“พาณิชย์”เปิดระบายข้าว 5 แสนตันสัปดาห์หน้า 2 สัปดาห์ถัดไปอีก 5 แสนตัน แบ่งเข้าเอเฟต 5 แสนตัน หวังทำยอดรวมให้ได้ 2 ล้านตันก่อนผลผลิตใหม่ออก จับตารัฐได้ราคาต่ำติดดิน หลังไฟเขียวให้หักค่าเสื่อมสภาพได้สูงลิ้ว หวังกันเข้ากระเป๋านักการเมือง เตรียมจัดทำข้าวถุงธงฟ้า 6 ล้านถุง ขายราคาถูกช่วยลดค่าครองชีพให้คนไทยตามมติ กขช.
รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ แจ้งว่า วันนี้ (18 ก.พ.) กรมการค้าต่างประเทศจะออกประกาศเชิญชวนให้ผู้ส่งออกเข้ามาประมูลข้าวสารในสต๊อกรัฐบาล ล๊อตแรกจำนวน 5 แสนตัน แยกเป็นข้าวขาว 3.5 แสนตัน และข้าวหอมปทุมธานี 1.5 แสนตัน โดยจะเปิดโอกาสให้ผู้ส่งออกที่สนใจมีระยะเวลาในการตรวจสอบคุณภาพข้าวในสต๊อก 3-4 วัน และจากนั้นให้ยื่นซองเสนอราคาวันที่ 23 ก.พ. และเปิดซองราคาในวันที่ 24 ก.พ.
ทั้งนี้ หลังจากเปิดประมูลข้าวล๊อตแรกไปแล้ว จะทยอยเปิดประมูลอีก 5 แสนตันภายใน 2 สัปดาห์ และจะเปิดระบายในตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้า (เอเฟต) อีก 3 แสนตัน และ 2 แสนตันตามลำดับ จากนั้นจะเปิดประมูลอีก 5 แสนตัน เพื่อให้จำนวนที่เปิดประมูลรวมครบ 2 ล้านตัน ซึ่งจะดำเนินการให้เสร็จสิ้นก่อนที่ผลผลิตข้าวฤดูกาลใหม่จะออกมา เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อราคาข้าวในประเทศ
รายงานข่าวแจ้งว่า การประมูลข้าวล๊อตแรก 5 แสนตันนี้ ต้องจับตาว่าจะได้ราคาดีเหมือนการประมูลครั้งแรกหรือไม่ เพราะหลังจากที่คณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) ได้เห็นชอบกับหลักเกณฑ์การหักค่าเสื่อมสภาพข้าวใหม่เป็นเปอร์เซ็นต์ตามสภาพข้าวรายปี จากเดิมที่ให้หักค่าเสื่อมสภาพข้าวได้ปีละ 10 เหรียญสหรัฐต่อตัน
โดยอัตราใหม่กำหนดให้หักค่าเสื่อมได้ คือ ข้าวที่เก็บระยะเวลา 1 ปี หักค่าเสื่อม 5% หรือ 25.96 เหรียญสหรัฐต่อตัน ข้าวที่เก็บ 2 ปี หักค่าเสื่อม 15% หรือ 77.88 เหรียญสหรัฐต่อตัน ข้าวที่เก็บ 3 ปี หักค่าเสื่อม 30% หรือ 155.76 เหรียญสหรัฐต่อตัน ข้าวที่เก็บ 4 ปี หักค่าเสื่อม 50% หรือ 259.59 เหรียญสหรัฐต่อตัน และข้าวที่เก็บนาน 5 ปี ให้เปิดระบายเพื่อใช้ในโรงงานอาหารสัตว์แทน เพราะจะถูกหักราคามากกว่า 50%
สำหรับข้าวที่จะเปิดระบายครั้งแรกนี้ ส่วนใหญ่เป็นข้าวที่เก็บมาแล้วประมาณ 2 ปี ทำให้หักค่าเสื่อมได้สูงถึง 77.88 เหรียญสหรัฐ หรือเฉลี่ยตันละ 2,570 บาท (อัตราแลกเปลี่ยน 33 บาทต่อเหรียญสหรัฐ) โดยในการเปิดประมูลข้าวจะคิดราคาเฉลี่ยย้อนหลัง 30 วันเป็นเกณฑ์ ทำให้ราคาข้าวขาวที่หักค่าเสื่อมสภาพออกไปแล้วจะอยู่ที่ราคาเฉลี่ยตันละ 13,500 บาท ข้าวหอมปทุมธานีเฉลี่ยตันละ 22,500
บาท ขณะที่ราคาตลาดปัจจุบันข้าวขาวตันละ 16,000 บาท ข้าวหอมปทุมธานีตันละ 25,000 บาท
ผลจากการที่ต้นทุนข้าวถูกลง ไม่ได้หมายความว่าผู้ส่งออกจะมีต้นทุนถูกลงจริง เพราะค่าเสื่อมสภาพที่ผู้ส่งออกได้ ได้มีการตกลงกันไว้ก่อนหน้านี้แล้วว่าจะต้องจัดสรรให้กับนักการเมืองที่มีอำนาจในการอนุมัติขายข้าวในครั้งนี้ด้วย ซึ่งตามระบบปัจจุบัน จะต้องผ่านการอนุมัติของรมว.พาณิชย์ และกขช. รวมไปถึงการเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณา
รายงานข่าวแจ้งอีกว่า กระทรวงพาณิชย์อยู่ระหว่างดำเนินการจัดทำข้าวสารบรรจุถุงตามมติกขช. ที่อนุมัติให้นำข้าวสารจำนวน 3 หมื่นตันมาบรรจุถุง ทำข้าวถุงธงฟ้าจำหน่ายให้กับประชาชนในราคาถูก ซึ่งหากนำมาบรรจุถุง 5 กิโลกรัม จะทำข้าวถุงได้ประมาณ 6 ล้านถุง โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการให้อคส.ดำเนินการจัดทำ คาดว่าจะเริ่มระบายให้ประชาชนได้ในเร็วๆ นี้
รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ แจ้งว่า วันนี้ (18 ก.พ.) กรมการค้าต่างประเทศจะออกประกาศเชิญชวนให้ผู้ส่งออกเข้ามาประมูลข้าวสารในสต๊อกรัฐบาล ล๊อตแรกจำนวน 5 แสนตัน แยกเป็นข้าวขาว 3.5 แสนตัน และข้าวหอมปทุมธานี 1.5 แสนตัน โดยจะเปิดโอกาสให้ผู้ส่งออกที่สนใจมีระยะเวลาในการตรวจสอบคุณภาพข้าวในสต๊อก 3-4 วัน และจากนั้นให้ยื่นซองเสนอราคาวันที่ 23 ก.พ. และเปิดซองราคาในวันที่ 24 ก.พ.
ทั้งนี้ หลังจากเปิดประมูลข้าวล๊อตแรกไปแล้ว จะทยอยเปิดประมูลอีก 5 แสนตันภายใน 2 สัปดาห์ และจะเปิดระบายในตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้า (เอเฟต) อีก 3 แสนตัน และ 2 แสนตันตามลำดับ จากนั้นจะเปิดประมูลอีก 5 แสนตัน เพื่อให้จำนวนที่เปิดประมูลรวมครบ 2 ล้านตัน ซึ่งจะดำเนินการให้เสร็จสิ้นก่อนที่ผลผลิตข้าวฤดูกาลใหม่จะออกมา เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อราคาข้าวในประเทศ
รายงานข่าวแจ้งว่า การประมูลข้าวล๊อตแรก 5 แสนตันนี้ ต้องจับตาว่าจะได้ราคาดีเหมือนการประมูลครั้งแรกหรือไม่ เพราะหลังจากที่คณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) ได้เห็นชอบกับหลักเกณฑ์การหักค่าเสื่อมสภาพข้าวใหม่เป็นเปอร์เซ็นต์ตามสภาพข้าวรายปี จากเดิมที่ให้หักค่าเสื่อมสภาพข้าวได้ปีละ 10 เหรียญสหรัฐต่อตัน
โดยอัตราใหม่กำหนดให้หักค่าเสื่อมได้ คือ ข้าวที่เก็บระยะเวลา 1 ปี หักค่าเสื่อม 5% หรือ 25.96 เหรียญสหรัฐต่อตัน ข้าวที่เก็บ 2 ปี หักค่าเสื่อม 15% หรือ 77.88 เหรียญสหรัฐต่อตัน ข้าวที่เก็บ 3 ปี หักค่าเสื่อม 30% หรือ 155.76 เหรียญสหรัฐต่อตัน ข้าวที่เก็บ 4 ปี หักค่าเสื่อม 50% หรือ 259.59 เหรียญสหรัฐต่อตัน และข้าวที่เก็บนาน 5 ปี ให้เปิดระบายเพื่อใช้ในโรงงานอาหารสัตว์แทน เพราะจะถูกหักราคามากกว่า 50%
สำหรับข้าวที่จะเปิดระบายครั้งแรกนี้ ส่วนใหญ่เป็นข้าวที่เก็บมาแล้วประมาณ 2 ปี ทำให้หักค่าเสื่อมได้สูงถึง 77.88 เหรียญสหรัฐ หรือเฉลี่ยตันละ 2,570 บาท (อัตราแลกเปลี่ยน 33 บาทต่อเหรียญสหรัฐ) โดยในการเปิดประมูลข้าวจะคิดราคาเฉลี่ยย้อนหลัง 30 วันเป็นเกณฑ์ ทำให้ราคาข้าวขาวที่หักค่าเสื่อมสภาพออกไปแล้วจะอยู่ที่ราคาเฉลี่ยตันละ 13,500 บาท ข้าวหอมปทุมธานีเฉลี่ยตันละ 22,500
บาท ขณะที่ราคาตลาดปัจจุบันข้าวขาวตันละ 16,000 บาท ข้าวหอมปทุมธานีตันละ 25,000 บาท
ผลจากการที่ต้นทุนข้าวถูกลง ไม่ได้หมายความว่าผู้ส่งออกจะมีต้นทุนถูกลงจริง เพราะค่าเสื่อมสภาพที่ผู้ส่งออกได้ ได้มีการตกลงกันไว้ก่อนหน้านี้แล้วว่าจะต้องจัดสรรให้กับนักการเมืองที่มีอำนาจในการอนุมัติขายข้าวในครั้งนี้ด้วย ซึ่งตามระบบปัจจุบัน จะต้องผ่านการอนุมัติของรมว.พาณิชย์ และกขช. รวมไปถึงการเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณา
รายงานข่าวแจ้งอีกว่า กระทรวงพาณิชย์อยู่ระหว่างดำเนินการจัดทำข้าวสารบรรจุถุงตามมติกขช. ที่อนุมัติให้นำข้าวสารจำนวน 3 หมื่นตันมาบรรจุถุง ทำข้าวถุงธงฟ้าจำหน่ายให้กับประชาชนในราคาถูก ซึ่งหากนำมาบรรจุถุง 5 กิโลกรัม จะทำข้าวถุงได้ประมาณ 6 ล้านถุง โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการให้อคส.ดำเนินการจัดทำ คาดว่าจะเริ่มระบายให้ประชาชนได้ในเร็วๆ นี้
