ASTVผู้จัดการรายวัน - “พาณิชย์”ไฟเขียวขึ้นน้ำมันปาล์มบรรจุขวดรวดเดียว 9 บาท ส่งผลราคาขายปลีกขยับเป็นขวดลิตรละ 47 บาท แย้มมี.ค.หากผลผลิตปาล์มดิบออก ต้นทุนลด เตรียมบีบลดราคาทันที “วัชรี”ขู่จานด่วนอย่ามั่วนิ่มขึ้นราคา โฆษกพาณิชย์ย้ำหากตรวจเจอสต๊อกเก่าเก็บฟันกำไร คุกอย่างเดียว
นางวัชรี วิมุกตายน อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า คณะอนุกรรมการพิจารณาน้ำมันพืชบริโภคได้มีมติอนุมัติให้ผู้ประกอบการปรับขึ้นราคาขายปลีกน้ำมันปาล์มบรรจุขวด 9 บาทต่อขวดลิตร ส่งผลให้ราคาจำหน่ายขยับเพิ่มขึ้นจากปัจจุบันขวดละ 38 บาท เป็นขวดละ 47 บาท ซึ่งถือเป็นราคาเพดานสูงสุด จะจำหน่ายเกินไปกว่านี้ไม่ได้ โดยให้มีผลตั้งแต่วันนี้ (8 ม.ค.) เป็นต้นไป
ทั้งนี้ การปรับขึ้นราคาดังกล่าว เป็นปรับตามต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้น และถือเป็นราคาที่เป็นธรรมทั้งต่อผู้บริโภคและผู้ผลิต โดยได้คำนวณจากต้นทุนการนำเข้าน้ำมันปาล์มดิบจากมาเลเซียที่กิโลกรัมละ 36.50 บาท
อย่างไรก็ตาม เพื่อเป็นการช่วยเหลือผู้ผลิต กรมฯ จะเจรจาให้ห้างค้าปลีกรายใหญ่ (โมเดิร์นเทรด) ลดค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการในการจำหน่ายน้ำมันปาล์มให้ลดลง โดยผู้ประกอบการแจ้งว่าแม้จะได้ปรับขึ้นราคา แต่หากคิดรวมต้นทุนทั้งน้ำมันปาล์มดิบและค่าใช้จ่ายอื่นๆ ราคาจำหน่ายจริงจะสูงถึง 50-52 บาทต่อขวด
นอกจากนี้ กรมฯ จะจัดส่งเจ้าหน้าที่ออกสุ่มตรวจตามห้างร้านต่างๆ เพื่อติดตามไม่ให้มีการจำหน่ายเกินกว่าราคาที่กำหนด รวมถึงไม่ให้มีการกักตุนสินค้า
ขณะเดียวกัน คณะอนุกรรมการฯ ได้มีแนวคิดในการจัดตั้งกองทุนดูแลรักษาเสถียรภาพราคาน้ำมันเพื่อรักษาเสถียรภาพราคาอาหาร และค่าครองชีพของประชาชน เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาราคาน้ำมันปาล์มในระยะยาว ซึ่งจะมีการศึกษารูปแบบกองทุน และหน้าที่ในการดำเนินการ ก่อนเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาต่อไป
นางวัชรีกล่าวว่า ราคาที่ให้ปรับขึ้นดังกล่าว ไม่ใช่ว่าจะขึ้นแล้วขึ้นเลย หากราคาวัตถุดิบลดลง ราคาน้ำมันปาล์มบรรจุขวดก็ต้องลดลงด้วย โดยในเดือนมี.ค.นี้ หลังผลผลิตปาล์มดิบทยอยออกสู่ตลาด กรมฯ จะพิจารณาปรับราคาน้ำมันปาล์มบรรจุขวดอีกครั้งว่าจะมีการปรับลดราคาได้เท่าไร
ส่วนการปรับขึ้นราคาน้ำมันปาล์มในครั้งนี้ ยืนยันว่า จะไม่ส่งผลกระทบต่อการปรับขึ้นราคาอาหารสำเร็จรูป เพราะในปี 2551 ราคาน้ำมันปาล์มเคยขึ้นไปสูงสุด 47.50 บาท ทำให้ราคาอาหารได้ปรับขึ้นไปแล้ว พอน้ำมันปาล์มลง ก็ไม่มีการปรับราคาลดลง และการปรับขึ้นราคาในครั้งนี้ ก็ไม่ควรจะเอามาเป็นข้ออ้าง
นายฉัตรชัย ชูแก้ว ที่ปรึกษารมว.พาณิชย์ ในฐานะโฆษกกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า นางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ ได้แต่งตั้ง พล.ต.ต.พูลทรัพย์ ประเสริฐศักดิ์ ผู้บังคับการกองปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับคุ้มครองผู้บริโภค เป็นหัวหน้าคณะทำงานตรวจสอบปริมาณและสถานที่จัดเก็บน้ำมันปาล์ม โดยจะทำงานร่วมกับกรมการค้าภายใน ตรวจสอบโรงงานผลิต ร้านค้าปลีก สถานที่จัดเก็บ หากมีการตรวจสอบพบสต๊อกเก่าที่มีการผลิตก่อนเดือนพ.ย.2553 จะดำเนินคดีตามกฎหมาย จำคุก 7 ปี ปรับ 1.4 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
นายอนุกูล แต้มประเสริฐ ผู้อำนวยการคลังสินค้า (อคส.) กล่าวว่า ได้ประชุมร่วมกับผู้ประกอบการโรงกลั่น เพื่อรวบรวมข้อมูลว่าผู้ประกอบการมีความต้องการน้ำมันปาล์มปริมาณเท่าใด และเมื่อได้ข้อสรุปแล้วก็จะดำเนินการนำเข้าภายในเดือนม.ค.นี้ แต่จะอยู่ในโควตาที่อนุมัติให้นำเข้า 3 หมื่นตัน และเมื่อนำเข้าแล้ว ก็จะระบายให้กับผู้ประกอบการได้ภายใน 1 สัปดาห์ โดยแหล่งนำเข้ามาจาก 2 ประเทศ คือ มาเลเซียและอินโดนีเซีย
รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ แจ้งว่า นางพรทิวาได้มีนโยบายในการให้ปรับขึ้นราคาน้ำมันปาล์มบรรจุขวดแค่ 7 บาท แต่ในการประชุมคณะอนุกรรมการฯ นางวัชรีหาเหตุผลมาสู้กับภาคเอกชนไม่ได้ จนสุดท้ายต้องยอมให้มีการขึ้นราคารวดเดียวถึง 9 บาท อย่างไรก็ตาม ล่าสุดมีข่าวว่านางพรทิวากำลังจะหาทางเบรกไม่ให้มีการปรับขึ้นราคาในวันนี้ โดยจะขอให้มีการตรวจสอบสต๊อกให้เสร็จสิ้นก่อน เพราะสต๊อกเดิม ก็ควรจะขายราคาเดิม ส่วนสต๊อกใหม่ ถึงจะขายราคาใหม่ได้.
นางวัชรี วิมุกตายน อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า คณะอนุกรรมการพิจารณาน้ำมันพืชบริโภคได้มีมติอนุมัติให้ผู้ประกอบการปรับขึ้นราคาขายปลีกน้ำมันปาล์มบรรจุขวด 9 บาทต่อขวดลิตร ส่งผลให้ราคาจำหน่ายขยับเพิ่มขึ้นจากปัจจุบันขวดละ 38 บาท เป็นขวดละ 47 บาท ซึ่งถือเป็นราคาเพดานสูงสุด จะจำหน่ายเกินไปกว่านี้ไม่ได้ โดยให้มีผลตั้งแต่วันนี้ (8 ม.ค.) เป็นต้นไป
ทั้งนี้ การปรับขึ้นราคาดังกล่าว เป็นปรับตามต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้น และถือเป็นราคาที่เป็นธรรมทั้งต่อผู้บริโภคและผู้ผลิต โดยได้คำนวณจากต้นทุนการนำเข้าน้ำมันปาล์มดิบจากมาเลเซียที่กิโลกรัมละ 36.50 บาท
อย่างไรก็ตาม เพื่อเป็นการช่วยเหลือผู้ผลิต กรมฯ จะเจรจาให้ห้างค้าปลีกรายใหญ่ (โมเดิร์นเทรด) ลดค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการในการจำหน่ายน้ำมันปาล์มให้ลดลง โดยผู้ประกอบการแจ้งว่าแม้จะได้ปรับขึ้นราคา แต่หากคิดรวมต้นทุนทั้งน้ำมันปาล์มดิบและค่าใช้จ่ายอื่นๆ ราคาจำหน่ายจริงจะสูงถึง 50-52 บาทต่อขวด
นอกจากนี้ กรมฯ จะจัดส่งเจ้าหน้าที่ออกสุ่มตรวจตามห้างร้านต่างๆ เพื่อติดตามไม่ให้มีการจำหน่ายเกินกว่าราคาที่กำหนด รวมถึงไม่ให้มีการกักตุนสินค้า
ขณะเดียวกัน คณะอนุกรรมการฯ ได้มีแนวคิดในการจัดตั้งกองทุนดูแลรักษาเสถียรภาพราคาน้ำมันเพื่อรักษาเสถียรภาพราคาอาหาร และค่าครองชีพของประชาชน เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาราคาน้ำมันปาล์มในระยะยาว ซึ่งจะมีการศึกษารูปแบบกองทุน และหน้าที่ในการดำเนินการ ก่อนเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาต่อไป
นางวัชรีกล่าวว่า ราคาที่ให้ปรับขึ้นดังกล่าว ไม่ใช่ว่าจะขึ้นแล้วขึ้นเลย หากราคาวัตถุดิบลดลง ราคาน้ำมันปาล์มบรรจุขวดก็ต้องลดลงด้วย โดยในเดือนมี.ค.นี้ หลังผลผลิตปาล์มดิบทยอยออกสู่ตลาด กรมฯ จะพิจารณาปรับราคาน้ำมันปาล์มบรรจุขวดอีกครั้งว่าจะมีการปรับลดราคาได้เท่าไร
ส่วนการปรับขึ้นราคาน้ำมันปาล์มในครั้งนี้ ยืนยันว่า จะไม่ส่งผลกระทบต่อการปรับขึ้นราคาอาหารสำเร็จรูป เพราะในปี 2551 ราคาน้ำมันปาล์มเคยขึ้นไปสูงสุด 47.50 บาท ทำให้ราคาอาหารได้ปรับขึ้นไปแล้ว พอน้ำมันปาล์มลง ก็ไม่มีการปรับราคาลดลง และการปรับขึ้นราคาในครั้งนี้ ก็ไม่ควรจะเอามาเป็นข้ออ้าง
นายฉัตรชัย ชูแก้ว ที่ปรึกษารมว.พาณิชย์ ในฐานะโฆษกกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า นางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ ได้แต่งตั้ง พล.ต.ต.พูลทรัพย์ ประเสริฐศักดิ์ ผู้บังคับการกองปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับคุ้มครองผู้บริโภค เป็นหัวหน้าคณะทำงานตรวจสอบปริมาณและสถานที่จัดเก็บน้ำมันปาล์ม โดยจะทำงานร่วมกับกรมการค้าภายใน ตรวจสอบโรงงานผลิต ร้านค้าปลีก สถานที่จัดเก็บ หากมีการตรวจสอบพบสต๊อกเก่าที่มีการผลิตก่อนเดือนพ.ย.2553 จะดำเนินคดีตามกฎหมาย จำคุก 7 ปี ปรับ 1.4 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
นายอนุกูล แต้มประเสริฐ ผู้อำนวยการคลังสินค้า (อคส.) กล่าวว่า ได้ประชุมร่วมกับผู้ประกอบการโรงกลั่น เพื่อรวบรวมข้อมูลว่าผู้ประกอบการมีความต้องการน้ำมันปาล์มปริมาณเท่าใด และเมื่อได้ข้อสรุปแล้วก็จะดำเนินการนำเข้าภายในเดือนม.ค.นี้ แต่จะอยู่ในโควตาที่อนุมัติให้นำเข้า 3 หมื่นตัน และเมื่อนำเข้าแล้ว ก็จะระบายให้กับผู้ประกอบการได้ภายใน 1 สัปดาห์ โดยแหล่งนำเข้ามาจาก 2 ประเทศ คือ มาเลเซียและอินโดนีเซีย
รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ แจ้งว่า นางพรทิวาได้มีนโยบายในการให้ปรับขึ้นราคาน้ำมันปาล์มบรรจุขวดแค่ 7 บาท แต่ในการประชุมคณะอนุกรรมการฯ นางวัชรีหาเหตุผลมาสู้กับภาคเอกชนไม่ได้ จนสุดท้ายต้องยอมให้มีการขึ้นราคารวดเดียวถึง 9 บาท อย่างไรก็ตาม ล่าสุดมีข่าวว่านางพรทิวากำลังจะหาทางเบรกไม่ให้มีการปรับขึ้นราคาในวันนี้ โดยจะขอให้มีการตรวจสอบสต๊อกให้เสร็จสิ้นก่อน เพราะสต๊อกเดิม ก็ควรจะขายราคาเดิม ส่วนสต๊อกใหม่ ถึงจะขายราคาใหม่ได้.