ไทยเบฟฯ ชี้ตลาดเบียร์สงกรานต์คึกคัก ไตรมาส 2 ฉลุยตลาดโตพรวด 7-8% อัด 20 ล้านบาท ลุยซีเอสอาร์รับเทศกาล ผุดโครงการ”ขับขี่ปลอดภัยกับไทยเบฟ” วอนรัฐปรับโครงสร้างภาษี สุราขาวและสุราผสม ต้องเหมาะสมเป็นธรรม ยึดหลักสินค้าไทยสามารถแข่งขัน รับการเปิดเขตการค้าเสรีอาเซียนปี 2558 ชี้ราคาขึ้นกระทบแค่ระยะสั้น 2-3 เดือน
นายฐาปน สิริวัฒนภักดี กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดเบียร์ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปีนี้ จะมีความคึกคักมากกว่าปีที่ผ่านมา เนื่องจากปีนี้ไม่มีปัจจัยลบการชุมนุมทางการเมือง เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาตลาดเบียร์ไตรมาส 2 หรือในช่วงเดือนเมษายน ซึ่งปกติเป็นฤดูกาลจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กระทั่งเดือนมิถุนายน ซึ่งเป็นช่วงที่มีการแข่งขันฟุตบอลโลก แต่ตลาดกลับไม่ได้เติบโตมากนัก เพราะได้รับผลกระทบจากความวุ่นวายทางการเมือง ทั้งนี้คาดว่าตลาดเบียร์ในช่วงไตรมาส 2 ของปีนี้จะมีการเติบโต 7-8% โดยผู้บริโภคจะออกมาจับจ่ายใช้สอย และดื่มเฉลิมฉลองในช่วงเทศกาลปีใหม่ไทยกับครอบครัว และกลุ่มเพื่อนๆ
ในช่วงเทศกาลสงกรานต์และปีใหม่ บริษัทได้ทุ่มงบ 10-20 ล้านบาท จากงบการทำตลาดเพื่อสังคมหรือซีเอสอาร์รวมกว่า 100 ล้านบาท โดยปีนี้จับมือร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในช่วงสงกราต์เปิดตัวโครงการ”ขับขี่ปลอดภัยกับไทยเบฟ” ภายใต้แนวคิด”ขับขี่ใส่ใจ ห่วงใยคนรอบข้าง” โดยระหว่างวันที่ 11 เมษายน จะจัดกิจกรรมรณรงค์ 7 จุด คือ อนุเสาวรีย์ ตลาดไท สายใต้ใหม่ สีลม เพลินจิต ซอยอารีย์ และวันที่ 12-13เมษายน นี้ มอบชุดเฟรชอัพ ที่ หน่วยบริการประชาชนตำรวจทางหลวง 4 จุด ได้แก่ ด่านเทพพิทักษ์ อยุธยา ด่านทับกวาง สระบุรี ด่านมอเตอร์เวย์ ด่านวังมะนาว ราชบุรี จำนวน 1 หมื่นชุด โดยมีน้ำดื่มช้าง เครื่องดื่มชูกำลังแรงเยอร์ เครื่องดื่มเกลือแร่พาวเวอร์พลัส และกาแฟคอฟฟี่โอ และจัดทำคู่มือขับขี่ปลอดภัยกับไทยเบฟ 2 หมื่นชุด
นายฐาปน กล่าวถึงกรณีกระทรวงการคลังมอบให้กรมสรรพสามิตรศึกษาโครงสร้างการจัดเก็บภาษีสุราขาวและสุราผสม โดยเสนอการปรับอัตราภาษีให้เต็มเพดาน อาทิ เหล้าขาวจากการจัดเก็บภาษี 30 บาท เป็น 100บาท ฯลฯ ขณะนี้บริษัทยังไม่ทราบเรื่องดังกล่าว ขอให้ผู้มีความรู้ในเรื่องของมหภาคของกรมสรรพสามิต กระทรงการคลังเป็นผู้พิจารณาเรื่องดังกล่าวจะดีที่สุด อย่างไรก็ตามได้กล่าวทิ้งท้ายด้วยว่า การปรับโครงสร้างภาษีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ต้องพิจารณาถึงงความเหมาะสมและความเป็นธรรม และยึดหลักทำให้สินค้าไทยสามารถแข่งขันได้กับเครื่องดื่มต่างประเทศได้ โดยเฉพาะการเปิดการค้าเสรีอาเซียนในปี 2558
ทั้งนี้กว่า 1 ปีที่ผ่านมา กรมสรรพสามิตรได้มีการปรับภาษีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งหากภาครัฐมีการปรับอัตราภาษีขึ้นจริง ราคาสุราขาวและสุราผสมก็ต้องปรับเพิ่มขึ้น เชื่อว่าจะกระทบต่อกำลังซื้อของผู้บริโภคอย่างแน่นอน อัตราการดื่มลดลงแค่ในระยะสั้นๆ หรือ 2-3เดือนเท่านั้น จากนั้นผู้บริโภคจะเริ่มปรับตัว อย่างไรก็ตามในช่วงแรกๆ ของการขึ้นราคาสินค้า ร้านค้าต่างๆ รวมทั้งผู้บริโภคจะเกิดการกักตุนสินค้าไว้อย่างแน่นอน หรือหากในกรณีที่ราคาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์สูงขึ้น อาจมีการลักลอบนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศหรือทางประเทศเพื่อนบ้านเข้ามา ซึ่งจะส่งผลให้ภาครัฐจัดเก็บภาษีได้ลดลง
นายฐาปน สิริวัฒนภักดี กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดเบียร์ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปีนี้ จะมีความคึกคักมากกว่าปีที่ผ่านมา เนื่องจากปีนี้ไม่มีปัจจัยลบการชุมนุมทางการเมือง เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาตลาดเบียร์ไตรมาส 2 หรือในช่วงเดือนเมษายน ซึ่งปกติเป็นฤดูกาลจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กระทั่งเดือนมิถุนายน ซึ่งเป็นช่วงที่มีการแข่งขันฟุตบอลโลก แต่ตลาดกลับไม่ได้เติบโตมากนัก เพราะได้รับผลกระทบจากความวุ่นวายทางการเมือง ทั้งนี้คาดว่าตลาดเบียร์ในช่วงไตรมาส 2 ของปีนี้จะมีการเติบโต 7-8% โดยผู้บริโภคจะออกมาจับจ่ายใช้สอย และดื่มเฉลิมฉลองในช่วงเทศกาลปีใหม่ไทยกับครอบครัว และกลุ่มเพื่อนๆ
ในช่วงเทศกาลสงกรานต์และปีใหม่ บริษัทได้ทุ่มงบ 10-20 ล้านบาท จากงบการทำตลาดเพื่อสังคมหรือซีเอสอาร์รวมกว่า 100 ล้านบาท โดยปีนี้จับมือร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในช่วงสงกราต์เปิดตัวโครงการ”ขับขี่ปลอดภัยกับไทยเบฟ” ภายใต้แนวคิด”ขับขี่ใส่ใจ ห่วงใยคนรอบข้าง” โดยระหว่างวันที่ 11 เมษายน จะจัดกิจกรรมรณรงค์ 7 จุด คือ อนุเสาวรีย์ ตลาดไท สายใต้ใหม่ สีลม เพลินจิต ซอยอารีย์ และวันที่ 12-13เมษายน นี้ มอบชุดเฟรชอัพ ที่ หน่วยบริการประชาชนตำรวจทางหลวง 4 จุด ได้แก่ ด่านเทพพิทักษ์ อยุธยา ด่านทับกวาง สระบุรี ด่านมอเตอร์เวย์ ด่านวังมะนาว ราชบุรี จำนวน 1 หมื่นชุด โดยมีน้ำดื่มช้าง เครื่องดื่มชูกำลังแรงเยอร์ เครื่องดื่มเกลือแร่พาวเวอร์พลัส และกาแฟคอฟฟี่โอ และจัดทำคู่มือขับขี่ปลอดภัยกับไทยเบฟ 2 หมื่นชุด
นายฐาปน กล่าวถึงกรณีกระทรวงการคลังมอบให้กรมสรรพสามิตรศึกษาโครงสร้างการจัดเก็บภาษีสุราขาวและสุราผสม โดยเสนอการปรับอัตราภาษีให้เต็มเพดาน อาทิ เหล้าขาวจากการจัดเก็บภาษี 30 บาท เป็น 100บาท ฯลฯ ขณะนี้บริษัทยังไม่ทราบเรื่องดังกล่าว ขอให้ผู้มีความรู้ในเรื่องของมหภาคของกรมสรรพสามิต กระทรงการคลังเป็นผู้พิจารณาเรื่องดังกล่าวจะดีที่สุด อย่างไรก็ตามได้กล่าวทิ้งท้ายด้วยว่า การปรับโครงสร้างภาษีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ต้องพิจารณาถึงงความเหมาะสมและความเป็นธรรม และยึดหลักทำให้สินค้าไทยสามารถแข่งขันได้กับเครื่องดื่มต่างประเทศได้ โดยเฉพาะการเปิดการค้าเสรีอาเซียนในปี 2558
ทั้งนี้กว่า 1 ปีที่ผ่านมา กรมสรรพสามิตรได้มีการปรับภาษีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งหากภาครัฐมีการปรับอัตราภาษีขึ้นจริง ราคาสุราขาวและสุราผสมก็ต้องปรับเพิ่มขึ้น เชื่อว่าจะกระทบต่อกำลังซื้อของผู้บริโภคอย่างแน่นอน อัตราการดื่มลดลงแค่ในระยะสั้นๆ หรือ 2-3เดือนเท่านั้น จากนั้นผู้บริโภคจะเริ่มปรับตัว อย่างไรก็ตามในช่วงแรกๆ ของการขึ้นราคาสินค้า ร้านค้าต่างๆ รวมทั้งผู้บริโภคจะเกิดการกักตุนสินค้าไว้อย่างแน่นอน หรือหากในกรณีที่ราคาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์สูงขึ้น อาจมีการลักลอบนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศหรือทางประเทศเพื่อนบ้านเข้ามา ซึ่งจะส่งผลให้ภาครัฐจัดเก็บภาษีได้ลดลง
