xs
xsm
sm
md
lg

“บางจาก” แนะใช้น้ำมัน บี3-บี4 เกรดเดียว “คาลเท็กซ์” ชี้ ต้นเหตุยอดใช้ดีเซลพุ่ง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“บางจาก” เสนอรัฐกำหนดมาตรฐานใช้ดีเซล บี3 หรือ บี4 เป็นน้ำมันเกรดเดียวทั่วประเทศ ยันความพร้อมในการผลิตได้ทันที โดยไม่กระทบปริมาณการใช้น้ำมันปาล์มในประเทศ “คาลเท็กซ์” ชี้ การตรึงราคาทำให้ยอดใช้รถดีเซลพุ่ง แนะรัฐลอยตัวตามกลไกตลาดโลก “สรรพสามิต” แจงหากรัฐสั่งลดภาษีน้ำมันดีเซล 1 บาทต่อลิตร กระทบรายได้ลดลง 1.8 หมื่นล้าน

นายอนุสรณ์ แสงนิ่มนวล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทบางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บางจากเตรียมเสนอรัฐบาลพิจารณาใช้น้ำมันดีเซล บี3 หรือ บี4 เป็นน้ำมันเกรดเดียวทั่วประเทศ ซึ่งช่วยลดภาระการชดเชยจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงได้ 500 ล้านบาทต่อเดือน และลดภาระจากการเสียภาษีสรรพสามิตน้ำมัน โดยน้ำมันดีเซล บี4 จะมีการชดเชยเพียง 50-60 ล้านบาทต่อเดือน ซึ่งในส่วนของบางจาก มีความพร้อมที่จะผลิต บี4 ได้ในทันที และไม่กระทบต่อปริมาณการใช้น้ำมันปาล์มในประเทศ โดยการใช้ยังอยู่ในระดับเดิมที่ 1.9-2.0 ล้านลิตรต่อวัน

นอกจากนี้ บางจากยังเตรียมหารือกับภาครัฐ เพื่อหากลไกในการดูแลการปรับเปลี่ยนราคาขายปลีกน้ำมัน กลุ่มดีเซล ให้ทันกับสถานการณ์ราคาในตลาดโลก เพื่อช่วยเหลือผู้ค้าน้ำมันในการปรับเปลี่ยนราคา

สำหรับสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบในปัจจุบัน นายอนุสรณ์ มองว่า ยังมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากเป็นช่วงฤดูหนาว ประกอบกับภาวะเศรษฐกิจในหลายประเทศเริ่มฟื้นตัว ขณะที่กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน คาดการณ์ว่า ความต้องการใช้น้ำมันในปีนี้ อยู่ที่ระดับ 1.2-1.4 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งจะทำให้ความต้องการใช้น้ำมัน ยังคงอยู่ในระดับสูง โดยในระยะสั้น อาจเห็นราคาน้ำมันดิบเบรนท์ ปรับขึ้นไปเตะระดับ 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล แต่ทั้งปีมองว่าจะแกว่งตัวอยู่ที่ 85-90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

อย่างไรก็ตาม หลังหมดช่วงฤดูหนาว คาดว่า ราคาน้ำมันจะปรับตัวลดลง แต่ทั้งนี้ ยังมีความเสี่ยงจาก กองทุนเก็งกำไรที่มีน้ำมันอยู่ในมือถึง 170 ล้านบาร์เรล อาจมีการเทขายทำกำไร

ทั้งนี้ บางจาก เตือนให้ประชาชนเตรียมความพร้อมในการรับมือกับการปรับคุณภาพน้ำมัน ตามมาตรฐานยูโร-4 ที่จะเริ่ม ในวันที่ 1 มกราคม 2555 เพราะจะทำให้ราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศ ปรับสูงขึ้นไปอีก 50-70 สตางค์ต่อลิตร

นายอภิวัฒน์ อัคนิทัต ผู้จัดการอาวุโส ฝ่ายองค์กรและรัฐสัมพันธ์ บริษัท เชฟรอน (ไทย) จำกัด ผู้บริหารสถานีบริการน้ำมันคาลเท็กซ์ กล่าวว่า รัฐบาลควรปล่อยให้ราคาน้ำมันเป็นไปตามกลไกตลาดโลก จะส่งเสริมให้คนประหยัดมากกว่าการตรึงราคาน้ำมันไว้อย่างในปัจจุบัน โดยเฉพาะช่วงราคาน้ำมันแพง

ทั้งนี้ หากเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงใช้ครบ 5,000 ล้านบาทแล้ว รัฐจะนำเงินจากแหล่งใดมาใช้ตรึงต่อไป ซึ่งมาตรการอื่นที่จะนำมาใช้ได้ก็คงจะเหลือเรื่องการลดภาษีสรรพสามิต สำหรับเชฟรอนจะต้องติดตามราคาอย่างใกล้ชิดต่อไป โดยก่อนที่เชฟรอนจะตัดสินใจปรับราคาดีเซล จะรอดูสัญญาณจากภาครัฐก่อน

นายอภิวัฒน์ กล่าวว่า ขณะนี้ยอดตัวเลขการใช้น้ำมันดีเซลของไทยเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง หลังรัฐบาลมีนโยบายตรึงราคาดีเซลไม่ให้เกินลิตรละ 30 บาท และผู้บริโภคหันมาซื้อรถปิกอัพ หรือรถเอนกประสงค์กันมากขึ้น

ขณะเดียวกัน ก็มีบางค่ายรถยนต์ของยุโรป หันมาทำตลาดรถยนต์นั่งที่ใช้ดีเซลเป็นเชื้อเพลิง เพราะความแรงของเครื่องยนต์ ราคาและค่าบำรุงรักษาที่ถูกกว่า รวมถึงการขายต่อที่คล่องตัว ทำให้ยอดจำหน่ายรถยนต์ดีเซลในประเทศไทยสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับยังมีหลายโรงงานอุตสาหกรรมหันมาใช้ดีเซลเป็นเชื้อเพลิงแทนน้ำมันเตา ทำให้ยอดใช้น้ำมันดีเซลทรงตัวอยู่ในระดับสูง

นายอภิวัฒน์ กล่าวอีกว่า ราคาน้ำมันตลาดโลกยังคงปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะดีเซล เนื่องจากสภาพอากาศในปีนี้ที่หนาวกว่าปีที่ผ่านๆ มา ดังนั้น จึงมีแนวโน้มว่าราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศไทยจะสูงขึ้นไปได้อีก และกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงก็มีแนวโน้มต้องดึงเงินกองทุนเพื่อชดเชยเพิ่มไม่ให้ราคาน้ำมันดีเซลในประเทศแตะที่ 30 บาทต่อลิตร

**ชี้ ลดภาษี 1 บาท รายได้หด 1.8 หมื่นล.

นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยถึงกรณีที่กองทุนน้ำมัน คาดว่า จะสามารถชดเชยราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงได้ถึงเดือนก.พ. 2554 นี้ว่า กรมสรรพสามิตพร้อมเดินหน้าตามนโยบายรัฐบาล หากต้องการให้ลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันเพื่อพยุงราคาบรรเทาผลกระทบให้กับประชาชน แต่เชื่อว่า ปัญหาราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นเป็นสถานการณ์ชั่วคราวที่เกิดขึ้นในช่วงฤดูหนาวเท่านั้น

พร้อมกันนี้ ได้ชี้แจงว่า หากรัฐบาลต้องการให้ลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันลง 1 บาท จากปัจจุบันที่จัดเก็บภาษีอยู่ 5 บาทต่อ 1 ลิตร จะส่งผลให้รายได้ของกรมสรรพสามิตหายไป 1.8 หมื่นล้านบาท จากที่ตั้งเป้าหมายจัดเก็บรายได้ในปีงบ 2554 ที่ 4.25 แสนล้านบาท และคาดว่าน่าจะมีผลกระทบต่อการจัดทำงบประมาณในปี 2555 ที่ตั้งเป้าหมายจัดเก็บรายได้ของกรมสรรพสามิตที่ระดับ 4.35 แสนล้านบาทด้วยเช่นกัน ซึ่งปัจจุบันกรมสรรพสามิต สามารถจัดเก็บรายได้จากภาษีน้ำมันถึง 1.5 แสนล้านบาท ในส่วนนี้เป็นภาษีจากน้ำมันดีเซลถึง 9 หมื่นล้านบาท ทีเหลือเป็นภาษีจากน้ำมันเบนซิลและก๊าซแอลพีจี
กำลังโหลดความคิดเห็น