xs
xsm
sm
md
lg

อานิสงส์สึนามิTUFยอดขายพุ่งญี่ปุ่นสั่งซื้อเพิ่ม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - TUF ปรับแผนการผลิตโรงงานในไทย รองรับออเดอร์อาหารทะเลจากญี่ปุ่นที่เพิ่มขึ้น หลังเหตุการณ์ สึนามิถล่มที่เมืองเชนได ทำให้โรงงานผลิตอาหารทะเลแช่แข็งญี่ปุ่นเสียหาย ยันคงเป้ารายได้และกำไรปีนี้โตกว่า 30% หลังรับรู้รายได้จากMWB เต็มปี 700 ล้านเหรียญ เตรียมขออนุมัติผู้ถือหุ้นออกหุ้นกู้วงเงิน 1.5 หมื่นล้านบาท เพื่อรีไฟแนนซ์หนี้เดิม

นายธีรพงศ์ จันศิริ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยยูเนี่ยนโฟรเซ่น โปรดักส์ จำกัด (มหาชน)(TUF) เปิดเผยว่า จากกรณีภัยพิบัติแผ่นดินไหวและคลื่นยักษ์สึนามิในประเทศญี่ปุ่น โดยเฉพาะในเมืองเซนได ที่เป็นเมืองท่า มีการทำประมงและมีโรงงานผลิตอาหารทะเลแช่แข็งจำนวนมากได้รับความ เสียหาย คาดว่าจะใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 2 เดือนในการฟื้นฟู ซึ่งระหว่างนี้ญี่ปุ่นคงต้องนำเข้าอาหารทะเลจากไทยเพิ่มมากขึ้นทั้งทูน่า แซลมอนและปลาซาดีน

โดยบริษัทเป็นผู้ผลิตและส่งออกอาหารทะเลแช่แข็งและบรรจุกระป๋องรายใหญ่ของไทย ทำให้ได้รับประโยชน์จากคำสั่งซื้อที่เข้ามามาก จึงได้มีการปรับแผนเพิ่มกำลังการผลิตโรงงานในไทยเพื่อส่งออกไปญี่ปุ่นเพิ่มมากขึ้นอาทิ ทูน่าและซาดีนบรรจุกระป๋อง กุ้งแช่แข็ง เป็นต้น ที่ผ่านมา บริษัทมีรายได้จากการส่งออกไปตลาดญี่ปุ่น 12 %ของรายได้รวม หรือประมาณ 250 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยปีนี้คาดว่าจะส่งออกไปญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นเป็นสัดส่วน 14%

ส่วนกรณีที่มีการรั่วไหลสารกัมมันตรังสีจากเตาปฏิกรณ์ในโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกูชิมะ ไดอิจินั้น จะส่งผลกระทบต่อสินค้าอาหารที่ผลิตจากประเทศญี่ปุ่น แต่ปลาทูน่าบรรจุกระป๋องของบริษัทฯไม่ได้รับผลกระทบ เนื่องจากไม่ได้มีการใช้วัตถุดิบจากญี่ปุ่น และทูน่าเป็นปลาน้ำลึกจึงมีความปลอดภัยค่อนข้างมาก

นายธีรพงศ์ กล่าวว่า แม้บริษัทจะมีการส่งออกไปญี่ปุ่นเพิ่มมากขึ้นแต่บริษัทฯไม่ได้ปรับเพิ่มประมาณการณ์รายได้ในปีนี้ใหม่ แต่ยังคงเป้าหมายการเติบโตทั้งรายได้และกำไรสุทธิไม่ต่ำกว่า 30%จากปีก่อน โดยคาดว่าปีนี้บริษัทฯมีรายได้รวมใกล้เคียง 3,000 ล้านเหรียญสหรัฐ และวางเป้าหมายรายได้ใหม่ที่ 4,000 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2558 เนื่องจากปีนี้บริษัทรับรู้รายได้จาก MWB เต็มปีจำนวน 700 ล้านเหรียญสหรัฐ ทำให้อัตราทำกำไรขั้นต้น(Gross Profit Margin)ของบริษัทสูงขึ้นเป็น 17% จากปีที่แล้วอยู่ที่ 13.3% เนื่องจาก MWB มีอัตรากำไรสูงกว่าTUF และรับรู้รายได้จากโรงงานอาหารสัตว์ของ ยูเอสเพ็ท นูทรีชั่น จำกัดที่คาดว่าจะดำเนินการได้ในไตรมาส 3 นี้ประมาณ 10 ล้านเหรียญสหรัฐ และจะเพิ่มเป็นกว่า 50 ล้านเหรียญสหรัฐในอีก3ปีข้างหน้า

นอกจากนี้ บริษัททยอยปรับขึ้นราคาสินค้ามาตั้งแต่ไตรมาส 4/2553 หลังจากวัตถุดิบและน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น ขณะนี้ราคาทูน่าปรับขึ้นจาก 1,300 เหรียญสหรัฐ/ตันในช่วงสิ้นปี 2553 มาอยู่ที่ 1,600 เหรียญสหรัฐ/ตันในเดือน ก.พ. คาดว่าราคาปลาทูน่าจะทรงตัวอยู่ระดับนี้ อย่างไรก็ตามหากต้นทุนการผลิตสูงขึ้นก็จะปรับราคาสินค้าให้สอดคล้องได้ทันท่วงที

“ในไตรมาสแรกปีนี้ บริษัทฯมีรายได้และกำไรสุทธิดีกว่าช่วงไตรมาส 4 /53 อย่างแน่นอนโดยบริษัทฯตั้งเป้าหมายกำไรสุทธิสูงกว่าปีก่อนกว่า 30% โดยปีนี้ปัจจัยค่าเงินบาทมองว่าอยู่ที่ 29-30 บาท/ดอลลาร์ใกล้เคียงปีก่อน โดยค่าเงินบาทมองว่ามีเสถียรภาพมากขึ้น ส่วนราคาน้ำมันคงต้องติดตามอย่างใกล้ชิด”
กำลังโหลดความคิดเห็น