ASTV ผู้จัดการรายวัน - ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม อ่อยราคาน้ำมันขยับเพิ่ม กระทบเป้าหมายการผลิตและจำหน่าย ทำได้แค่ 7 แสนบาเรลล์ ในอีก 10 ปี ข้างหน้า เหตุต้นทุนการซื้อแหล่งใหม่สูงไม่คุ้มการลงทุน เผยผู้ถือหุ้นไฟเขียวออกหุ้นกู้ 1แสนล้านบาท รองรับการลงทุนในอนาคต เล็งสวอปหนี้จากสกุลเงินบาทเป็นดอลลาร์สหรัฐ โดยจะลดหนี้เงินบาทให้เหลือไม่เกิน 20% จากปี 53 ที่มีหนี้สกุลเงินบาทถึง 73% ของหนี้สินรวม 1.69 แสนล้านบาท เพื่อลดความเสี่ยงจากค่าอัตราแลกเปลี่ยน ตั้งเป้าดีอีไม่เกิน 0.5 เท่า
นายพิชัย ชุณหวชิร กรรมการ บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP เปิดเผยว่าจากเป้าหมายการผลิตและจำหน่ายปิโตรเลียมในปี 2020 ที่ตั้งไว้ 9 แสนบาเรลล์ เทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวันนั้น เป็นเรื่องยากที่จะบรรลุเป้าหมาย หากราคาน้ำมันดิบปรับขึ้นไปเกินกว่า 100 เหรีญสหรัฐต่อบาเรลล์ ทำให้ต้นทุนในการซื้อแหล่งปิโตรเลียมใหม่สูงขึ้น ส่งผลให้ต้องชะลอการเจรจาออกไป เนื่องจากแผนเดิมคาดว่าราคาน้ำมันดิบโลกเฉลี่ยอยู่ที่ 80 เหรียญสหรัฐต่อบาเรลล์ แต่มีความเป็นไปได้ที่เป้าหมายการผลิตปิโตรเลียมทำได้จริงอยู่ที่ 7 แสนบาเรลล์ต่อวันในปี 2020
" มั่นใจว่า 7 แสนบาเรลล์ เป็นเป้าภายในมั่นใจว่าทำได้อย่างแน่นอน ส่วนเป้าหมาย 9 แสนบาเรลล์ เป็นเป้าที่ตั้งเอาไว้วาดฝันเอาไว้เป็นการตั้งไว้เพื่อกระตุ้นให้พนักงานกระตือรือร้นในการก้าวให้ถึงดังกล่าว แต่ก็ไม่จำเป็นต้องดันทุรังหากเป็นโครงการที่ไม่ดีและไม่มีศักยภาพพอ "
ทั้งนี้ บริษัทได้กำหนดยุทธศาสตร์ให้ได้ 7 แสนบาเรลล์ใน 10 ปีข้างหน้า โดยจะรักษาฐานการผลิตเดิมเอาไว้ เลือกพื้นที่ช่องทางใหม่เพิ่ม นำเทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้ามาใช้ เช่น แหล่งเอฟแอลเอ็นจี ที่ออสเตรเลีย ได้นำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ คงต้องดูเรื่องของโอกาสและความเสี่ยงทุกอย่างเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย
โดยบริษัทจะต้องเพิ่มปริมาณสำรองปิโตรเลียมเป็น 2 พันล้านบาเรลล์ จากปัจจุบันที่มีปริมาณสำรองปิโตรเลียมอยู่แล้ว 1 พันล้านบาเรลล์ เพื่อที่จะรองรับการผลิตและจำหน่ายปิโตรเลียมในระดับ 7 แสนบาเรลล์ต่อวันเพื่อรองรับการผลิตปิโตรเลียมในปี 2020 ซึ่งในการเพิ่มปริมาณสำรองปิโตรเลียม ทำให้ PTTEP ต้องเร่งหาแหล่งปิโตรเลียมใหม่ ๆ เข้ามาไว้ในพอร์ต ขณะเดียวกันวานนี้ที่มติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นได้อนุมัติให้บริษัทเสนอขายหุ้นกู้วงเงินไม่เกิน 1 แสนล้านบาท เพื่อเป็นเงินทุนสำรองไว้หากพบโครงการที่ดีก็พร้อมเข้าซื้อกิจการได้ทันที ซึ่งปีนี้ยังไม่มีแผนที่จะออกหุ้นกู้เพิ่มเติม
ขณะเดียวกัน วานนี้ PTTEP แจ้งว่าบริษัท พีทีทีอีพี แคนาดา อินเตอร์เนชั่นแนล ไฟแนนซ์ จำกัด (บริษัทย่อยของปตท.สผ.) ได้ดำเนินการออกและเสนอขายหุ้นกู้ไม่มีหลักประกันและไม่ด้อยสิทธิ ให้กับนักลงทุนสถาบันต่างประเทศ จำนวน 700 ล้านเหรียญสหรัฐฯ อายุ 10 ปี ในอัตราดอกเบี้ยคงที่ที่ 5.692 %ต่อปี โดยมี ปตท.สผ. เป็นผู้ค้ำประกันหุ้นกู้ทั้งจำนวน ซึ่งหุ้นกู้ดังกล่าวได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือจาก Standard and Poor’s และMoody’s ที่ระดับ BBB+ และ Baa1 ตามลำดับ โดยเงินที่ได้รับจากการออกหุ้นกู้ครั้งนี้ บริษัทฯ จะนำไปใช้พัฒนาโครงการสำรวจและผลิตต่างๆ รวมถึงใช้ในกิจการทั่วไป เพื่อรองรับการเจริญเติบโตของบริษัทฯ ในอนาคต
นายอนนท์ สิริแสงทักษิณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ PTTEP กล่าวว่า บริษัทพีทีทีอีพี ซิดิ อับ เอล รามาน จำกัด (บริษัทย่อยของ ปตท.สผ.) ได้ยุติการร่วมลงทุนในสัดส่วน 30% ในโครงการ ซิดิ อับ เอล รามาน ออฟชอร์ สาธารณรัฐอาหรับอียิปต์ ภายหลังจากได้ดำเนินการตามภาระผูกพันเสร็จสิ้น ซึ่งการยุติการร่วมลงทุนดังกล่าวจะมีผลสมบูรณ์เมื่อได้รับการอนุมัติจากทางรัฐบาลสาธารณรัฐอาหรับอียิปต์
ทั้งนี้ ปตท.สผ. รายงานผลการขุดเจาะหลุมสำรวจในโครงการโรมมานา ซึ่งตั้งอยู่บนบกสาธารณรัฐอาหรับอียิปต์ โดยผู้ร่วมทุนประกอบด้วย บริษัท Sipetrol International S.A. ( ผู้ดำเนินการ ) บริษัท พีทีทีอีพี โรมมานา จำกัด (บริษัทย่อยของ ปตท.สผ.) และบริษัท Centrica Resources Ltd.ตามสัดส่วนการร่วมทุน 40% , 30,% และ 30% ตามลำดับ โดยได้ทำการขุดเจาะหลุมสำรวจ Moon Sinai-1 เมื่อวันที่ 6 มกราคม 54 และเจาะถึงระดับความลึกที่ประมาณ 1,440 เมตร ไม่พบปิโตรเลียม จึงจะดำเนินการตัดจำหน่ายหลุมดังกล่าว ในรอบบัญชีไตรมาสที่ 1 ปี 54 ซึ่งมีค่าใช้จ่ายในส่วนของ ปตท.สผ.ประมาณ 1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
โดยในแหล่งอียิปต์จากการประเมินพบว่ามีศักภาพไม่ค่อยดีเท่าที่ควร อย่างไรก็ตาม บริษัทคงต้องทบทวนการลงทุนในต่างประเทศทุกปี ส่วนความไม่สงบและประท้วงต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในตะวันออกกลาง ไม่ส่งผลกระทบต่อการลงทุนของบริษัทมากนัก เพราะการลงทุนในตะวันออกกลางและแอฟริกาอยู่ในช่วงของการาสำรวจ ซึ่งทำให้การลงทุนไม่มากนักคิดเป็น 3% ของสินทรัพย์รวม มีเพียงที่โอมานเท่านั้นที่มีการผลิตเชิงพาณิชย์ ไม่ว่าจะเป็นอัลจีเรีย อียิปต์ และบาเรนห์
สำหรับปีนี้ จะมีกำลังการผลิตปิโตรเลียมใหม่ มาจากเวียดนามคือ แปลง16-1 และที่คาดว่าจะผลิตได้ 2 หมื่นบาเรลล์ต่อวันและแหล่งมอนทาร่าในออสเตรเลีย จะผลิตเชิงพาณิชย์ได้ประมาณ ธันวาคมปี 54 ส่วนแหล่งบงกชใต้จะผลิตเชิงพาณิชย์ได้ต้นปี 2555 ส่วนยอดจำหน่ายปิโตรเลียมของบริษัทต้นปีนี้ ใกล้เคียงกับเป้าหมายที่ตั้งไว้ระดับ 2.7 แสนบาเรลล์ต่อวัน
นางเพ็งจันทร์ จริเกษม รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มงานการเงินและงานบัญชี PTTEP กล่าวว่าบริษัทมีแผนสวอปหนี้จากสกุลเงินบาทเป็นดอลลาร์สหรัฐ โดยจะลดหนี้เงินบาทให้เหลือไม่เกิน 20% จากปี 53 ที่มีหนี้สกุลเงินบาทถึง 73% ของหนี้สินรวม 1.69 แสนล้านบาท เพื่อจะลดความเสี่ยงจากค่าอัตราแลกเปลี่ยน และปีนี้ตัวเลขอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน(D/E RATIO )จะไม่เกิน 0.5 เท่า จากปี 53 อยู่ที่ 0.45 เท่า
นายพิชัย ชุณหวชิร กรรมการ บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP เปิดเผยว่าจากเป้าหมายการผลิตและจำหน่ายปิโตรเลียมในปี 2020 ที่ตั้งไว้ 9 แสนบาเรลล์ เทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวันนั้น เป็นเรื่องยากที่จะบรรลุเป้าหมาย หากราคาน้ำมันดิบปรับขึ้นไปเกินกว่า 100 เหรีญสหรัฐต่อบาเรลล์ ทำให้ต้นทุนในการซื้อแหล่งปิโตรเลียมใหม่สูงขึ้น ส่งผลให้ต้องชะลอการเจรจาออกไป เนื่องจากแผนเดิมคาดว่าราคาน้ำมันดิบโลกเฉลี่ยอยู่ที่ 80 เหรียญสหรัฐต่อบาเรลล์ แต่มีความเป็นไปได้ที่เป้าหมายการผลิตปิโตรเลียมทำได้จริงอยู่ที่ 7 แสนบาเรลล์ต่อวันในปี 2020
" มั่นใจว่า 7 แสนบาเรลล์ เป็นเป้าภายในมั่นใจว่าทำได้อย่างแน่นอน ส่วนเป้าหมาย 9 แสนบาเรลล์ เป็นเป้าที่ตั้งเอาไว้วาดฝันเอาไว้เป็นการตั้งไว้เพื่อกระตุ้นให้พนักงานกระตือรือร้นในการก้าวให้ถึงดังกล่าว แต่ก็ไม่จำเป็นต้องดันทุรังหากเป็นโครงการที่ไม่ดีและไม่มีศักยภาพพอ "
ทั้งนี้ บริษัทได้กำหนดยุทธศาสตร์ให้ได้ 7 แสนบาเรลล์ใน 10 ปีข้างหน้า โดยจะรักษาฐานการผลิตเดิมเอาไว้ เลือกพื้นที่ช่องทางใหม่เพิ่ม นำเทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้ามาใช้ เช่น แหล่งเอฟแอลเอ็นจี ที่ออสเตรเลีย ได้นำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ คงต้องดูเรื่องของโอกาสและความเสี่ยงทุกอย่างเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย
โดยบริษัทจะต้องเพิ่มปริมาณสำรองปิโตรเลียมเป็น 2 พันล้านบาเรลล์ จากปัจจุบันที่มีปริมาณสำรองปิโตรเลียมอยู่แล้ว 1 พันล้านบาเรลล์ เพื่อที่จะรองรับการผลิตและจำหน่ายปิโตรเลียมในระดับ 7 แสนบาเรลล์ต่อวันเพื่อรองรับการผลิตปิโตรเลียมในปี 2020 ซึ่งในการเพิ่มปริมาณสำรองปิโตรเลียม ทำให้ PTTEP ต้องเร่งหาแหล่งปิโตรเลียมใหม่ ๆ เข้ามาไว้ในพอร์ต ขณะเดียวกันวานนี้ที่มติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นได้อนุมัติให้บริษัทเสนอขายหุ้นกู้วงเงินไม่เกิน 1 แสนล้านบาท เพื่อเป็นเงินทุนสำรองไว้หากพบโครงการที่ดีก็พร้อมเข้าซื้อกิจการได้ทันที ซึ่งปีนี้ยังไม่มีแผนที่จะออกหุ้นกู้เพิ่มเติม
ขณะเดียวกัน วานนี้ PTTEP แจ้งว่าบริษัท พีทีทีอีพี แคนาดา อินเตอร์เนชั่นแนล ไฟแนนซ์ จำกัด (บริษัทย่อยของปตท.สผ.) ได้ดำเนินการออกและเสนอขายหุ้นกู้ไม่มีหลักประกันและไม่ด้อยสิทธิ ให้กับนักลงทุนสถาบันต่างประเทศ จำนวน 700 ล้านเหรียญสหรัฐฯ อายุ 10 ปี ในอัตราดอกเบี้ยคงที่ที่ 5.692 %ต่อปี โดยมี ปตท.สผ. เป็นผู้ค้ำประกันหุ้นกู้ทั้งจำนวน ซึ่งหุ้นกู้ดังกล่าวได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือจาก Standard and Poor’s และMoody’s ที่ระดับ BBB+ และ Baa1 ตามลำดับ โดยเงินที่ได้รับจากการออกหุ้นกู้ครั้งนี้ บริษัทฯ จะนำไปใช้พัฒนาโครงการสำรวจและผลิตต่างๆ รวมถึงใช้ในกิจการทั่วไป เพื่อรองรับการเจริญเติบโตของบริษัทฯ ในอนาคต
นายอนนท์ สิริแสงทักษิณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ PTTEP กล่าวว่า บริษัทพีทีทีอีพี ซิดิ อับ เอล รามาน จำกัด (บริษัทย่อยของ ปตท.สผ.) ได้ยุติการร่วมลงทุนในสัดส่วน 30% ในโครงการ ซิดิ อับ เอล รามาน ออฟชอร์ สาธารณรัฐอาหรับอียิปต์ ภายหลังจากได้ดำเนินการตามภาระผูกพันเสร็จสิ้น ซึ่งการยุติการร่วมลงทุนดังกล่าวจะมีผลสมบูรณ์เมื่อได้รับการอนุมัติจากทางรัฐบาลสาธารณรัฐอาหรับอียิปต์
ทั้งนี้ ปตท.สผ. รายงานผลการขุดเจาะหลุมสำรวจในโครงการโรมมานา ซึ่งตั้งอยู่บนบกสาธารณรัฐอาหรับอียิปต์ โดยผู้ร่วมทุนประกอบด้วย บริษัท Sipetrol International S.A. ( ผู้ดำเนินการ ) บริษัท พีทีทีอีพี โรมมานา จำกัด (บริษัทย่อยของ ปตท.สผ.) และบริษัท Centrica Resources Ltd.ตามสัดส่วนการร่วมทุน 40% , 30,% และ 30% ตามลำดับ โดยได้ทำการขุดเจาะหลุมสำรวจ Moon Sinai-1 เมื่อวันที่ 6 มกราคม 54 และเจาะถึงระดับความลึกที่ประมาณ 1,440 เมตร ไม่พบปิโตรเลียม จึงจะดำเนินการตัดจำหน่ายหลุมดังกล่าว ในรอบบัญชีไตรมาสที่ 1 ปี 54 ซึ่งมีค่าใช้จ่ายในส่วนของ ปตท.สผ.ประมาณ 1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
โดยในแหล่งอียิปต์จากการประเมินพบว่ามีศักภาพไม่ค่อยดีเท่าที่ควร อย่างไรก็ตาม บริษัทคงต้องทบทวนการลงทุนในต่างประเทศทุกปี ส่วนความไม่สงบและประท้วงต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในตะวันออกกลาง ไม่ส่งผลกระทบต่อการลงทุนของบริษัทมากนัก เพราะการลงทุนในตะวันออกกลางและแอฟริกาอยู่ในช่วงของการาสำรวจ ซึ่งทำให้การลงทุนไม่มากนักคิดเป็น 3% ของสินทรัพย์รวม มีเพียงที่โอมานเท่านั้นที่มีการผลิตเชิงพาณิชย์ ไม่ว่าจะเป็นอัลจีเรีย อียิปต์ และบาเรนห์
สำหรับปีนี้ จะมีกำลังการผลิตปิโตรเลียมใหม่ มาจากเวียดนามคือ แปลง16-1 และที่คาดว่าจะผลิตได้ 2 หมื่นบาเรลล์ต่อวันและแหล่งมอนทาร่าในออสเตรเลีย จะผลิตเชิงพาณิชย์ได้ประมาณ ธันวาคมปี 54 ส่วนแหล่งบงกชใต้จะผลิตเชิงพาณิชย์ได้ต้นปี 2555 ส่วนยอดจำหน่ายปิโตรเลียมของบริษัทต้นปีนี้ ใกล้เคียงกับเป้าหมายที่ตั้งไว้ระดับ 2.7 แสนบาเรลล์ต่อวัน
นางเพ็งจันทร์ จริเกษม รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มงานการเงินและงานบัญชี PTTEP กล่าวว่าบริษัทมีแผนสวอปหนี้จากสกุลเงินบาทเป็นดอลลาร์สหรัฐ โดยจะลดหนี้เงินบาทให้เหลือไม่เกิน 20% จากปี 53 ที่มีหนี้สกุลเงินบาทถึง 73% ของหนี้สินรวม 1.69 แสนล้านบาท เพื่อจะลดความเสี่ยงจากค่าอัตราแลกเปลี่ยน และปีนี้ตัวเลขอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน(D/E RATIO )จะไม่เกิน 0.5 เท่า จากปี 53 อยู่ที่ 0.45 เท่า
