xs
xsm
sm
md
lg

เอกชนเตรียมยื่นค้านนิคมฯ เป็นกิจการรุนแรง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เอกชนเตรียมตัวเข้าร่วมประชาพิจารณ์ปรับปรุงบัญชีกิจการรุนแรงเวทีแรกที่เชียงใหม่ 19 ก.พ.นี้หนุนกำหนดประเภท และกติกาประกอบการวินิจฉัย ให้ชัดเจนเพื่อสร้างความเชื่อมั่นนักลงทุน เล็งค้านให้นิคมฯเป็นกิจการรุนแรงหวั่นหนุนปล่อยผีโรงงานนอกนิคมฯเกิด และปิโตรเคมีให้เน้นดูที่เทคโนโลยีแทนขนาดกำลังผลิต“4ฝ่าย”ชี้สผ.ไม่ร่วมเวทีต้องตอบคำถามสังคมเองว่าเพราะเหตุใดแน่

นายสันติ วิลาสศักดานนท์ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า การเปิดเวทีรับฟังความเห็นเพื่อปรับปรุงรายการโครงการหรือกิจการรุนแรงที่อาจจะก่อให้เกิดผลกระทบต่อชุมชนอย่างรุนแรงทั้งด้านสุขภาพและสิ่งแวดล้อมที่จะมีขึ้นครั้งแรกที่จังหวัดเชียงใหม่วันที่ 19 ก.พ.นี้ทางตัวแทน ส.อ.ท.จะเข้าร่วมแสดงความคิดเห็นโดยหลักการต้องการให้กำหนดบัญชีประเภทกิจการรุนแรงให้ชัดเจนเพื่อที่จะนำมาประกอบการวินิจฉัยในทุกภาคส่วนทั้งนักลงทุน หน่วยงานอนุมัติ อนุญาต ซึ่งจะมีผลต่อความเชื่อมั่นนักลงทุนมากกว่าการกำหนดเพียงคำจำกัดความของกิจการรุนแรงเท่านั้น

นายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล รองประธานส.อ.ท.และกรรมการในคณะกรรมการ 4 ฝ่ายแก้ไขปัญหามาบตาพุดกล่าวว่า การกำหนดประเภทกิจการรุนแรงนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศต้องการให้ยึดหลักสากลซึ่งการระบุให้ชัดเจนว่ากิจการใดเข้าข่ายรุนแรงจะทำให้ไม่คลุมเคลือและการวินิจฉัยเองก็จะต้องมีกฏเกณฑ์และกติกาที่ชัดเจนหากไม่เช่นนั้นจะเกิดการร้องเรียนกันในทุกเรื่องได้

นายทวิช เตชะนาวากุล เลขาธิการสมาคมนิคมอุตสาหกรรมไทย กล่าวว่า ตัวแทนเอกชนคงจะร่วมคัดค้านการให้นิคมอุตสาหกรรมหรือเขตประกอบการถูกจัดอยู่ในกิจการเข้าข่ายรุนแรงโดยเห็นว่าควรจะเน้นการกำหนดกิจการที่ภาคอุตสาหกรรมเป็นหลักและที่สำคัญนโยบายการส่งเสริมการลงทุนในนิคมฯที่ทำมาตลอดเกือบ 20 ปีจะมีค่าเท่ากับศูนย์เป็นการเอื้อให้โรงงานตั้งได้โดยอิสระ

“ นิคมฯอาหาร นิคมฯไฟฟ้าและยานยนต์เหล่านี้จะถูกตราหน้าว่ารุนแรงมันเหมือนกับว่าคนไทยคนหนึ่งทำผิดแล้วเหมารวมว่าที่เหลือผิดหมด เราไม่ปฏิเสธที่จะทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพแต่นี่ยังไม่ได้ทันทำเราถูกตราหน้าว่าผิดแล้วมันถูกหรือ และเราก็จะกลายเป็นดับเบิ้ลแสตนดาร์ดคือคนที่ลงทุนในนิคมฯจะถูกเข้มงวดมากขึ้นกว่าคนที่ลงทุนข้านอกจึงอยากจะฝากว่าการทำประชาพิจารณ์ขอให้รับฟังจริงอย่าบ้าจี้ตามกระแส”นายทวิชกล่าว

แหล่งข่าวจากกลุ่มปิโตรเคมีส.อ.ท.กล่าวว่า กิจการปิโตรเคมีขนาดกำลังการผลิตวันละ 100-500 ตันขึ้นไป ภาคเอกชนเห็นว่า ไม่ควรกำหนดขนาดดังกล่าว เพราะแต่ละโรงงานใช้เทคโนโลยีต่างกัน กำลังผลิตที่เท่ากันไม่ได้หมายความว่าจะปล่อยมลพิษได้เท่ากัน บางโรงงานที่มีเทคโนโลยีทันสมัย มีการจัดระบบที่ดี การปล่อยมลพิษก็จะน้อยกว่า เป็นต้น

**เมิน สผ.ไม่ร่วมชี้ต้องอธิบายสังคม

นายสุทธิ อัชฌาศัย กรรมการในคณะกรรมการ 4 ฝ่ายแก้ไขปัญหามาบตาพุด กล่าวว่า การเปิดเวทีรับฟังความเห็นเพื่อปรับปรุงรายการโครงการหรือกิจการรุนแรงที่จะมีขึ้นครั้งแรกที่จังหวัดเชียงใหม่วันที่ 19 ก.พ. คณะกรรมการ 4 ฝ่ายยังยืนยันที่จะยึดร่าง 19 กิจการ ที่เคยผ่านประชาพิจารณ์แล้วมาเป็นบรรทัดฐานในการทบทวนซึ่งหากตัวแทน

สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) ไม่เข้าร่วมก็จะต้องตอบคำถามกับสังคมเองว่ามีเหตุผลใด ที่ต้องการล้ม 19 กิจการหรือเพราะจะกระทบกับเมกะโปรเจกต์ที่กระทรวงฯกำลังจะดำเนินการอยู่”นายสุทธิกล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น