xs
xsm
sm
md
lg

เรกกูเรเตอร์ชงโครงสร้างค่าไฟใหม่ 27 เม.ย.นี้ ค่าเอฟทีจ่อปรับขึ้นเดือนหน้า

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


กกพ.ชี้ ค่าเอฟทีไฟฟ้างวดเดือน พ.ค.-ส.ค.54 มีแนวโน้มปรับขึ้น เผย โครงสร้างค่าไฟใหม่เป็นธรรม เพราะมีการปรับสูตรคำนวณสะท้อนต้นทุนจริง ผู้ใช้ไฟฟ้าในกิจการขนาดใหญ่เกินเดือนละ 400 หน่วย รับภาระผู้ใช้ไฟต่ำกว่า 90 หน่วย เตรียมเสนอ กพช.เคาะ 27 เม.ย.นี้

นายดิเรก ลาวัณศิริ ประธานคณะกรรมการการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) หรือ เรกกูเรเตอร์ เปิดเผยแนวโน้มค่าไฟฟ้าอัตโนมัติ (เอฟที) งวดใหม่ เดือนพฤษภาคม ถึงเดือนสิงหาคม 2554 นี้ มีแนวโน้มปรับขึ้นตามต้นทุนราคาน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ รวมถึงค่าเงินบาทที่อ่อนลง และปริมาณการใช้ไฟฟ้าที่อาจจะน้อยลงด้วย เพราะมีฝนตกและอากาศเย็นในช่วงที่ผ่านมา แต่จะมากน้อยเพียงใดต้องพิจารณาตัวเลขอีกครั้ง

โดยวันนี้ กกพ.ได้จัดสัมมนารับฟังความคิดเห็นเรื่องหลักเกณฑ์การกำหนดโครงสร้างอัตราค่าไฟฟ้าของประเทศไทย สำหรับปี 2554-2558 หลังจากโครงสร้างอัตราค่าไฟฟ้าเดิมใช้มาแล้ว 6 ปี พร้อมจัดทำข้อเสนอในการช่วยเหลือ ผู้ใช้ไฟฟ้าที่มีการใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 90 หน่วยต่อเดือน และที่อยู่อาศัยที่ใช้มิเตอร์ไฟฟ้าขนาด 5 แอมแปร์ ซึ่งมีประมาณ 7.9 ล้านรายทั่วประเทศ

นางพัลลภา เรืองรอง กรรมการการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) หรือ เรกกูเรเตอร์ กล่าวว่า สำหรับโครงสร้างค่าไฟใหม่จะประกอบด้วย ค่าไฟฟ้าฐาน และ ค่าเอฟที เหมือนเดิม แต่จะมีการแยกแยะให้ชัดเจนว่า ต้นทุนการผลิตของแต่ละโรงไฟฟ้า ต้นทุนสายส่ง และอื่นๆ เป็นอย่างไร ขณะที่ค่าเอฟทีจะเหลือเฉพาะค่าเชื้อเพลิงเท่านั้น หลังจากได้ข้อสรุปแล้วจะเสนอให้คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) พิจารณาต่อไป ซึ่งคาดว่าโครงสร้างอัตราค่าไฟฟ้าใหม่จะประกาศใช้ได้ในเดือนกรกฎาคม 2554 นี้

ดังนั้น การคำนวณค่าไฟฐานจะสะท้อนต้นทุนตามช่วงเวลาและลักษณะการใช้ไฟฟ้าของผู้ใช้ไฟฟ้าแต่ละประเภท เพื่อส่งสัญญาณให้มีการประหยัดไฟฟ้า รวมทั้งแยกต้นทุนของของแต่ละการไฟฟ้า ได้แก่ กิจการผลิต กิจการระบบส่ง กิจการระบบจำหน่าย และกิจการค้าปลีก ในขณะที่ค่าเอฟทีใหม่จะเริ่มที่ศูนย์ โดยจะมีตัวแปรเฉพาะค่าเชื้อเพลิงที่สะท้อนตามราคาตลาดที่ใช้ในการผลิตไฟฟ้าเท่านั้น

“นโยบายดังกล่าว เพื่อเป็นการช่วยเหลือประชาชนผู้มีรายได้น้อยถาวร กกพ.จะเสนอให้ผู้ที่รับภาระค่าไฟในส่วนนี้ ได้แก่ ผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทกิจการขนาดใหญ่ และขนาดกลางที่มีการใช้ไฟฟ้าสูงกว่า 400 หน่วยต่อเดือน เช่น โรงงานอุตสาหกรรม อาคารที่ทำการของราชการ ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ เป็นต้น ซึ่งในส่วนนี้จะไม่กระทบต่อผู้ใช้ไฟฟ้าในกลุ่มที่อยู่อาศัยทุกประเภท และไม่กระทบต่อกิจการวิสาหกิจขนาดเล็ก (เอสเอ็มอี) แต่อย่างใด”

นอกจากนี้ กกพ.จะทบทวนตัวเลขอัตราผลตอบแทนการลงทุน (Roic) ของการไฟฟ้า 3 แห่ง ได้แก่ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ใหม่ ให้สอดคล้องกับความเป็นจริงโดยเฉพาะ กฟผ.เดิมมีอัตราอยู่ที่ 8.3% อาจปรับลดลงเหลือที่ระดับ 7% เนื่องจากเป็นตัวเลขเดิมที่ใช้รองรับการแปรรูป กฟผ.แต่เมื่อมีการยกเลิกก็ควรจะปรับลดลง ในขณะที่อีก 2 การไฟฟ้าจะปรับเพิ่มขึ้นจาก 4.8% เป็นระดับ 6%

อย่างไรก็ตาม คาดว่า จะมีการทบทวนโครงการลงทุนของ 3 การไฟฟ้าด้วย เพื่อรักษามาตรฐานคุณภาพบริการ และความมั่นคงของระบบไฟฟ้า โดยโครงการใดที่ไม่ได้มีการลงทุนตามแผนที่กำหนดไว้ในช่วงที่ผ่านมา จะมีการคำนวณจ่ายคืนให้กับประชาชนในรูปชองค่าไฟฟ้า เพราะมีการใช้เป็นต้นทุนค่าไฟฟ้าไปแล้ว
กำลังโหลดความคิดเห็น