ปัญหาราคาสินค้าพุ่งต่อเนื่อง หวั่นกระทบกำลังซื้อ เซเว่นฯเดินหน้าเจรจาซัปพลายเออร์ ขอขึ้นราคาเป็นรายสุดท้าย เดินลุยตามแผน ทุ่ม 3,600 ล้าน เปิดเพิ่ม 500 สาขา หวังปี56 แตะ 7,000 สาขาตามเป้า
นายปิยะวัฒน์ ฐิตะสัทธาวรกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารร้านอิ่มสะดวก “เซเว่นอีเลฟเว่น” เปิดเผยว่า ในขณะนี้พบว่า สถานการณ์ปัญหาต้นทุนสินค้ากำลังขยับตัวสูงขึ้นหลายกลุ่ม เช่น นม หรือ น้ำมันพืช ส่งผลให้มีแนวโน้มที่จะขยับราคาจำหน่ายเพิ่มสูงขึ้น มองว่า เป็นปัจจัยลบระยะสั้นที่จะส่งผลต่อธุรกิจค้าปลีก แต่เมื่องมองในภาพกว้างแล้ว ถือเป็นผลดีแก่เกษตรกรที่จะทำให้มีรายได้ที่สูงขึ้น คาดว่า จะส่งผลดีต่อภาพรวมธุรกิจค้าปลีกในระยะยาว ที่จะมีเม็ดเงินหมุนเวียนเข้ามา เชื่อเป็นการขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่ดี
อย่างไรก็ตาม เซเว่นฯได้เริ่มมีการเจรจาไปกับทางซัปพลายเออร์แล้วหลายราย ในเรื่องของการปรับราคาสินค้านั้น เบื้องต้นยึดเอาแนวทางปกิบัติตามมาตรการของกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ซึ่งหามีการปรับราคากลุ่มใด ก็จะเป็นไปตามนั้น แต่ขอให้ทางเซเว่นฯเป็นรายสุดท้ายที่จะปรับราคาขึ้น
นายปิยะวัฒน์ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ ทางบริษัทยังพร้อมเดินหน้าลงทุนต่อเนื่อง โดยในปี 2554 นี้ เตรียมงบลงทุนไว้กว่า 3,600 ล้านบาท ในการขยายสาขาใหม่เพิ่มอีก 500 แห่ง และการปรับปรุงสาขาเก่าที่มีอายุมากกว่า 5 ปี อีก 500 แห่ง รวมถึงในเรื่องของระบบบริหารจัดการ โดยจะมีการปรับปรุงระบบคอมพิวเตอร์ ไอที การขยายคลังสินค้า อีกส่วนหนึ่งด้วย
นอกจากนี้ บริษัทยังได้มีการเจรจากับพันธมิตรทางธุรกิจกลุ่มอาหารจากประเทศญี่ปุ่นในการตั้งโรงงานผลิตอาหาแช่เย็นในไทย เป็นการร่วมทุน 3 ฝ่าย ประกอบด้วย ซีพีออลล์ ซีพีเอฟ และพันธมิตจากประเทศญี่ปุ่นซึ่งมีโนว์ฮาวและความเชี่ยวชาญในการผลิตเบ็นโต๊ะป้อนเครือข่ายร้านเซเว่นอีเลฟเว่นในญี่ปุ่น คาดว่า จะสรุปแผนการลงทุนได้ในเร็วๆ นี้ ภายใต้งบลงทุนนับพันล้านบาท
อีกทั้งในปีนี้ เซเว่นฯ จะมุ่งพัฒาและขยายธุรกิจไปยังห้องที่ 3 มากขึ้น ทั้งร้าขายยา “เอ็กซ์ต้า” ร้านเบเกอรี่ กาแฟ ชา “ยูริ-คัดสรร” และบุ๊กสไมล์ ในรูปแบบการสมผสาสแต่ละทำเลมากยิ่งขึ้น มั่นใจว่าถึงสิ้นปีบรฺษัทจะมีรายได้เติบโตต่ำกว่า 10% เป็นการเติบโตจากการขยายสาขาใหม่ 8% ส่วนสาขาเก่ามียอดขายเติบโตไม่ต่ำกว่า 5% จากปัจจุบันเซเว่นฯ เปิดบริการ 5,790 สาขาทั่วประเทศ มั่นใจว่า ในปี 2556 จะมีสาขาครบ 7,000 แห่ง
นายปิยะวัฒน์ ฐิตะสัทธาวรกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารร้านอิ่มสะดวก “เซเว่นอีเลฟเว่น” เปิดเผยว่า ในขณะนี้พบว่า สถานการณ์ปัญหาต้นทุนสินค้ากำลังขยับตัวสูงขึ้นหลายกลุ่ม เช่น นม หรือ น้ำมันพืช ส่งผลให้มีแนวโน้มที่จะขยับราคาจำหน่ายเพิ่มสูงขึ้น มองว่า เป็นปัจจัยลบระยะสั้นที่จะส่งผลต่อธุรกิจค้าปลีก แต่เมื่องมองในภาพกว้างแล้ว ถือเป็นผลดีแก่เกษตรกรที่จะทำให้มีรายได้ที่สูงขึ้น คาดว่า จะส่งผลดีต่อภาพรวมธุรกิจค้าปลีกในระยะยาว ที่จะมีเม็ดเงินหมุนเวียนเข้ามา เชื่อเป็นการขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่ดี
อย่างไรก็ตาม เซเว่นฯได้เริ่มมีการเจรจาไปกับทางซัปพลายเออร์แล้วหลายราย ในเรื่องของการปรับราคาสินค้านั้น เบื้องต้นยึดเอาแนวทางปกิบัติตามมาตรการของกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ซึ่งหามีการปรับราคากลุ่มใด ก็จะเป็นไปตามนั้น แต่ขอให้ทางเซเว่นฯเป็นรายสุดท้ายที่จะปรับราคาขึ้น
นายปิยะวัฒน์ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ ทางบริษัทยังพร้อมเดินหน้าลงทุนต่อเนื่อง โดยในปี 2554 นี้ เตรียมงบลงทุนไว้กว่า 3,600 ล้านบาท ในการขยายสาขาใหม่เพิ่มอีก 500 แห่ง และการปรับปรุงสาขาเก่าที่มีอายุมากกว่า 5 ปี อีก 500 แห่ง รวมถึงในเรื่องของระบบบริหารจัดการ โดยจะมีการปรับปรุงระบบคอมพิวเตอร์ ไอที การขยายคลังสินค้า อีกส่วนหนึ่งด้วย
นอกจากนี้ บริษัทยังได้มีการเจรจากับพันธมิตรทางธุรกิจกลุ่มอาหารจากประเทศญี่ปุ่นในการตั้งโรงงานผลิตอาหาแช่เย็นในไทย เป็นการร่วมทุน 3 ฝ่าย ประกอบด้วย ซีพีออลล์ ซีพีเอฟ และพันธมิตจากประเทศญี่ปุ่นซึ่งมีโนว์ฮาวและความเชี่ยวชาญในการผลิตเบ็นโต๊ะป้อนเครือข่ายร้านเซเว่นอีเลฟเว่นในญี่ปุ่น คาดว่า จะสรุปแผนการลงทุนได้ในเร็วๆ นี้ ภายใต้งบลงทุนนับพันล้านบาท
อีกทั้งในปีนี้ เซเว่นฯ จะมุ่งพัฒาและขยายธุรกิจไปยังห้องที่ 3 มากขึ้น ทั้งร้าขายยา “เอ็กซ์ต้า” ร้านเบเกอรี่ กาแฟ ชา “ยูริ-คัดสรร” และบุ๊กสไมล์ ในรูปแบบการสมผสาสแต่ละทำเลมากยิ่งขึ้น มั่นใจว่าถึงสิ้นปีบรฺษัทจะมีรายได้เติบโตต่ำกว่า 10% เป็นการเติบโตจากการขยายสาขาใหม่ 8% ส่วนสาขาเก่ามียอดขายเติบโตไม่ต่ำกว่า 5% จากปัจจุบันเซเว่นฯ เปิดบริการ 5,790 สาขาทั่วประเทศ มั่นใจว่า ในปี 2556 จะมีสาขาครบ 7,000 แห่ง