“พรทิวา” มั่นใจประชุมกรอบการค้ารอบโดฮาสำเร็จในสิ้นปีนี้ หลังที่ประชุมทุกชาติเห็นพ้องวางกรอบ 3 ระยะให้แต่ละประเทศกำหนดแผนทางการค้า ก่อนสรุป และสัญญาร่วมกันในปลายปี หลังยืดเยื้อนาน 9 ปี เผย ท่าทีหลายประเทศอ่อนข้อลงทั้ง จีน บราซิล อินเดีย ลุ้นไทย ได้ประโยชน์ ดันราสินค้าเกษตร อุตสาหกรรมและบริการ รวมไปถึงสินค้าอิเลคทรอนิคส์บางรายการสูงขึ้น
นางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงผลการประชุมรัฐมนตรีสมาชิก WTO อย่างไม่เป็นทางการ ณ เมืองดาวอส ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ เมื่อวันที่ 29 ม.ค.ที่ผ่านมาว่า จากการเจรจารอบโดฮากับมาสมาชิก WTO จำนวน 25 ประเทศจาก 153 ประเทศสมาชิก เกี่ยวกับการเปิดเขตเสรีการค้าเกษตร อุตสาหกรรม และบริการ สมาชิกส่วนใหญ่มีท่าทีอ่อนลงพร้อมกับรับฟังข้อเสนอของประเทศคู่ค้ามากขึ้นโดยเฉพาะประเทศจีน บราซิล และอินเดีย ที่ต้องการจะให้การเจรจาการค้าดังกล่าวได้ข้อสรุปโดยเร็ว
โดยที่ประชุมได้กำหนดข้อตกลงร่วมกันไว้จำนวน 3 ระยะ คือ ระยะที่ 1 ให้แต่ละประเทศกลับไปกำหนดกรอบรายยละเอียดทางการค้าให้แล้วเสร็จภายในปลายเดือนมี.ค.นี้ เพื่อนำมาสรุปผลร่วมกันภายในระยะที่ 2 คือ เดือนกรกฎาคม 2554 และให้ตกลงทำสัญญาทางการค้าร่วมกันภายในระยะที่ 3 คือ ธันวาคมปีนี้ ซึ่งจากการหารือแต่ละประเทศสมาชิกมีความเห็นพ้องกันว่า อยากให้การเจรจาดังกล่าวแล้วเสร็จภายในปีนี้ เนื่องจากแนวทางการผลักดันเรื่องดังกล่าวใช้ระยะเวลานานกว่า 9 ปีแล้ว
“การประชุมครั้งนี้ส่วนใหญ่มีความคิดเห็นไปในแนวท่างเดียวกันว่าอยากให้การเจรจาแล้วเสร็จภายในปีนี้ จึงทำให้ท่าทีที่เคยแข็งกร้าวอย่างจีน และอินเดียเริ่มมีท่าทีที่อ่อนลง ขณะที่ท่าทีของอเมริกาได้ร้องขอให้กลุ่มประเทศเกิดใหม่อย่างประเทศบราซิล อินเดีย และจีน เปิดกรอบทางการค้าให้มากขึ้น หลังจากที่อเมริกาเองได้ทำมาเยอะแล้วก่อนหน้านี้” นางพรทิวา กล่าว
สำหรับ ประเทศไทย หากการเจรจาดังกล่าวประเทศสบความสำเร็จจะส่งผลให้กลุ่มสินค้าเกษตร อุตสาหกรรม และบริการ รวมไปถึงสินค้กลุ่มสินค้าอิเลคทรอนิคส์บางรายการได้ประโยชน์จากการค้าในครั้งนี้ เนื่องจากราคาสินค้าดังกล่าวจะมีราคาที่สูงขึ้น เพราะประเทศพัฒนาแล้วจะต้องลดภาษีสินค้า NAMA ลงเหลืออัตราสูงสุดไม่เกิน 8% จากเดิม 25-35% ขณะเดียวกันยังเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับประเทศที่ได้รับสิทธิพิเศษทางภาษีจากประเทศที่พัฒนาแล้ว
ขณะเดียวกัน สมาชิกที่เข้าร่วมประชุมทุกประเทศกล่าวถึง ความจำเป็นในการสรุปผลการเจรจาให้ได้ภายในปีนี้ เพราะหากการเจรจายืดเยื้อต่อไปจนถึงปีหน้า ซึ่งเป็นปีที่มีการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา จะทำให้การเจรจาไม่สามารถมีความคืบหน้าได้ และอาจเป็นผลให้การเจรจารอบโดฮาประสบความล้มเหลวในที่สุด
ในส่วนของไทย พร้อมที่จะมีบทบาทในการสนับสนุนการเจรจาในรูปแบบต่างๆ เพื่อให้สมาชิกสามารถหาข้อยุติที่ประนีประนอมระหว่างกัน โดยเฉพาะในการเป็นคนกลางในการประสานท่าทีระหว่างประเทศพัฒนาแล้ว เช่น สหรัฐฯ และประเทศกำลังพัฒนา เช่น จีน และยังเสนอให้ให้สมาชิกเร่งรัดให้การเจรจาดำเนินไปโดยเร็ว ซึ่งหมายความว่า สมาชิกควรจะต้องยุติการกล่าวถ้อยแถลงที่ยังคงยึดติดกับท่าทีเดิม และควรหันมาเจรจาอย่างเต็มรูปแบบ และตนยังได้เรียกร้องให้สมาชิกเร่งยื่นข้อเสนอในการเปิดตลาดของตนโดยเร็ว และเปิดโอกาสให้มีการเจรจาแลกเปลี่ยนการเปิดตลาดระหว่างกัน หรือที่เรียกว่า Request-Offer ได้โดยเร็วด้วย
นอกจากนี้ ในระหว่างการประชุมดังกล่าว นางพรทิวา ยังได้มีโอกาสหารือกับรัฐมนตรีการค้าประเทศสมาชิก WTO หลายประเทศ เพื่อกระชับความสัมพันธ์ทางการค้าและแก้ไขปัญหาทางการค้าของสองฝ่าย โดยนางพรทิวาได้หารือกับรัฐมนตรีการค้าอินโดนีเซียเพื่อผลักดันการขายข้าวล๊อตใหม่ หลังจากที่ประสบความสำเร็จในการขายข้าวให้กับอินโดนีเซียจำนวน 5 หมื่นตันในช่วงที่อินโดนีเซียประสบภัยน้ำท่วม และแผ่นดินไหว
ทั้งนี้ ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา อินโดนีเซียเป็นตลาดข้าวสำคัญหนึ่งของไทยที่มีปริมาณการนำเข้าอยู่ระหว่าง 1.1 แสนตัน - 4.4 แสนตัน ในส่วนของการหารือกับรัฐมนตรีการค้าเกาหลีใต้ นั้นได้ผลักดันให้เกาหลีใต้ยกเลิกมาตรการห้ามนำเข้าไก่ดิบแช่แข็ง เนื่องจากไทยไม่มีการระบาดของไข้หวัดนกที่เป็นสาเหตุให้เกาหลีใต้ห้ามนำเข้าไก่ดิบแช่แข็งของไทย มากว่าสองปีแล้ว นอกจากนี้ ยังได้มีโอกาสหารือกับรัฐมนตรีการค้าอินเดีย นายอานันด์ ชาร์มา ด้วย
นางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงผลการประชุมรัฐมนตรีสมาชิก WTO อย่างไม่เป็นทางการ ณ เมืองดาวอส ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ เมื่อวันที่ 29 ม.ค.ที่ผ่านมาว่า จากการเจรจารอบโดฮากับมาสมาชิก WTO จำนวน 25 ประเทศจาก 153 ประเทศสมาชิก เกี่ยวกับการเปิดเขตเสรีการค้าเกษตร อุตสาหกรรม และบริการ สมาชิกส่วนใหญ่มีท่าทีอ่อนลงพร้อมกับรับฟังข้อเสนอของประเทศคู่ค้ามากขึ้นโดยเฉพาะประเทศจีน บราซิล และอินเดีย ที่ต้องการจะให้การเจรจาการค้าดังกล่าวได้ข้อสรุปโดยเร็ว
โดยที่ประชุมได้กำหนดข้อตกลงร่วมกันไว้จำนวน 3 ระยะ คือ ระยะที่ 1 ให้แต่ละประเทศกลับไปกำหนดกรอบรายยละเอียดทางการค้าให้แล้วเสร็จภายในปลายเดือนมี.ค.นี้ เพื่อนำมาสรุปผลร่วมกันภายในระยะที่ 2 คือ เดือนกรกฎาคม 2554 และให้ตกลงทำสัญญาทางการค้าร่วมกันภายในระยะที่ 3 คือ ธันวาคมปีนี้ ซึ่งจากการหารือแต่ละประเทศสมาชิกมีความเห็นพ้องกันว่า อยากให้การเจรจาดังกล่าวแล้วเสร็จภายในปีนี้ เนื่องจากแนวทางการผลักดันเรื่องดังกล่าวใช้ระยะเวลานานกว่า 9 ปีแล้ว
“การประชุมครั้งนี้ส่วนใหญ่มีความคิดเห็นไปในแนวท่างเดียวกันว่าอยากให้การเจรจาแล้วเสร็จภายในปีนี้ จึงทำให้ท่าทีที่เคยแข็งกร้าวอย่างจีน และอินเดียเริ่มมีท่าทีที่อ่อนลง ขณะที่ท่าทีของอเมริกาได้ร้องขอให้กลุ่มประเทศเกิดใหม่อย่างประเทศบราซิล อินเดีย และจีน เปิดกรอบทางการค้าให้มากขึ้น หลังจากที่อเมริกาเองได้ทำมาเยอะแล้วก่อนหน้านี้” นางพรทิวา กล่าว
สำหรับ ประเทศไทย หากการเจรจาดังกล่าวประเทศสบความสำเร็จจะส่งผลให้กลุ่มสินค้าเกษตร อุตสาหกรรม และบริการ รวมไปถึงสินค้กลุ่มสินค้าอิเลคทรอนิคส์บางรายการได้ประโยชน์จากการค้าในครั้งนี้ เนื่องจากราคาสินค้าดังกล่าวจะมีราคาที่สูงขึ้น เพราะประเทศพัฒนาแล้วจะต้องลดภาษีสินค้า NAMA ลงเหลืออัตราสูงสุดไม่เกิน 8% จากเดิม 25-35% ขณะเดียวกันยังเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับประเทศที่ได้รับสิทธิพิเศษทางภาษีจากประเทศที่พัฒนาแล้ว
ขณะเดียวกัน สมาชิกที่เข้าร่วมประชุมทุกประเทศกล่าวถึง ความจำเป็นในการสรุปผลการเจรจาให้ได้ภายในปีนี้ เพราะหากการเจรจายืดเยื้อต่อไปจนถึงปีหน้า ซึ่งเป็นปีที่มีการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา จะทำให้การเจรจาไม่สามารถมีความคืบหน้าได้ และอาจเป็นผลให้การเจรจารอบโดฮาประสบความล้มเหลวในที่สุด
ในส่วนของไทย พร้อมที่จะมีบทบาทในการสนับสนุนการเจรจาในรูปแบบต่างๆ เพื่อให้สมาชิกสามารถหาข้อยุติที่ประนีประนอมระหว่างกัน โดยเฉพาะในการเป็นคนกลางในการประสานท่าทีระหว่างประเทศพัฒนาแล้ว เช่น สหรัฐฯ และประเทศกำลังพัฒนา เช่น จีน และยังเสนอให้ให้สมาชิกเร่งรัดให้การเจรจาดำเนินไปโดยเร็ว ซึ่งหมายความว่า สมาชิกควรจะต้องยุติการกล่าวถ้อยแถลงที่ยังคงยึดติดกับท่าทีเดิม และควรหันมาเจรจาอย่างเต็มรูปแบบ และตนยังได้เรียกร้องให้สมาชิกเร่งยื่นข้อเสนอในการเปิดตลาดของตนโดยเร็ว และเปิดโอกาสให้มีการเจรจาแลกเปลี่ยนการเปิดตลาดระหว่างกัน หรือที่เรียกว่า Request-Offer ได้โดยเร็วด้วย
นอกจากนี้ ในระหว่างการประชุมดังกล่าว นางพรทิวา ยังได้มีโอกาสหารือกับรัฐมนตรีการค้าประเทศสมาชิก WTO หลายประเทศ เพื่อกระชับความสัมพันธ์ทางการค้าและแก้ไขปัญหาทางการค้าของสองฝ่าย โดยนางพรทิวาได้หารือกับรัฐมนตรีการค้าอินโดนีเซียเพื่อผลักดันการขายข้าวล๊อตใหม่ หลังจากที่ประสบความสำเร็จในการขายข้าวให้กับอินโดนีเซียจำนวน 5 หมื่นตันในช่วงที่อินโดนีเซียประสบภัยน้ำท่วม และแผ่นดินไหว
ทั้งนี้ ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา อินโดนีเซียเป็นตลาดข้าวสำคัญหนึ่งของไทยที่มีปริมาณการนำเข้าอยู่ระหว่าง 1.1 แสนตัน - 4.4 แสนตัน ในส่วนของการหารือกับรัฐมนตรีการค้าเกาหลีใต้ นั้นได้ผลักดันให้เกาหลีใต้ยกเลิกมาตรการห้ามนำเข้าไก่ดิบแช่แข็ง เนื่องจากไทยไม่มีการระบาดของไข้หวัดนกที่เป็นสาเหตุให้เกาหลีใต้ห้ามนำเข้าไก่ดิบแช่แข็งของไทย มากว่าสองปีแล้ว นอกจากนี้ ยังได้มีโอกาสหารือกับรัฐมนตรีการค้าอินเดีย นายอานันด์ ชาร์มา ด้วย