นายกฯ นัดถกด่วนแก้ปัญหาเงินพยุงดีเซล 5 พันล้าน ใกล้หมดหน้าตัก 2 หน่วยงานหลัก “พลังงาน-คลัง” ยังเกี่ยงกันเป็นเจ้าภาพ จับตาทางออกแก้ปัญหา รัฐจะใช้เงินกองทุนน้ำมันจนติดลบ หรือมาตรการลดภาษีสรรพสามิต
นายแพทย์ วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า วันนี้ จะมีการประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ที่มี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน เพื่อพิจารณาวาระเร่งด่วน เรื่องกรอบวงเงินเพิ่มเติมจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ในการนำมาใช้ตรึงราคาดีเซลไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตร ส่วนจะเป็นจำนวนเงินเท่าใดต้องขึ้นอยู่กับราคาน้ำมันในตลาดโลก แต่ต้องเป็นไปตามนโยบายรัฐบาล คือ ตรึงจนถึงสิ้นเดือนกุมภาพันธ์นี้ หลังจากวงเงิน 5,000 ล้านบาท จากกองทุนน้ำมัน ใช้ชดเชยไปจนเหลือไม่ถึง 1,000 ล้านบาทแล้ว
ทั้งนี้ หากรัฐบาลยังคงมีนโยบายให้ตรึงราคาน้ำมันดีเซลไม่เกิน 30 บาทต่อลิตรต่อไป ก็ควรใช้กลไกอื่นเข้ามาช่วยดูแลด้วย โดยเฉพาะการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมัน เพราะหากนำเงินจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่เหลืออยู่กว่า 22,000 ล้านบาท ก็จะใช้ดูแลราคาน้ำมันได้อย่างเก่งก็ 5 เดือนเท่านั้น เนื่องจากกองทุนฯมีภาระอื่นๆ ด้วย ทั้งการอุดหนุนการนำเข้าก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) และการปรับเปลี่ยนแท็กซี่ที่ใช้กาซแอลพีจีมาเป็นก๊าซธรรมชาติสำหรับรถยนต์ (เอ็นจีวี) เป็นต้น ซึ่งทำให้กองทุนมีเงินไหลออกประมาณ 5,000 ล้านบาทต่อเดือน
นายแพทย์ วรรณรัตน์ กล่าวให้เหตุผลว่า กระทรวงพลังงานไม่ต้องการให้กองทุนน้ำมันต้องติดลบเหมือนปี 2547-2548 เพราะสุดท้ายจะสร้างความเดือดร้อนให้ประชาชนอีก พร้อมระบุว่า กองทุนน้ำมันมีหน้าที่ในการรักษาเสถียรภาพด้านราคาพลังงาน ส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทน จึงควรมีสภาพคล่องไว้ระดับหนึ่ง
ส่วนสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก รมว.พลังงาน คาดว่า ระดับราคายังคงทรงตัวอยู่ในระดับสูง จากสภาพอากาศที่หนาวเย็น ทำให้ความต้องการใช้น้ำมันทำความร้อนอยู่ในระดับสูง รวมทั้งมีการเก็งกำไรจากเฮดฟันด์ แต่คาดว่าสิ้นไตรมาส 1 ราคาน่าจะอ่อนตัวลงได้
ส่วนแนวคิดการนำค่าภาคหลวงปิโตรเลียมมาใช้ชดเชยราคานำเข้าก๊าซแอลพีจีนั้น ต้องใช้เวลาในการแก้กฎหมายพอสมควร แม้รัฐบาลจะมีนโยบายชัดเจนให้กระทรวงการคลังจัดสรรงบประมาณปี 2555 เพื่อมาช่วยดูแลราคาก๊าซแอลพีจีตาม นโยบายตรึงราคาแอลพีจีภาคครัวเรือนและขนส่ง เพื่อลดภาระของกองทุนน้ำมันแล้วก็ตาม ก็เห็นว่าควรจะลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันช่วยอีกทางหนึ่ง
สำหรับความชัดเจนเรื่องลอยตัวราคาก๊าซแอลพีจีภาคอุตสาหกรรมและการปรับขึ้นราคาขายปลีกก๊าซเอ็นจีวีนั้น ต้องประชุม กพช.อีกครั้งในวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2554 นี้ ซึ่งขณะนี้กระทรวงพลังงานได้ให้ผู้ที่ส่วนเกี่ยวข้องไปศึกษาโครงสร้างต้นทุนราคาที่แท้จริงอยู่
นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า หากจะลดภาษีสรรพสามิตน้ำมัน เพื่อดูแลราคาน้ำมันดีเซลไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตรนั้น จะส่งผลกระทบต่อเป้าหมายการจัดเก็บรายได้ของกรมสรรพสามิตแน่นอน ซึ่งเรื่องนี้คงต้องให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) ตัดสินใจว่า จะดำเนินการอย่างไร
ขณะที่กรมสรรพสามิตมีข้อเสนอที่เป็นเงื่อนไขว่า หากจะใช้วิธีการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมัน ควรต้องดำเนินวิธีอื่นๆ อีกหลายขั้นตอน โดยในส่วนของมาตรการด้านภาษีจะเป็นทางเลือกสุดท้าย ซึ่งทั้งหมดคงต้องมีการเจรจากับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้วย เพราะการปรับลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันทุก 1 บาทต่อลิตร จะกระทบต่อการจัดเก็บรายได้กว่า 1.8 หมื่นล้านบาทต่อปี