก ศึกษาวิเคราะห์เสนอแนะรูปแบบ โครงสร้างและแนวทางจัดตั้งการบริหารจัดการสภาธุรกิจวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมเพื่อการส่งออก (สภาธุรกิจSMEs เพื่อการส่งออก) พร้อมจัดตั้งศูนย์อำนวยการ SMEs เพื่อการส่งออก ณ อาคารกรมส่งเสริมการส่งออก (ตึก คปภ.เดิม) ชั้น 5 เป็นสถานที่ตั้งชั่วคราวของศูนย์อำนวยการสภาธุรกิจเอสเอ็มอี

อย่างไรก็ตาม โดยมีภารกิจในการสนับสนุนให้การจัดตั้งสภาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมเพื่อการส่งออกบรรลุผลสำเร็จ และศูนย์จะสิ้นสุดภารกิจ ตลอดจนอำนาจหน้าที่ต่างๆ เมื่อจัดตั้งสภาธุรกิจSMEs เพื่อการส่งออกบรรลุผลสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรมแล้ว คาดแล้วเสร็จภายในเดือนมิถุนายน 2554 นี้ เพื่อนำเสนอต่อรัฐบาลชุดใหม่ดำเนินการได้ต่อเนื่องทันที

“ศูนย์อำนวยการฯดังกล่าวมีอำนาจหน้าที่รวบรวม จัดทำข้อมูลและทะเบียนสมาชิกธุรกิจSMEs เพื่อการส่งออก อำนวยความสะดวกและประสานการดำเนินงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน สนับสนุนการจัดตั้งสภาธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมเพื่อการส่งออก เพื่อให้การดำเนินงานของศูนย์ บรรลุตามภารกิจจนกว่าการจัดตั้งสภาธุรกิจ SMEs เพื่อการส่งออกแล้วเสร็จ และมีผลตามกฎหมาย”

ทั้งนี้ รมว.พาณิชย์ ได้มอบหมายให้ปลัดกระทรวงพาณิชย์มีอำนาจควบคุมกำกับดูแลและสั่งการศูนย์ ดังกล่าว มีสำนักส่งเสริมธุรกิจ SMEs เพื่อการส่งออก กรมส่งเสริมการส่งออก ทำหน้าที่เป็นฝ่ายเลขา เพื่อผลักดันให้สภาธุรกิจเอสเอ็มอีเป็นองค์กรที่เป็นตัวแทนของเอสเอ็มอีจริงๆ โดยนำข้อเรียกร้อง ข้อเสนอแนะต่อรัฐบาล ผลักดันให้มีการนำไปสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม ตลอดจนรวบรวมผลการดำเนินงาน การประเมินผลงาน นำเสนอต่อภาครัฐที่เกี่ยวข้อง พร้อมกับเป็นศูนย์กลางในการกระจายข้อมูลข่าวสารที่เป็นประโยชน์ สร้างระบบเตือนภัยและมาตรการปรับตัวของเอสเอ็มอีจากผลกระทบจากปัจจัยแวดล้อมต่างๆ ที่เกิดขึ้น

ปัจจุบันภาคการส่งออกมาจากธุรกิจเอสเอ็มอีกว่าร้อยละ 80 สร้างงานให้เกิดธุรกิจเชื่อมโยงและสนับสนุนในภาคอุตสาหกรรมการผลิต-การค้าเพื่อการส่งออกในสาขาต่างๆ ในขณะที่สถานการณ์การแข่งขันในเวทีการค้าระหว่างประเทศทวีความรุนแรงและซับซ้อนมากขึ้น ซึ่งประเทศขนาดใหญ่ย่อมได้เปรียบกว่าประเทศเล็กที่ขาดอำนาจต่อรอง ผู้ประกอบการจึงต้องปรับตัว ปรับทิศทาง และแนวคิดการดำเนินธุรกิจ สร้างภูมิคุ้มกัน โดยการรวมตัวเพิ่มอำนาจต่อรองในระดับท้องถิ่น เชื่อมโยงไปสู่ภูมิภาคและระดับโลกต่อไป