xs
xsm
sm
md
lg

พณ.ขยับเป้าส่งออก 12% "เจ๊วา" สะกดเงินเฟ้อ 3.7% สินค้าเบรกขึ้นราคา

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พรทิวา นาคาศัย
"พาณิชย์" ปรับเพิ่มเป้าหมายส่งออกปีนี้เป็น 12% คิดเป็นมูลค่า 7 ล้านล้านบาท "อาเซียน-จีน-อินเดีย" ขยายตัวสูง ญี่ปุ่น เริ่มอัดฉีดเม็ดเงินฟื้นการค้า-การลงทุน "เจ๊วา" ยันสินค้าหลักทั้ง เกษตร-อุตฯ ขยายตัวยกแผง ลั่นตรึงเงินเฟ้อไม่เกิน 3.7% สินค้าไม่มีการปรับขึ้นราคา

นางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์ จะปรับเป้าหมายการส่งออกสินค้าไทยในปี 2554 ใหม่ จากเดิมขยายตัวร้อยละ 10 เพิ่มเป็นร้อยละ 12 คิดเป็นมูลค่า 219,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 7 ล้านล้านบาท โดยเหตุผลในการปรับเพิ่มเป้าส่งออกเพิ่มอีกร้อยละ 2 มีปัจจัยหนุนมาจากการขยายตัวของตลาดส่งออกที่มีศักยภาพ

ทั้งนี้ ตลาดส่งออกที่มีศักยภาพ และมีแนวโน้มการเติบโตสูง ได้แก่ อาเซียน เพิ่มขึ้นร้อยละ 23 จีนร้อยละ 20 อินเดียร้อยละ 18 รวมถึงตลาดที่มีศักยภาพเดิม ทั้งสหรัฐฯ สหภาพยุโรป (อียู) และญี่ปุ่น ซึ่งมีการระดมทุนหมุนเวียนจากภาครัฐเข้าไปในระบบสูงมากขึ้น จึงทำให้มีการขยายตัวด้านการค้าการลงทุนสูงกว่าที่คาดการณ์

ขณะที่ตลาดใหม่ขยายตัวมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ทุกตลาด โดยเฉพาะตลาดรัสเซีย CIS แอฟริกา ละตินอเมริกา ขณะเดียวกันไทยยังได้รับผลดีจากการขยายตัวของการค้าชายแดน โดยปีนี้ ตั้งเป้าขยายตัวร้อยละ 22 มูลค่า 900,000 ล้านบาท และเพิ่มเป็น 1 ล้านล้านบาทในปี 2555 ประเทศเพื่อนบ้านที่มีอัตราการขยายตัวสูงขึ้น เช่น กัมพูชาเพิ่มขึ้นร้อยละ 6 ลาวร้อยละ 7.5 พม่าร้อยละ 5.5 มาเลเซีย ร้อยละ 5

สำหรับสินค้าที่คาดว่าจะส่งออกได้เพิ่มขึ้นทั้งสินค้าเกษตรและสินค้าอุตสาหกรรม โดยเฉพาะสินค้าเกษตรสำคัญ เช่น ข้าวในปีนี้ที่กำหนดเป้าหมายส่งออกเพิ่มขึ้นร้อยละ 5 หรือประมาณ 9.5 ล้านตัน โดยจะเพิ่มสัดส่วนการส่งออกข้าวนึ่งมากขึ้น จาก 3 ล้านตัน เป็น 4.5 ล้านตัน ราคาข้าวเฉลี่ยเพิ่มสูงขึ้นจากตันละ 578 ดอลลาร์สหรัฐฯ เป็น 600 ดอลลาร์สหรัฐฯ

ส่วนปัจจัยเสี่ยงที่คาดว่าจะมีผลกระทบต่อการส่งออก มาจาก ภัยธรรมชาติ เช่น ผลกระทบจากภาวะโลกร้อน ทำให้ผลผลิตทางการเกษตรลดลง การใช้สินค้าเกษตร เพื่อการผลิตพลังงานทดแทน ความขัดแย้งทางการเมืองในตะวันออกกลาง และแอฟริกา ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน และราคาน้ำมัน

อย่างไรก็ตาม ประเมินว่าอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจไทยปีนี้ คาดว่าจะขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.5 และกระทรวงพาณิชย์จะรักษาอัตราเงินเฟ้อให้อยู่ในระดับที่ไม่เกินร้อยละ 3.7 โดยควบคุมอัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยต่อเดือนเพิ่มขึ้นไม่เกินร้อยละ 0.3

ส่วนราคาสินค้าส่วนใหญ่โดยเฉพาะสินค้าอุปโภคบริโภคจะยังไม่มีการรับขึ้นราคาถึงแม้สิ้นสุดมาตรการ ขอความร่วมมือตรึงราคาสินค้าสิ้นเดือนมีนาคม 2554 ที่ผ่านมา เนื่องจากบริษัทผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคขนาดใหญ่ยืนยันแล้วจะยังไม่ปรับขึ้นราคาสินค้า ทำให้คาดว่าผู้ผลิตอื่นจะยังไม่ปรับขึ้นราคาสินค้าด้วย พร้อมกันนี้ยืนยันว่า ยังไม่มีผู้ผลิตสินค้าใดยื่นขอปรับขึ้นราคาสินค้าเพิ่มเติมจากเดิม 4 รายการ (น้ำมันถั่วเหลือง ปุ๋ยเคมี เหล็ก นม)

โดยในสัปดาห์นี้จะเริ่มมีการพิจารณาราคา เริ่มจากวันที่ 5 เมษายน 2554 นี้ กระทรวงจะมีการประชุมคณะอนุกรรมการพิจารณาราคาน้ำมันพืชบริโภคเพื่อพิจารณาราคาน้ำมันถั่วเหลือง และในวันที่ 7 เมษายน 2554 นี้ กระทรวงจะเรียกประชุมคณะอนุกรรมการพิจารณาราคาแนะนำปุ๋ยเคมี โดยได้ให้นโยบายพิจารณาราคาให้สอดคล้องกับต้นทุนที่ปรับสูงขึ้นและให้เป็นธรรมกับผู้บริโภคด้วย
กำลังโหลดความคิดเห็น