“พลังงาน” ยันไม่ได้ห้ามส่งออกน้ำมัน-ก๊าซหุงต้มไปยังกัมพูชา หลังเกิดเหตุปะทะที่ชายแดน เพราะเป็นระบบการค้าเสรี ชี้การสั่งระงับต้องให้หน่วยงานความมั่นคงเป็นคนสั่งการ “พาณิชย์” ตั้งศูนย์ช่วยเหลือ ปชช.และผู้ประกอบการ ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ชายแดน พร้อมเดินหน้าจัดมินิแฟร์ที่กัมพูชาเพื่อรักษาสัมพันธ์ที่ดี ส่วนงานใหญ่เลื่อนไปจัดเดือน มี.ค.แทน
นายแพทย์วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวถึงกระแสข่าวไทยงดส่งออกสินค้าพลังงานเชื้อเพลิงให้กัมพูชา โดยระบุว่าขณะนี้ยังไม่มีการออกคำสั่งระงับไม่ให้ผู้ค้าน้ำมันส่งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติไปขายประเทศกัมพูชา หลังจากเกิดเหตุการณ์ปะทะกันบริเวณชายแดน พร้อมยืนยันว่าการค้าน้ำมันยังคงเป็นไปตามปกติเพราะเป็นการค้าเสรี
ส่วนกรณีมีข่าวกระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานความมั่นคงจะสั่งห้ามผู้ประกอบการส่งออกก๊าซปิโตรเลียมไปยังประเทศกัมพูชา ก็ให้เป็นหน้าที่ของกระทรวงการต่างประเทศ และหน่วยงานความมั่นคงเป็นผู้ชี้แจง เพราะเรื่องดังกล่าวมีความละเอียดอ่อน โดยก่อนหน้านี้มีข่าวว่า รัฐบาลได้สั่งห้ามการส่งสินค้าที่เป็นยุทธปัจจัยไปยังกัมพูชา หลังจากที่เกิดสงครามชายแดนกันขึ้น ซึ่งสินค้าน้ำมันและก๊าซหุงต้ม ก็ถือเป็นยุทธปัจจัยด้วย
นายพีระพล สาครินทร์ อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน (ธพ.) กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ของ ธพ.ได้ร่วมหารือกับฝ่ายความมั่นคงแล้ว โดยขณะนี้ยังไม่มีหนังสือแจ้งให้ระงับการส่งออกพลังงานแต่อย่างใด โดยระบุว่าหากจะดำเนินการระงับจะทำหนังสือแจ้งอย่างเป็นทางการอีกครั้งหนึ่ง
“การส่งออกก๊าซหุงต้มจะต้องยื่นขอจาก ธพ. ซึ่งการขนส่งออกตามด่านชายแดน หากมีการปิดด่านบางด่านก็อาจจะกระทบบ้าง แต่บางด่านก็ยังไม่มีปัญหาอะไร จึงยังถือว่าภาพรวมไม่มีอะไรผิดปกติ และฝั่งไทยเองก็ยืนยันว่าไม่มีการขาดแคลนน้ำมันและก๊าซหุงต้ม”
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานยังกล่าวถึงสถานการณ์ราคาน้ำมันแพง และการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ที่คาดว่าเม็ดเงินอุดหนุนเสถียรภาพราคาน้ำมันจะหมดลงในสัปดาห์นี้ โดยระบุว่าตนเองเตรียมนัดกับนายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เพื่อหามาตรการเพิ่มในการช่วยตรึงราคาน้ำมันดีเซลไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตร ตามนโยบายรัฐบาลต่อไป โดยเบื้องต้นคาดว่าจะหารือใน 2 ประเด็น คือ 1.จะตรึงราคาน้ำมันดีเซลไว้ตามเพดานไม่เกิน 30 บาทต่อลิตร หรือไม่ และจะตรึงต่อไปอีกนานเท่าใด 2.จะหาเงินส่วนไหนมาช่วยอุดหนุนเพิ่มเติม หากวงเงิน 5,000 ล้านบาทจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงหมดลง
“ราคาน้ำมันในตลาดโลกช่วง 1-2 วันที่ผ่านมาเริ่มปรับตัวลดลงบ้างแล้ว จากการที่สถานการณ์ความวุ่นวายในตะวันออกกลางและอียิปต์เริ่มคลี่คลายลงระดับหนึ่ง แต่กระทรวงพลังงานยังต้องดูแลราคาน้ำมันดีเซลต่อไป ตราบที่นโยบายตรึงราคาไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตรของรัฐบาลยังใช้อยู่”
ส่วนกรณีที่ผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมเรียกร้องกระทรวงพลังงานอย่าเพิ่งปล่อยลอยตัวราคาก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) ภายในกลางปีนี้ทันที แต่ให้ค่อยๆทะยอยปรับขึ้นในช่วง 1-2 ปีเพื่อมิให้เป็นภาระต้นทุนแก่ภาคอุตสาหกรรมเพิ่มสูงทันทีนั้น นายแพทย์วรรณรัตน์กล่าวว่า รัฐบาล ประกาศไปชัดเจนแล้วว่า จะตรึงราคาจนถึงสิ้นเดือนกุมภาพันธ์นี้เท่านั้น แต่กระทรวงพลังงานก็ยินดีรับฟังเสียงสะท้อนและผลกระทบจากทุกฝ่าย เพื่อพิจารณาให้เกิดผลกระทบน้อยที่สุด
นางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้นายยรรยง พวงราช ปลัดกระทรวงพาณิชย์ แต่งตั้งคณะกรรมการอำนวยการช่วยเหลือประชาชนและผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจการค้าจากสถานการณ์ความไม่สงบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา เพื่อช่วยเหลือแก้ไขปัญหาและบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ประสบภัยได้อย่างรวดเร็วทันต่อเหตุการณ์ โดยศูนย์ดังกล่าวจะมีหน้าที่หลักในการดูแลผลกระทบที่เกิดขึ้นกับการค้าสินค้าเกษตร สินค้าอุปโภคบริโภค ทั้งในเรื่องปริมาณและราคาสินค้า พิจารณา กำกับ ควบคุมการนำเข้า ส่งออกสินค้าที่สำคัญทั้งในด้านการค้าและความมั่นคง เพื่อรักษาผลประโยชน์ ตลอดจนรวบรวมสรุปสถานการณ์และหาแนวทางความช่วยเหลือแก่ผู้ประสบภัยดังกล่าวอย่างทั่วถึง นอกจากนี้ ยังได้เปิดสายด่วน 1569 รับเรื่องราวร้องทุกข์และรับบริจาคเงินและสิ่งของเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยด้วย
“มีความห่วงใยต่อพี่น้องประชาชนในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ และผู้ประกอบการค้าชายแดนเป็นอย่างมาก จึงได้กำชับให้พาณิชย์จังหวัด และการค้าภายในจังหวัดออกติดตาม ตรวจสอบสภาวะปริมาณและราคาสินค้าอย่างใกล้ชิดและตรวจสอบไม่ให้มีการเอารัดเอาเปรียบผู้บริโภค รวมทั้งสำรวจความเสียหายและผลกระทบเพื่อหาแนวทางการช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนต่อไป”
นางพรทิวากล่าวว่า ได้รับรายงานจากนางจีรนันท์ วงษ์มงคล อัครรราชทูตที่ปรึกษา (ฝ่ายการพาณิชย์) แจ้งมาว่า นายฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา รับรองความปลอดภัยในการจัดงานแฟร์ที่กัมพูชา และเพื่อเป็นการรักษาความสัมพันธ์ที่ดี จึงได้มอบหมายให้กรมส่งเสริมการส่งออกจัดงานเป็นลักษณะมินิแฟร์ และให้จัดงานที่เน้นเฉพาะผู้ประกอบการไทยที่อยู่ในกัมพูชาเท่านั้น ส่วนการจัดงาน Thailand Trade Exhibition 2011 ที่จะมีขึ้นในวันที่ 17-20 กุมภาพันธ์ 2554 นี้ ให้เลื่อนออกไปก่อน คาดว่าจะมีการจัดแบบเดิมในเดือน มี.ค.นี้ โดยได้รายงานให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบแล้ว
