ปตท.ประกาศรับสมัคร กก.ผจก.คนใหม่ หลังบิ๊กไฝเตรียมลงเก้าอี้ 2 ก.ย.ปีนี้ ดันคนในนั่งเสียบแทน "เทวินทร์ วงศ์วานิช" เต็งหนึ่ง ด้านราคาน้ำมันในประเทศ ประกาศขึ้นกลุ่มเบนซิน 50 สตางค์ แต่ยังตรึงดีเซลที่ 29.99 บาท ตามนโยบายรัฐบาล ยอมรับการตรึงราคาดีเซล ต้องแบกภาระขาดทุนหลังแอ่นลิตรละ 1 บาท เพราะค่าการตลาดเหลือ 50 สตางค์ แต่ ปตท. มียอดขายวันละ 15 ล้านลิตร ส่งผลให้ขาดทุนถึงวันละ 15 ล้านบาท ฝากหวัง กบง.อุ้มอีก 50 สตางค์ อังคารนี้
มีรายงานข่าวว่า บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ประกาศเปิดรับสมัครบุคคลเพื่อรับการคัดเลือกเข้าดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่ ปตท. แทนนายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ที่ครบ 2 วาระในเดือนกันยายน 2554 นี้ โดยกำหนดเงื่อนไขหลักต้องเป็นผู้มีเชี่ยวชาญด้านปิโตรเลียม เคยบริหารองค์กรที่มีรายได้ไม่ต่ำกว่า 30,000 ล้านบาทต่อปี เปิดรับสมัคร ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2554 ถึงวันที่ 21 เมษายน 2554
ทั้งนี้ ปตท.ได้ตั้งคณะกรรมการสรรหาตามหลักเกณฑ์ของกระทรวงการคลัง โดยมีนายไกรฤทธิ์ นิลคูหา อธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) และกรรมการ ปตท.เป็นประธาน โดยคุณสมบัติผู้สมัคร เช่น ต้องมีอายุไม่เกิน 58 ปีบริบูรณ์ ไม่เป็นข้าราชการการเมือง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา สมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่น ไม่เป็นผู้ดำรงตำแหน่งใดๆ ในพรรคการเมือง หรือเจ้าหน้าที่ของพรรคการเมือง
นอกจากนี้ ยังต้องไม่เคยถูกไล่ออก ปลดออก หรือให้ออกจากงานเพราะทุจริตต่อหน้าที่ ไม่เป็น หรือภายในระยะเวลา 3 ปี ก่อนวันได้รับแต่งตั้ง ไม่เคยเป็นกรรมการ หรือผู้บริหาร หรือผู้มีอำนาจในการจัดการหรือมีส่วนได้เสียในนิติบุคคลซึ่งเป็นผู้รับสัมปทาน ผู้ร่วมทุน หรือมีประโยชน์ได้เสีย เกี่ยวข้องกับกิจการของ ปตท.
ส่วนคุณสมบัติเฉพาะตำแหน่ง ต้องมีความรู้ ความสามารถและประสบการณ์ในธุรกิจปิโตรเลียม มีความรอบรู้และประสบการณ์ในการบริหารองค์กรขนาดใหญ่ ในกรณีที่เป็น หรือเคยเป็นผู้บริหารภาคเอกชนหรือรัฐวิสาหกิจ ต้องดำรงตำแหน่ง ไม่ต่ำกว่าระดับรองผู้บริหารสูงสุดขององค์กรนั้น ที่มีรายได้ (TURNOVER) ไม่ต่ำกว่า 30,000 ล้านบาทต่อปี ซึ่งสามารถดูรายละเอีดยได้ในเว็บไซต์ www.pttplc.com
ก่อนหน้านี้ นายประเสริฐ เคยกล่าวสนับสนุนคนในให้ดำรงตำแหน่ง โดยระบุว่า กลุ่ม ปตท.ที่บริหารงาน จนมีรายได้และมาร์เก็ตแค็บสูงถึง 2 ล้านล้านบาท หรือ 1ใน 4 ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) สร้างรายได้ การจ้างงาน แก่ประเทศในวงเงินสูง เกิดจากจากการทำงานเป็นทีมของพนักงาน ปตท. หาก คนในที่คาดว่าจะสมัคร 2-3 คน พลาดทั้งหมด คงจะเป็นเรื่องแปลกประหลาด
ทั้งนี้ บุคคลที่คาดว่าจะได้รับการคาดหมายหากเป็นคนใน ปตท.คงจะเป็น นายเทวินทร์ วงศ์วานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน โดยก่อนหน้านี้ นายเทวินทร์ ทำงานใน บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. มาก่อน ก่อนที่จะโอนย้ายมาทำงานด้านแผนและการเงินใน ปตท.
**ขึ้นเบนซิน 50 สต. แบกดีเซลหลังแอ่น
รายงานข่าวเพิ่มเติมระบุว่า ปตท. ได้ประกาศปรับขึ้นราคากลุ่มเบนซิน พรุ่งนี้ 50 สตางค์ต่อลิตร ยกเว้นน้ำมัน อี85 ปรับขึ้นเพียง 30 สตางค์ต่อลิตร หลังผู้ค้ารายอื่นได้ปรับขึ้นราคาไปแล้ว ช่วงวันเสาร์-อาทิตย์ ทั้งนี้ ส่งผลให้ราคาน้ำมันของไทยสร้างสถิติสูงสุด โดยเบนซิน 91 ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ราคาลิตรละ 42.84 บาท แก๊สโซฮอล์ 95 ราคาลิตรละ 37.94 บาท แก๊สโซฮอล์ อี20 ราคาลิตรละ 34.54 บาท แก๊สโซฮอล์ อี85 ราคาลิตรละ 22.42 บาท และแก๊สโซฮอล์ 91 ราคาลิตรละ 35.44 บาท ส่วนดีเซลคงเดิมที่ลิตรละ 29.99 บาท เป็นไปตามนโยบายรัฐบาลที่ต้องการตรึงดีเซลไม่เกิน 30 บาทต่อลิตร
การที่ ปตท. ดำเนินนโยบายตามรัฐบาลตรึงดีเซลไม่เกิน 30 บาทต่อลิตร ส่งผลให้ ปตท. ต้องแบกรับภาระขาดทุนลิตรละ 1 บาท โดยเฉพาะ ปตท.ขายดีเซลวันละ 15 ล้านลิตร จึงขาดทุนถึงวันละ 15 ล้านบาท โดยปัญหาที่เกิดขึ้น ปตท.ต้องรอคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ที่ประชุมในวันอังคารที่ 5 เมษายน 2554 นี้ ซึ่งจะมีการพิจารณาอุดหนุนดีเซลเพิ่มหรือไม่ จากที่ปัจจุบันอุดหนุนลิตรละ 5.10 บาท
สำหรับค่าการตลาดที่เหมาะสมนั้น อยู่ที่ประมาณ 1.50-1.80 บาทต่อลิตร แต่จากที่ราคาน้ำมันตลาดโลกได้ปรับขึ้นแรง ส่งผลให้ค่าการตลาดดีเซลลดลงเหลือประมาณ 50 สตางค์ต่อลิตร เท่านั้น ซึ่งที่ผ่านมา กบง.จะอุดหนุนไม่เกิน 50 สตางค์ต่อลิตร ทำให้ ปตท. ยังมีภาระขาดทุนอยู่ แม้ว่า กบง.จะอุดหนุนเพิ่มเติม โดยราคาดีเซลในเขต กรุงเทพฯ และปริมณฑล ของ ปตท. ยังคงอยู่ที่ 29.99 บาทต่อลิตร ส่วนรายอื่นอยู่ที่ 30.44 บาทต่อลิตร