xs
xsm
sm
md
lg

รู้ทัน...ตลาดทุน:Strategy Update : Negative verdict for Maptaphut Case

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งยืนตามศาลปกครองกลางในการระงับการลงทุน (ชั่วคราว) ใน 65 โครงการ แต่อนุญาตให้ 11 โครงการซึ่งส่วนใหญ่เป็นโครงการควบคุมมลพิษสามารถดำเนินการต่อไปได้ จากการพิจารณาในรายละเอียดทั้ง 11 โครงการถือไม่ใช่โครงการหลักของบริษัทในกลุ่มที่ได้รับผลกระทบรวมถึงโครงการสำคัญอย่างโรงแยกก๊าซแห่งที่ 6 ของ PTT (มีบางส่วนที่ได้รับอนุมัติแต่เพียงส่วนประสิทธิภาพระบบปรับปรุงคุณภาพน้ำทิ้ง) และโรงปิโตรเคมีขั้นต้นของ SCC ทั้งนี้ SCRI ประเมินหากต้องมีการเลื่อนดำเนินการออกไปจากการต้องกลับมาดำเนินการตามขั้นตอนของรัฐธรรมนูญฯปี 2550 จะส่งผลกระทบค่อนข้างมากต่อภาพรวมของกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมีโดยเฉพาะโครงการในกลุ่มที่ได้รับผลกระทบอย่าง PTT, SCC, PTTCH , PTTAR และ GLOW  ในขณะที่กลุ่มธนาคารพาณิชย์คาดว่าจะได้รับผลกระทบทางอ้อมเพียงเล็กน้อยจากแนวโน้มของการขยายตัวของสินเชื่อในอนาคต

SCRI ประเมินบริษัทจดทะเบียนที่จะได้รับผลกระทบ พบว่าPTTCH จะได้รับผลกระทบมากที่สุด  โดยทำการเปรียบเทียบผลประกอบการในปี 2553 ที่จะลดลงจากประมาณการเดิมของ SCRI หากโครงการล่าช้าออกไป 1 ปี ดังนี้ PTTCH (-33%) , SCC (-18%) , PTT(-9%) , GLOW (-7.5%) ส่วน PTTAR ผลกระทบปัจจุบันไม่มาก เนื่องจากหน่วยดังกล่าวมีอัตราการใช้กำลังการผลิตในระดับต่ำอยู่ในปัจจุบัน และ PTTEP อาจมีผลกระทบบ้างจากปริมาณก๊าซที่มีแผนจะส่งให้โรงแยกก๊าซ 6 ที่อาจจะลดลง ซึ่งเบื้องต้น SCRI ประเมินผลกระทบไว้ประมาณ 6% ของแผนการผลิตปี 2553

ผลกระทบต่อกลุ่มธนาคารพาณิชย์คาดว่าจะอยู่ในระดับต่ำแม้ว่าธนาคารยังไม่เปิดเผยมูลหนี้ในโครงการที่ยังถูกระงับไม่ให้ดำเนินการต่อ แต่ SCRI คาดว่าระดับหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ไม่น่าจะปรับเพิ่มขึ้นมากเนื่องจากบริษัทขนาดใหญ่ที่มีการระงับโครงการมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง แต่ผลกระทบจากการระงับโครงการ 65 แห่งจะมีผลต่อการขยายตัวของสินเชื่อของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ที่ถูกบั่นทอนลงทั้งจากการใช้เงินทุนหมุนเวียนและเม็ดเงินลงทุนใหม่ในอนาคต ทั้งนี้ SCRI ประเมินในเบื้องต้นว่า BBL น่าจะมีส่วนแบ่งเงินให้สินเชื่อในโครงการมาบตาพุดมากที่สุดและคาดว่า BAY จะได้รับผลกระทบน้อยที่สุด
หลังคำตัดสินของศาลปกครองสูงสุด ขั้นตอนต่อไป SCRI ประเมินว่าจะกลับไปอยู่ที่ขั้นตอนของรัฐบาล ซึ่งจะต้องมีการพิจารณาถึงอำนาจในการระงับการดำเนินงานของโครงการได้หรือไม่ โดยจะใช้กฎหมายข้อใด ซึ่งจากคำตัดสินของศาลปกครองสูงสุดไม่ได้มีการระบุในจุดนี้ คำสั่งศาลปกครองสูงสุดมีประเด็นสำคัญในการแก้ไขคำสั่งของศาลปกครองชั้นต้น ในส่วนของข้อยกเว้น จากเดิมที่ระบุถึงโครงการที่ได้รับใบอนุญาตก่อนวันประกาศใช้บังคับรัฐธรรมนูญฯปี 2550 เป็นยกเว้นเพียง 11 โครงการที่ศาลฯระบุ ทำให้แนวทางในการปลดล็อกให้โครงการสำคัญต่างๆให้สามารถดำเนินกิจกรรมต่อไปได้คาดว่าจะต้องมาจากการเร่งรัดให้มีการดำเนินการตามมาตรา 67 วรรค 2 เท่านั้น (จากเดิมที่มองว่าอาจจะมาจากการตีความหมายของ "ใบอนุญาต" ซึ่งน่าจะเป็นผลบวกต่อโครงการที่ได้รับอนุญาต EIA ก่อนบังคับใช้รัฐธรรมนูญปี 2550)

ขั้นตอนสำคัญที่โครงการที่ถูกระงับไว้ต้องปฏิบัติให้ถูกต้องตามรัฐธรรมนูญปี 2550 มี 4 ขั้นตอน คือ 1) การจัดทำ EIA 2) การจัดทำ Health Impact Assessment (HIA) โดย SCRI ประเมินว่าน่าจะอยู่ในส่วนที่เร่งรัดในการจัดทำได้เนื่องจากมีแนวทางปฏิบัติไว้บ้างอยู่แล้วและในส่วนของบริษัทเอกชนเองก็พยายามดำเนินการเองบางส่วนอยู่แล้วควบคู่ไปเพื่อให้มีความพร้อมเร็วที่สุดในการดำเนินได้เมื่อกฎระเบียบออกมาชัดเจน 3) ขบวนการทำประชาพิจารณ์ และ 4) การจัดตั้งองค์อิสระเพื่อขอความคิดเห็น ซึ่ง 2 ข้อหลังเป็นขั้นตอนสำคัญที่ SCRI เป็นกังวลมากที่สุด โดยมีโอกาสที่จะยืดเยื้อและล่าช้ากว่าที่คาดการณ์ไว้ นอกจากนี้ SCRI มีความกังวลต่อการยื่นฟ้องใหม่ของสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อนที่เตรียมยื่นฟ้องอีก 181 โครงการ จะทำให้ส่งผลกระทบในวงที่กว้างขึ้น

                                 แล้วพบกันใหม่ฉบับหน้า
กำลังโหลดความคิดเห็น