xs
xsm
sm
md
lg

“มาร์ค” เบรกซื้อข้าว 2 ล้านตัน กังขาราคาข้าววูบ 4-5% สวนสินค้าชนิดอื่น

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี
นายกฯ สั่งเบรกโครงการรับซื้อข้าวสารในราคานำตลาด 5% เพื่อรักษาเสถียรภาพ ในปริมาณ 2 ล้านตัน วงเงิน 3 หมื่นล้านบาท หวั่นสร้างภาระให้รัฐบาล พร้อมตั้งข้อสังเกต เหตุใดช่วงที่ผ่านมาราคาข้าวเปลือก ในตลาดปรับลดลง 4-5% ทั้งๆ ที่สินค้าเกษตรอื่นราคาเพิ่มขึ้น

นายธราดล เปี่ยมพงศ์สานต์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง เปิดเผยว่า คณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) ที่มีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน วานนี้ (31 ม.ค.) พิจารณามาตรการรักษาเสถียรภาพราคาข้าวเปลือกปี 2553/2554 ประกอบด้วย 6 โครงการ ได้แก่ 1.โครงการแทรกแซงตลาดรับซื้อข้าวสารนำตลาด 2.โครงการแทรกแซงตลาดรับซื้อข้าวเปลือกปี 2553/54 (ตั้งโต๊ะรับซื้อข้าว) 3.โครงการจัดตลาดนัดข้าวเปลือก

4.โครงการเพิ่มสภาพคล่องให้ผู้ประกอบการค้าข้าว 5.โครงการรับฝากข้าวเปลือกในยุ้งฉางเพื่อรอการจำหน่ายและ 6. โครงการผลักดันการส่งออกข้าวปี 2554

ในที่ประชุมนายกฯ สอบถามว่า เหตุใดช่วงที่ผ่านมาราคาข้าวเปลือก ในตลาดปรับลดลง 4-5% ทั้งๆ ที่สินค้าเกษตรอื่นราคาเพิ่มขึ้น แต่กระทรวงพาณิชย์ไม่ได้ตอบคำถามนี้แต่อย่างใด

กขช.ให้ความเห็นชอบทุกโครงการที่เสนอ ยกเว้นโครงการแทรกแซงตลาดรับซื้อข้าวสารนำตลาด เพื่อรักษาเสถียรภาพราคาข้าวในตลาด โดยนายกฯและกรรมการหลายคนเห็นว่าหากซื้อข้าวสารในราคานำตลาด 5% ปริมาณ 2 ล้านตัน วงเงิน 3 หมื่นล้านบาท จะทำให้มีข้าวสารในสต็อกของรัฐเพิ่มเช่นเดียวกับโครงการรับจำนำ ขณะที่รัฐต้องมีค่าใช้จ่ายในการเก็บรักษาข้าว

นายธราดล ระบุว่า ส่วนรายละเอียดโครงการอื่นๆที่ กขช.ความเห็นชอบนั้น ในส่วนโครงการตั้งโต๊ะรับซื้อข้าวเปลือกจากเกษตรกรผ่านโรงสี ในบางพื้นที่กรณีขายข้าวเปลือกได้นราคาต่ำกว่าราคาอ้างอิง หรือพ่อค้าหรือโรงสี กดราคา โดยกำหนดปริมาณการรับซื้อไม่เกิน 2 ล้านตัน วงเงิน 2 หมื่นล้านบาท ระยะเวลาโครงการ เริ่ม มกราคม 2554 ถึง มกราคม 2555

นายปราโมทย์ วานิชานนท์ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมโรงสีข้าวไทย และกรรมการ กขช.ระบุว่า ในการเสนอโครงการรับซื้อข้าวสารในราคานำตลาดนั้น กรมการค้าต่างประเทศกำหนดแนวทางว่าจะมีการรับซื้อข้าวสารจากโรงสีและผู้ส่งออก ในราคานำตลาดแล้วนำมาเก็บไว้ ทำให้ราคาข้าวในตลาดเพิ่มขึ้น ราคาข้าวเปลือกขยับขึ้นตาม แต่นายกฯไม่เห็นด้วย เพราะเหมือนกับโครงการรับจำนำและทำให้ปริมาณข้าวสารในสต็อกของรัฐเพิ่มขึ้น รัฐเสียเงินค่าเก็บรักษาข้าวจำนวนมาก

ส่วนโครงการตั้งโต๊ะรับซื้อข้าวนั้น จะไม่ตั้งโต๊ะรับซื้อทั่วไป แต่การดำเนินการจะพิจารณาเฉพาะจุด หรือเขตที่พบว่าราคาข้าวต่ำกว่าราคาอ้างอิง และในช่วงนี้ตนเห็นว่ายังไม่มีความจำเป็นต้องทำโครงการนี้ เพราะข้าวนาปีออกสู่ตลาดหมดแล้ว โดยควรตั้งโต๊ะช่วงเดือนมีนาคม-ตุลาคม 2554 ที่จะมีผลผลิตข้าวนาปรังออกมามากกว่า

นายธราดล กล่าวว่า ในที่ประชุม กขช.นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะรองประธาน กขช.ยืนยันในที่ประชุม กขช.ว่ารัฐบาลได้ระบายข้าวสารในสต๊อกออกไปแล้ว 4 ล้านตัน จากสต็อก 5 ล้านตัน ลดค่าใช้จ่ายค่าเก็บสต็อกได้ 6.5 พันล้านบาทต่อปี จากปกติประมาณ 9 พันล้านบาทต่อปี ราคาที่ขายได้นั้นอยู่ที่ 80% ของราคาตลาด ขณะที่ในอดีตรัฐบาลขายข้าวในสต็อกรัฐในราคา 60% ของราคาตลาด

ส่วนโครงการจัดตลาดนัดข้าวเปลือก จะมีการจัดตลาดนัดข้าวเปลือกในพื้นที่ 56 จังหวัด จำนวน 150 ครั้ง โดยใช้งบประมาณ 6.5 ล้านบาท สำหรับโครงการเพิ่มสภาพคล่องให้ผู้ประกอบการค้าข้าว โดยปล่อยสินเชื่อให้โรงสีโดยรัฐบาลชดเชยอัตราดอกเบี้ยแทนโรงสี 2% ต่อปี

ขณะที่โครงการรับฝากข้าวในยุ้งฉางเกษตรกรเพื่อรอการจำหน่ายนั้น รับฝากที่ราคา 80% ของราคาประกัน และโครงการผลักดันการส่งออกข้าวปี 2554 จะมีการขายข้าวออกในแบบจีทูจี และการขยายตลาดเชิงรุก โดยมีเป้าหมาย เช่น ตะวันออกกลาง แอฟริกา เอเชีย ยุโรป และสหรัฐฯ
กำลังโหลดความคิดเห็น