xs
xsm
sm
md
lg

หอการค้าฯชี้ ไทยรับมือการแข่งขันดึงผู้เชี่ยวชาญจากฮ่องกงแก้คอร์รัปชัน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“ หอการค้าฯ ชี้ ไทยเผชิญความท้าทาย 4 หัวข้อใหญ่ที่ต้องรับมือ ทั้งการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน การแก้ปัญหาคอร์รัปชัน การผลักดันให้เป็น AEC และอยู่ร่วมกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างสันติ เตรียมดึงผู้เชี่ยวชาญจากฮ่องกงมาแนะแนวทางแก้ปัญหาคอร์รัปชันในไทย “ปตท.” จี้รัฐเลิกอุดหนุนราคาพลังงาน ปล่อยเป็นไปตามกลไกตลาด เตือนเอกชนรับมือราคาพลังงานที่เพิ่มสูงขึ้น

นายดุสิต นนทะนาคร ประธานกรรมการหอการค้าและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวเสวนาในหัวข้อ Thailand Challenges 2011 ในงาน TMA 2011 วานนี้ (9 ก.พ.) ว่า ความท้าทายของประเทศไทยที่ต้องเผชิญมี 4 หัวข้อใหญ่ ที่ต้องร่วมมือกันระหว่างภาครัฐและเอกชนเพื่อให้เศรษฐกิจของประเทศเติบโตต่อไปได้ ประกอบด้วย 1.ความสามารถในการแข่งขันต้องยอมรับว่า ไทยไม่ได้ให้ความใส่ใจในเรื่องนี้เห็นได้จากการการจัดอันดับความสามารถในการแข่งขันระดับโลก พบว่า ไทยอยู่อันดับที่ 26 เป็นเวลาติดต่อกันนับสิบปี

อย่างไรก็ตาม ทางสถาบัน TMA ได้ร่วมมือกับสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สภาพัฒน์)ได้ร่วมมือกันและตั้งเป้าหมายว่าอันดับความสามารถในการแข่งขันของไทยจะขยับมาเป็นอันดับที่ 15 ในปี 2558 ซึ่งความสามารถในการแข่งขันของไทยจะดีขึ้นได้จำเป็นต้องมีการแก้ไขปัญหาระบบขนส่ง (ลอจิสติกส์) ให้มีต้นทุนที่ต่ำลง และระบบการศึกษาที่ล้มเหลวรวมถึงโครงสร้างอัตราภาษีหากไม่มีการปรับปรุง เชื่อว่า จะไม่มีนักลงทุนสนใจมาลงทุนในไทย

2.เป้าหมายการเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ในปี 2558 เพื่อให้ตลาดรวมใหญ่ขึ้น และเพิ่มอำนาจในการต่อรองจำเป็นที่ภาครัฐและเอกชนจะต้องร่วมมือกันในการแก้ไขปัญหาอุปสรรคต่างๆ

3.การแก้ปัญคอร์รัปชันที่นับวันจะขยายตัวใหญ่ขึ้น หากไม่สามารถแก้ปัญหาคอร์รัปชันได้เศรษฐกิจของไทยคงเติบโตได้ยาก เนื่องจากงบที่ใช้ในการพัฒนาประเทศในแต่ละปี 3-4 แสนล้านบาท ต้องจ่ายไปแสนล้านบาทให้กับการคอร์รัปชัน ทำให้เศรษฐกิจของประเทศเติบโตช้า โดยปีที่แล้วสภาหอฯได้พาคณะไปดูงานที่ฮ่องกง เนื่องจากฮ่องกงเคยเป็นประเทศที่มีการคอร์รัปชันสูงมาก แต่ต่อมามีพลังขับเคลื่อนจากคนในประเทศได้ร่วมมือกันเพื่อแก้ปัญหานี้ และใช้เวลา 50 ปีกว่าจะขจัดปัญหาดังกล่าวให้หมดไป ดังนั้น สภาหอฯจะเชิญผู้บริหารระดับสูงของฮ่องกงมาพูดคุยถึงแนวทางการแก้ปัญหาคอร์รัปชันในช่วงเดือน พ.ค.นี้

และ 4.ทำอย่างไรจะอยู่ร่วมกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างสันติ เพราะหากยังมีการขัดแย้งระหว่างประเทศเพื่อนบ้านโอกาสที่จะเกิด AEC เป็นไปได้ยาก

จี้รัฐเลิกอุดหนุนราคาพลังงาน

นายเทวินทร์ วงศ์วานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า จากราคาพลังงานที่ผันผวนเป็นประเด็นท้าทายของประเทศ เห็นได้ว่าราคาน้ำมันดิบได้ขยับเพิ่มขึ้นมาอยู่ระดับ 90 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล ซณะที่ไทยเป็นประเทศนำเข้าพลังงาน โดยนำเข้าน้ำมันคิดเป็น 80% ของความต้องการใช้ นำเข้าก๊าซ 20% และถ่านหินนำเข้า 50% รวมไปถึงการนำเข้าไฟฟ้าจากประเทศเพื่อนบ้าน หากราคาพลังงานผันผวนมากก็จะกระทบต่อธุรกิจ

ดังนั้น การกำหนดนโยบายด้านราคาพลังงานต้องเป็นสากล รัฐไม่ควรอุดหนุน เพราะทำให้กลไกตลาดถูกบิดเบือนไป และการใช้พลังงานขาดประสิทธิภาพ ขาดการพัฒนาเทคโนโลยี ซึ่งการกำหนดราคาพลังงานต้องคำนึงถึงต้นทุนค่าพลังงานรวมกับค่าใช้จ่ายในการดูแลแก้ไขปัญหาก๊าซเรือนกระจกด้วย ซึ่งภาคธุรกิจจำเป็นต้องเตรียมรับมือราคาพลังงานที่สูงขึ้น รวมทั้งมีความยืดหยุ่นในการใช้เชื้อเพลิงต่างๆ ด้วย

นายธีรพงศ์ จันศิริ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยยูเนี่ยน โฟรเซ่น โปรดักส์ จำกัด (มหาชน) (TUF) กล่าวว่า บริษัทให้ความสำคัญในเรื่องความสามารถในการแข่งขันเป็นอันดับแรก เนื่องจากธุรกิจปลาทูน่ากระป๋องเป็นธุรกิจที่ใช้แรงงานมาก เงินทุนไม่สูง ไม่ได้รับการปกป้องอุตสาหกรรม และไม่มีตลาดในประเทศ ทำให้การแข่งขันรุนแรงมาก จำเป็นต้องมีการกระจายความเสี่ยง และหากสินค้าใหม่อยู่ตลอดเวลาร่วมกับการซื้อกิจการ (M&A) เพื่อสร้างความเข้มแข็งของธุรกิจในระดับโลก ซึ่งการเข้าไปซื้อ MWB ผู้ผลิตปลาทูน่าใหญ่ที่สุดในยุโรป ทำให้บริษัทเป็นเจ้าของแบรนด์ปลาทูน่าที่มีส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับ 1 ในหลายประเทศ และยังเป็นการขจัดปัญหาการกีดกันด้านภาษีลงได้ ซึ่งสิ่งท้าทายของบริษัทยังเป็นบุคลากร การเข้าถึงแหล่งข้อมูล และการรับมือการเปลี่ยนแปลงด้านวัฒนธรรมจากหลายประเทศ ซึ่งภาวะโลกร้อนมีผลต่อการจับปลาทูน่าทำให้ราคาปลาผันผวน ดังนั้น ต้องมีการบริหารจัดการที่ดี
กำลังโหลดความคิดเห็น