xs
xsm
sm
md
lg

เอไอเอสยันฐานะแกร่งมีเงินจ่ายปันผล คาดรัฐไม่กล้ายึดสัมปทาน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ผู้บริหาร “เอไอเอส” พล่านหุ้น ADVANC ดิ่งลงหนัก ออกโรงโต้ข่าว สถานะการเงินย่ำแย่ งดจ่ายปันผลเพื่อประคองธุรกิจ ยันชัดไม่เกี่ยวคดียึดทรัพย์ “นช.แม้ว” ลั่นพร้อมสู้คดียืดเยื้อ หากมีการรื้อสัมปทาน มั่นใจ “ไอซีที” ไม่กล้ายึดคืน เพราะต่างจากกรณี “ไอทีวี” โดยมีการหารือกับกลุ่มชินคอร์ปใกล้ชิด

นายวิเชียร เมฆตระการ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่เอไอเอส กล่าวถึงกระแสข่าวลือว่า เอไอเอสได้ระงับการจ่ายปันผล เพราะสถานะทางการเงินเริ่มตกต่ำ และมีความเสี่ยงหลังคดียึดทรัพย์ ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่จะถูกรื้อสัญญาสัมปทาน ส่งผลให้มีการเทขายหุ้น ADVANC อย่างหนักในสัปดาห์ที่แล้วนั้น ตนเองยังไม่เคยได้ยินข่าวนี้ และคิดว่าไม่น่าจะเป็นความจริง

ทั้งนี้ หากเกิดเรื่องดังกล่าวขึ้น บริษัทจะดำเนินการทุกอย่างเพื่อปกป้องสิทธิในทางกฎหมาย ซึ่งก่อนหน้านี้ ได้แจ้งไปยังตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) แล้ว ว่า บริษัทไม่ได้เป็นผู้ถูกกล่าวหาในคดียึดทรัพย์ จึงไม่ได้มีผลกระทบต่อบริษัท

“ผมยืนยันว่า ไม่จริง ยังไม่ได้ยินเรื่องดังกล่าว ยังไม่ทราบเลย และหากมีเรื่องดังกล่าวเกิดขึ้น ก็จะเทกแอกชันเพื่อปกป้องสิทธิ หรือส่งคำร้องเรียนในทางกฎหมายเข้าช่วย ก่อนหน้านี้ ผมได้เปิดให้ข้อมูลกับกองทุนและนักลงทุนสถาบันสอบถามแล้ว กรณีผลกระทบในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ ซึ่งนักลงทุนได้ถามมาเรา ผมก็ได้พยายามตอบอธิบายไปแล้ว”

กรรมการผู้อำนวยการ เอไอเอส กล่าวย้ำว่า บริษัทไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดียึดทรัพย์ เพราะเป็นเรื่องของตัวบุคคล พร้อมยืนยันว่า เอไอเอสได้ปฏิบัติตามสัญญาสัมปทานทุกอย่าง และไม่เชื่อว่าการดำเนินการของภาครัฐที่สืบเนื่องจากคำพิพากษาจะไปถึงขั้นการยึดสัมปทาน โดยสามารถทำได้เพียงชี้แจงข้อเท็จจริง และให้ฝ่ายกฎหมายเตรียมแผนรองรับสถานการณ์เพื่อต่อสู้ทางกฎหมายให้ถึงที่สุด ซึ่งหากมีการเข้าสู่กระบวนการทางศาลจริงก็คงต้องใช้เวลาอย่างน้อย 8 ปี

“ขณะนี้ หน้าที่ของผู้บริหารที่สามารถทำได้ คือ การพูดความจริง การให้ความรู้ ความเชื่อมั่น และความเข้าใจ โดยเฉพาะประเด็นสถานะทางการเงิน รวมถึงข้อกฎหมาย ดังนั้น คำพิพากษาของใคร ทำอย่างไร บริษัทไม่เกี่ยวข้อง และไม่ได้ทำผิดกฎหมาย”

ส่วนกรณีที่ศาลได้มีคำวินิจฉัย ว่า การการแก้ไขสัญญาสัมปทานไม่ได้ผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) นั้น นายวิเชียร กล่าวว่า ไม่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการของบริษัท เพราะเป็นเรื่องของภาครัฐ ซึ่งขณะนี้ทางกระทรวงการคลังหรือกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) กระทรวงก็ยังไม่ได้เรียกผู้บริหารเข้าพบเพื่อชี้แจง และโดยส่วนตัวมองว่า ควรเรียกรัฐวิสาหกิจมาชี้แจงมากกว่า เพราะบริษัทไม่ใช่หน่วยงานภายใต้การกำกับดูแล

อย่างไรก็ตาม เชื่อว่า การดำเนินการต่างๆ ของภาครัฐ คงไม่สามารถสรุปได้ในเวลาอันรวดเร็ว ยังต้องใช้เวลาค่อนข้างมาก ดังนั้น จึงไม่ต้องการให้นักลงทุนตื่นตระหนกมากเกินไป และหากมีการดำเนินขั้นตอนทางกฎหมายจริงก็ต้องใช้เวลาอย่างน้อย 8 ปี เพราะกว่าจะผ่านกระบวนการวินิจฉัยของอนุญาโตตุลาการตามที่สัญญาสัมปทานกำหนดก็ต้องใช้เวลา 2 ปี จึงจะเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของศาลแพ่งหรือศาลปกครอง อีกทั้งหากพิจารณาทั้ง 3 ศาลต้องใช้เวลาถึงราว 6 ปี ดังนั้น ไม่ควรด่วนสรุปหรือใช้ความรู้สึกในการตัดสินใจ

“เราเชื่อว่า กรณีการแก้ไขสัญญาไม่เหมือนกับกรณีของ ไอทีวี เนื่องจากเราไม่ได้มีการทำผิดสัญญาสัมปทาน และไม่เชื่อว่าจะมีการเข้ายึดสัมปทานคืน”

ทั้งนี้ เอไอเอสมีความกังวลต่อการดำเนินการของภาครัฐ และได้มีการพูดคุยกันระหว่างผู้บริหารในกลุ่มชินคอร์ป ถึงเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น เพื่อเตรียมแผนรองรับ ซึ่งฝ่ายกฎหมายกำลังพิจารณาอยู่ และหากมีการฟ้องร้องทางกฎหมายในอนาคต ก็อาจจำเป็นต้องมีการตั้งสำรองเอาไว้ แต่ต้องขึ้นอยู่กับดุลพินิจของฝ่ายบริหารด้วย
กำลังโหลดความคิดเห็น