“วัชรี” ปลัดพาณิชย์คนใหม่ประกาศดูแลราคาสินค้า เน้นภาคเกษตร พร้อมร่วมมือเอกชนผลักดันส่งออก มั่นใจไม่มีปัญหาการทำงาน “ส่งออก” ยอมรับ ครม.แต่งตั้ง “วัชรี” อยู่นอกเหนือความคาดหมาย แต่มั่นใจทำงานได้ดี “พรศิลป์” ชี้ผลงานเด่น ภาคเอกชนพร้อมร่วมมือทำงาน
นางวัชรี วิมุกตายน อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยถึงกรณีคณะรัฐมนตรี (ครม.) วานนี้ มีมติแต่งตั้งให้ตนขึ้นดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงพาณิชย์คนใหม่ แทนนายยรรยง พวงราช ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ที่จะเกษียณอายุราชการในวันที่ 30 กันยายน 2555 นี้ โดยยอมรับว่าตนได้รับมอบหมายให้เข้ามาดูแลงานให้เข้มข้นมากขึ้น ซึ่งจะเน้นงานในประเทศเป็นหลัก โดยเฉพาะนโยบายสำคัญของรัฐบาลที่เกี่ยวกับงานในประเทศ
นอกจากนี้ การเข้ามารับตำแหน่งยังคงต้องสานต่องานที่กรมการค้าภายในดูแลอยู่แล้วเพื่อให้การทำงานดียิ่งขึ้น ทั้งด้านการดูแลราคาสินค้า โดยเฉพาะสินค้าเกษตรยังคงต้องใช้นโยบายในการแทรกแซงราคา ส่วนงานด้านต่างประเทศนั้นก็จะต้องร่วมมือกับภาคเอกชนมากยิ่งขึ้น ในการติดตามสถานการณ์การส่งออกที่หลายฝ่ายมีความกังวล และตนขอทำหน้าที่ในด้านนี้ให้ดีที่สุด และเชื่อว่าจะไม่มีปัญหา
ขณะที่อธิบดีกรมการค้าภายในคนใหม่ ตนไม่มีความเป็นห่วงเพราะถือว่าเป็นบุคคลที่มีใจสู้ มีความรับผิดชอบสูง ตั้งใจทำงาน และตนก็จะมอบหมายงานทั้งหมดให้สานต่อ
**เอกชนรับได้ ชี้เหนือความคาดหมาย
นายไพบูลย์ พลสุวรรณา ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การที่นางวัชรีเข้ามารับตำแหน่งปลัดกระทรวงพาณิชย์ ถือเป็นเรื่องที่นอกเหนือจากความคาดหมายของภาคเอกชนส่วนใหญ่ แต่ก็คาดว่าจะสามารถทำหน้าที่ได้ดี ในฐานะที่เป็นกระทรวงที่ใกล้ชิดกับภาคเอกชนมากที่สุด และควรมีการรับฟังปัญหา และข้อคิดเห็นของภาคเอกชนเพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการของภาคเอกชนได้ เพราะหากเอกชนอยู่ได้ก็เท่ากับว่าเศรษฐกิจโดยรวมไปได้ดี
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าผู้ที่ได้รับตำแหน่งบางคนอาจไม่เชี่ยวชาญในงานที่ได้รับ แต่เชื่อว่าหากร่วมมือกันก็จะสามารถผลักดันให้ภาคเอกชนสามารถดำเนินธุรกิจได้เป็นอย่างดี
นายพรศิลป์ พัชรินทร์ตนะกุล รองประธานกรรมการสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวถึง การโยกย้ายตำแหน่งข้าราชการระดับสูงของกระทรวงพาณิชย์ว่า ในภาพรวมถือว่าพอรับได้ แม้ว่านางวัชรี วิมุกตายน จะไม่ได้มีพื้นฐานงานด้านต่างประเทศมาก่อน แต่ผลงานด้านการดูแลราคาสินค้าในประเทศที่ผ่านมาก็ถือว่าสามารถดูแลได้ดี ทั้งในส่วนของภาคประชาชน และภาคเอกชน ซึ่งทางภาคเอกชนก็พร้อมที่จะให้ความร่วมมือในการทำงาน
ทั้งนี้ สิ่งที่น่าห่วงที่สุดคือ กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ที่มองว่าได้บุคคลที่อาจต้องทำการบ้านอย่างหนัก เพราะเป็นงานเหมือนหน้าด่านสำคัญที่ต้องออกไปเจรจาเพื่อผลประโยชน์ของประเทศ และให้ได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย ดังนั้น อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศจะต้องมีความเชี่ยวชาญด้านต่างประเทศอย่างมาก เพราะอนาคตประเทศไทยจะต้องมีงานเจรจาอีกมาก หากไม่มีความเชี่ยวชาญอาจส่งผลลบต่อประเทศได้