ม.หอการค้า เผยแรงงานไทย 88.4% รายได้ไม่พอรายจ่าย ผลสำรวจเผยแต่ละคนมีหนี้สินท่วมหัว เฉลี่ยรายละเกือบแสนบาท และมีปัญหาการผ่อนชำระ พร้อมวอนรัฐขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 9 บาท แนะทุกพรรคการเมือง ต้องคงนโยบายประชานิยมเอาไว้
นายวชิร คูณทวีเทพ อาจารย์ประจำศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยผลสำรวจสถานภาพแรงงานไทยในปัจจุบัน จากกลุ่มตัวอย่างแรงงานที่มีรายได้ไม่เกิน 15,000 บาท จำนวน 1,200 ตัวอย่าง พบว่าส่วนใหญ่ ร้อยละ 88.4 มีหนี้สินโดยเฉลี่ยครอบครัวละ 87,641 บาท และร้อยละ 69.3 มีปัญหาการผ่อนชำระ เพราะรายได้ไม่เพียงพอกับรายจ่าย เนื่องจากราคาสินค้าแพงขึ้น อัตราดอกเบี้ยสูงขึ้น และราคาน้ำมันสูงขึ้น
"ผู้ใช้แรงงานส่วนใหญ่ ต้องการให้ภาครัฐปรับราคาค่าจ้างขั้นต่ำเพิ่มขึ้นอีก 9 บาทต่อวัน และให้ปรับขึ้นในทันที เพื่อให้รายได้เพียงพอกับรายจ่าย รวมทั้งควรคงนโยบายประชานิยมต่างๆ เอาไว้เหมือนเดิม"
นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวเสริมว่า แรงงานส่วนใหญ่ร้อยละ 70 เห็นว่าภาวะเศรษฐกิจยังเป็นปัจจัยเสี่ยงโดยมีปัญหารายได้ไม่พอกับค่าใช้จ่าย เนื่องจากราคาสินค้าปรับสูงขึ้น อัตราดอกเบี้ยสูงขึ้น ราคาน้ำมันแพง และรายได้ลดลง
"ผู้ใช้แรงงานร้อยละ 69.1 ต้องการให้รัฐบาลดูแลเรื่องค่าครองชีพโดยเฉพาะราคาสินค้าที่แพงขึ้น ทำให้แรงงานต้องชะลอการใช้จ่ายและบริโภค รองลงมา คือ ขอให้รัฐบาลเพิ่มสวัสดิการแรงงาน เพิ่มค่าแรงขั้นต่ำ"
นอกจากนี้ ผลสำรวจยังพบผู้ใช้แรงงานพอใจนโยบายประชานิยมของทั้งพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) และพรรคเพื่อไทย (พท.) โดยต้องการให้มีการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำทันทีอย่างน้อย 9 บาทต่อวัน
อย่างไรก็ตาม เห็นว่าการที่พรรคการเมืองมีนโยบายเสนอเพิ่มค่าแรงงานขั้นต่ำในปีนี้จะกระทบต่อต้นทุนของผู้ประกอบการมากขึ้น ซ้ำเติมจากราคาน้ำมัน ก๊าซ ค่าไฟ ทำให้อัตราเงินเฟ้อเร่งตัวขึ้น ขณะที่ผู้ประกอบการไม่สามารถขึ้นราคาได้ และอาจจะต้องใช้แรงงานต่างด้าว และเครื่องจักรแทน ซึ่งจะทำร้ายภาพเศรษฐกิจในระยะยาว ดังนั้นควรเพิ่มค่าแรงในจังหวะที่เหมาะสม
