ตรึงราคาก๊าซ แอลพีจี-เอ็นจีวี ถึง มิ.ย.เล็งรีดภาษีรถติดแอลพีจี

กพช.มีมติขยายอายุตรึงราคาก๊าซ “แอลพีจี-เอ็นจีวี” ภาคครัวเรือนและภาคขนส่ง ถึงเดือน มิ.ย.ส่วนภาคอุตฯ ลอยตัวแบบขั้นบันได มีผลเดือน ก.ค.ตามเดิม พร้อมจ่ายชดเชยส่วนต่างราคาก๊าซให้ ปตท.กก.ละ 2 บาท สั่ง ก.อุตฯ หาแนวทางเก็บภาษีรถติด “แอลพีจี” เพื่อต้อนใช้ “เอ็นจีวี” เป็นระบบเดียวกันทั้งหมด แย้มลอยตัวแอลพีจีภาคขนส่งแน่

นายแพทย์ วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) โดยระบุว่า ที่ประชุมมีมติให้มีการขยายอายุมาตรการตรึงราคาก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) และก๊าซธรรมชาติในรถยนต์ (เอ็นจีวี) ทั้งในภาคครัวเรือนและภาคขนส่ง ออกไปจนถึงเดือนมิถุนายน 2554 จากเดิมจะสิ้นสุดลงในเดือนมีนาคม 2554 แต่ภาคอุตสาหกรรมยังคงลอยตัวในเดือนกรกฎาคม 2554 ตามเดิม

นายแพทย์ วรรณรัตน์ กล่าวเสริมว่า ที่ประชุมอนุมัติให้ตรึงราคาจำหน่ายก๊าซเอ็นจีวีที่ 8.50 บาทต่อกิโลกรัม ต่อไปอีก 3 เดือน เนื่องจากการปรับราคาเอ็นจีวี ต้องควบคู่ไปกับราคาแอลพีจีภาคขนส่งด้วย เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อผู้ใช้รถยนต์ ซึ่งในอนาคตมีแผนที่จะลอยตัวราคาแอลพีจีภาคขนส่งเช่นกั้นแต่ยังไม่ได้กำหนดเวลาที่ชัดเจน ส่วนการลอยตัวราคาแอลพีจีในภาคอุตสาหกรรม จะมีการพิจารณาลอยตัวแบบขั้นบันไดในเดือนกรกฎาคม 2554 และจะลอยตัวอย่างสมบูรณ์เมื่อไรนั้น กพช.จะพิจารณาอีกครั้ง

โดยผลจากมาตรการตรึงราคาของ กพช.ครั้งนี้ ทำให้มีการใช้เงินจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้น โดยจะชดเชยในส่วนของแอลพีจีเดือนละ 1,566 ล้านบาท และแอลเอ็นจีเดือนละ 404 ล้านบาท

นอกจากนี้ ที่ประชุมยังมีมติให้ขยายอายุการชดเชยส่วนต่างก๊าซเอ็นจีวีให้กับ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กิโลกรัมละ 2 บาทต่อเนื่องไปจนถึงเดือนมิถุนายน 2554 ด้วยเช่นเดียวกัน รวมทั้งได้สั่งการให้คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ไปพิจารณาตัวเลขการจ่ายเงินชดเชยให้กับ ปตท.ที่อยู่ในระดับเหมาะสม และนำมาลับมาเสนอที่ประชุม กพช.พิจารณาอีกครั้ง ในเดือนมีนาคม

นอกจากนี้ ที่ประชุม กพช.ยังสั่งให้กระทรวงอุตสาหกรรม ไปศึกษาการจัดเก็บภาษีป้ายทะเบียนรถยนต์ที่ใช้ก๊าซแอลพีจีเป็นเชื้อเพลิง เพื่อจะเปลี่ยนถ่ายมาเป็นก๊าซเอ็นจีวี