ปตท.โอดแบกภาระขาดทุนNGVปีนี้กว่าหมื่นล้านบาท เหตุมีรถติดตั้งNGV เพิ่มมากขึ้น ลั่นไม่สามารถแบกขาดทุนได้อีก หากรัฐไม่อุดหนุนราคาขายเพิ่มหรือขยับขึ้นเพดานราคาขายNGV
นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากราคาน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นทำให้มีรถยนต์ดัดแปลงเครื่องยนต์มาใช้ก๊าซNGVเพิ่มมากขึ้น คาดว่าปีนี้บริษัทต้องแบกรับภาระการขาดทุนจากการจำหน่ายก๊าซNGV เกินกว่าหมื่นล้านบาท จากปีที่แล้วปตท.ได้แบกรับการขาดทุนจากNGV 1หมื่นล้านบาท ปัจจุบัน ปตท.จำหน่ายNGVในราคากิโลกรัมละ (กก.) 8.50 บาท ขณะที่ต้นทุนราคาก๊าซNGVอยู่ที่กก.ละ 15 บาท โดยรัฐชดเชยราคาNGVอยู่กก.ละ 2 บาท ซึ่งแนวทางการปรับขึ้นราคาNGVเพื่อสะท้อนต้นทุนที่แท้จริงนั้น ขณะนี้ภาครัฐอยู่ระหว่างการพิจารณา ซึ่งหากกระทรวงพลังงานมีนโยบายใดออกมา อาทิ การปรับขึ้นราคาขายหรือรัฐอุดหนุนเพิ่มเติม ทางปตท.ก็จะนำแนวทางดังกล่าวมาประกอบการพิจารณาต่อไปโดยยอมรับว่าปีนี้บริษัทฯยังคงเป้าหมายขยายปั๊มNGV เพิ่มขึ้นเป็น 500 แห่งทั่วประเทศ
ทั้งนี้หากรัฐไม่มีนโยบายขยับราคาจำหน่ายNGVหรือชดเชยราคาให้ผู้ประกอบการเพิ่มเติม ปตท.คงไม่สามารถแบกรับภาระการขาดทุนดังกล่าวที่นับวันจะเพิ่มสูงขึ้นได้อีกต่อไป เพราะต้องใช้เงินจำนวนมากในการขยายและนับวันความต้องการใช้NGVก็เพิ่มสูงขึ้น ในฐานะปตท.ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯก็มีหน้าที่ต้องดูแลทุกฝ่ายอย่างเท่าเทียมและบริหารจัดการให้บริษัทเติบโตก้าวหน้าอย่างยั่งยืน
สำหรับทิศทางราคาน้ำมันโลกที่ยังอยู่ระดับสูงเนื่องจากปัญหาความวุ่นวายที่อียิปต์และสภาวะอากาศที่หนาวเย็นทำให้ความต้องการใช้น้ำมันสูงขึ้น โดยราคาน้ำมันดิบอยู่ระดับเกือบ 100 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลและราคาน้ำมันสำเร็จรูปทะลุ 110 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลแล้ว ดังนั้นการตรึงราคาขายดีเซลที่ 30 บาท/ลิตรรัฐจำเป็นต้องใช้เงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเข้ามาอุดหนุนระดับหนึ่ง ซึ่งปัจจุบันอุดหนุนไปแล้วลิตรละ 3-4 บาท ปัจจุบันไทยมีการใช้NGV 5.9 พันตัน/วัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีการใช้อยู่ 5 พันตัน/วัน ซึ่งราคาน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นทำให้มีรถยนต์ติดตั้งเครื่องยนต์ใช้NGVเพิ่มขึ้นจากวันละ 215 คันเป็น 300 คัน ทำให้ปตท.แบกขาดทุนจากการจำหน่ายNGVแล้วเดือนละ 810 ล้านบาท
นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากราคาน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นทำให้มีรถยนต์ดัดแปลงเครื่องยนต์มาใช้ก๊าซNGVเพิ่มมากขึ้น คาดว่าปีนี้บริษัทต้องแบกรับภาระการขาดทุนจากการจำหน่ายก๊าซNGV เกินกว่าหมื่นล้านบาท จากปีที่แล้วปตท.ได้แบกรับการขาดทุนจากNGV 1หมื่นล้านบาท ปัจจุบัน ปตท.จำหน่ายNGVในราคากิโลกรัมละ (กก.) 8.50 บาท ขณะที่ต้นทุนราคาก๊าซNGVอยู่ที่กก.ละ 15 บาท โดยรัฐชดเชยราคาNGVอยู่กก.ละ 2 บาท ซึ่งแนวทางการปรับขึ้นราคาNGVเพื่อสะท้อนต้นทุนที่แท้จริงนั้น ขณะนี้ภาครัฐอยู่ระหว่างการพิจารณา ซึ่งหากกระทรวงพลังงานมีนโยบายใดออกมา อาทิ การปรับขึ้นราคาขายหรือรัฐอุดหนุนเพิ่มเติม ทางปตท.ก็จะนำแนวทางดังกล่าวมาประกอบการพิจารณาต่อไปโดยยอมรับว่าปีนี้บริษัทฯยังคงเป้าหมายขยายปั๊มNGV เพิ่มขึ้นเป็น 500 แห่งทั่วประเทศ
ทั้งนี้หากรัฐไม่มีนโยบายขยับราคาจำหน่ายNGVหรือชดเชยราคาให้ผู้ประกอบการเพิ่มเติม ปตท.คงไม่สามารถแบกรับภาระการขาดทุนดังกล่าวที่นับวันจะเพิ่มสูงขึ้นได้อีกต่อไป เพราะต้องใช้เงินจำนวนมากในการขยายและนับวันความต้องการใช้NGVก็เพิ่มสูงขึ้น ในฐานะปตท.ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯก็มีหน้าที่ต้องดูแลทุกฝ่ายอย่างเท่าเทียมและบริหารจัดการให้บริษัทเติบโตก้าวหน้าอย่างยั่งยืน
สำหรับทิศทางราคาน้ำมันโลกที่ยังอยู่ระดับสูงเนื่องจากปัญหาความวุ่นวายที่อียิปต์และสภาวะอากาศที่หนาวเย็นทำให้ความต้องการใช้น้ำมันสูงขึ้น โดยราคาน้ำมันดิบอยู่ระดับเกือบ 100 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลและราคาน้ำมันสำเร็จรูปทะลุ 110 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลแล้ว ดังนั้นการตรึงราคาขายดีเซลที่ 30 บาท/ลิตรรัฐจำเป็นต้องใช้เงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเข้ามาอุดหนุนระดับหนึ่ง ซึ่งปัจจุบันอุดหนุนไปแล้วลิตรละ 3-4 บาท ปัจจุบันไทยมีการใช้NGV 5.9 พันตัน/วัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีการใช้อยู่ 5 พันตัน/วัน ซึ่งราคาน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นทำให้มีรถยนต์ติดตั้งเครื่องยนต์ใช้NGVเพิ่มขึ้นจากวันละ 215 คันเป็น 300 คัน ทำให้ปตท.แบกขาดทุนจากการจำหน่ายNGVแล้วเดือนละ 810 ล้านบาท
