xs
xsm
sm
md
lg

2553 เวียดนามส่งออกข้าวเกือบ 6.9 ล้านตันจ่อก้นไทย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

 <bR><FONT color=#000033>ภาพแฟ้ม 1 ธ.ค.2553 นักโทษช่วยกันแบกข้าวเปลือกจากท้องทุ่งในฤดูเก็บเกี่ยวฤดูที่ 2 ของปีที่เกาะปาลาวัน (Palawan) ทางตะวันตกของฟิลิปปินส์ นักโทษที่ต้องโทษจำคุกตลอดชีวิตจะต้องปลูกข้าวและหาอาหารเลี้ยงดูกันเองบนเกาะ ในขณะที่ชาวฟิลิปปินส์ที่อาศัยในสังคมนอกเรือนจำต้องรับประทานข้าวที่นำเข้าจากเวียดนาม เนื่องจากผลิตได้ไม่พอเลี้ยงดูประชากรเกือบ 100 ล้านคน และพื้นที่เพาะปลูกของประเทศเกาะแห่งนี้มีจำกัดมากขยายไม่ได้อีก.-- REUTERS/Romeo Ranoco.</font>

ASTVผู้จัดการออนไลน์ -- ปีเก่า 2553 ที่ผ่านมา เวียดนามส่งออกข้าวได้ทั้งหมด 6.88 ล้านตัน ทำรายได้ 3,230 ล้านดอลลาร์ นับเป็นสถิติใหม่สำหรับประเทศที่ต้องเลี้ยงดูประชากรถึง 87 ล้านคน ตัวเลขนี้คิดเป็นอัตราเพิ่มจากปี 2552 ถึง 15.4% ด้านปริมาณ และ 21.2% ด้านมูลค่า

หนังสือพิมพ์เตื่อยแจ๋ (Tuoi Tre) ในนครโฮจิมินห์ รายงานเรื่องนี้โดยอ้างตัวเลขของกระทรวงเกษตรและพัฒนาชนบท

แต่เตื่อยแจ๋ รายงานด้วยว่า ยอดส่งออกที่เพิ่มขึ้นสูงมากนี้ ไม่ได้หมายความว่า ชาวนาและผู้ส่งออกมีกำไรมากมาย เนื่องจากปีที่ผ่านมาราคาข้าวในตลาดโลก มีความผันผวนสูงมาก

ข้าวฤดูร้อน-ฤดูใบไม้ร่วง ซึ่งเป็นฤดูผลิตกลางปีราคาตกต่ำมาก แต่ชาวนาก็ยังต้องรีบระบายออกไป เนื่องจากไม่มียุ้งฉางสำหรับจัดเก็บอย่างเพียงพอ แต่พอราคาข้าวทะยานขึ้นกว่าเท่าตัวในช่วงปลายปี ชาวนาก็ไม่มีข้าวจะขายอีกแล้ว

ผู้ส่งออกจำนวนหนึ่งยังมีตัวเลขขาดทุน เนื่องจากได้เซ็นสัญญาขายข้าวฤดูร้อนให้ลูกค้าต่างประเทศเอาไว้ที่ 300 ดอลลาร์ต่อตัน (ข้าวผสมเมล็ดหัก 25%) แต่เมื่อออกกว้านซื้อข้าวให้เพียงพอกับยอดสั่งซื้อต้องจ่ายราคาสูงขึ้น เนื่องจากราคาข้าวเปลือกในประเทศถีบตัวสูงขึ้นสะท้อนความต้องการในตลาดโลกที่เพิ่งสูงขึ้น

ชาวนาเวียดนามผลิตข้าวเปลือกได้เพิ่มขึ้นทุกปี ราว 80% ของข้าวที่ส่งออก ปลูกในจังหวัดเขตที่ราบปากแม่น้ำโขง ซึ่งเป็นเขตอู่ข้าวใหญ่ ผลิตข้าวได้ประมาณ 40% ของทั้งประเทศ

แต่ปัญหาสำคัญก็ยังเป็นปัญหาเก่าๆ คือ ในเขตอู่ข้าวใหญ่นี้ยังมียุ้งฉางเก็บข้าวไม่เพียงพอ ทำให้ต้องเร่งระบายข้าวออกในฤดูเก็บเกี่ยว ซึ่งมีข้าวจากแหล่งต่างๆ ประดังออกสู่ตลาดโลก ทำให้ราคาต่ำลง

สมาคมอาหารเวียดนาม (VietFood) ซึ่งเป็นหน่วยงานกึ่งทางการ เป็นผู้กำกับดูแลการส่งออกข้าวตามนโยบายของรัฐบาล โดยนโยบายทั่วไป คือ ผู้ค้าต้องรับซื้อจากชาวนา ในอัตราที่ทางการกำหนด โดยให้ชาวนามีกำไรตั้งแต่ 30-40%

หลายปีมานี้ข้าวเวียดนามได้แย่งตลาดข้าวไทยในย่านเอเชียไปเกือบหมด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง 2 ตลาดใหญ่สำหรับข้าว 25% จากประเทศไทยเมื่อก่อนนี้ คือ อินโดนีเซีย และ ฟิลิปปินส์ ซึ่ง 3-4 ปีมานี้ได้หันไปซื้อข้าวเวียดนามที่มีราคาต่ำกว่า

ตั้งแต่ปี 2550 เป็นต้นมา ฟิลิปปินส์ได้กลายเป็นลูกค้ารายใหญ่ของชาวนาเวียดนาม โดยนำเข้าเพิ่มขึ้นทุกปีจาก 700,000 ตัน เป็น 1.5 ล้านตัน และ 2 ล้านตันเมื่อปีที่แล้ว

ปัจจุบันเวียดนามเป็นผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่อันดับ 2 ของโลก รองจากประเทศไทยเท่านั้น และปริมาณส่งออกได้ขยับเข้าใกล้ผู้ส่งออกอันดับ 1 มากขึ้นเรื่อยในช่วงไม่กี่ปีมานี้
<bR><FONT color=#000033>ภาพแฟ้ม 7 ธ.ค.2553 คนงานกำลังแบกกระสอบข้าวภายในโกดังเก็บขององค์การอาหารแห่งชาติในกรุงมะนิลา ทั้งหมดเป็นข้าวที่ซื้อจากเวียดนาม หลายปีมานี้ฟิลิปปินส์ได้กลายเป็นลูกค้ารายใหญ่ที่สุดของชาวนาเวียดนาม ปีนี้นำเข้าข้าว 25% กับ 5% กว่า 2 ล้านตัน.--REUTERS/Romeo Ranoco.</font>
กำลังโหลดความคิดเห็น