โพลล์ ม.หอการค้าไทย ชี้ตรุษจีนและวาเลนไทน์ปีนี้ เงินสะพัด 4 หมื่นล้านบาท ดันจีดีพีโต 0.2% แต่ไม่คึกคักมากนัก เหตุคนยังแหยงของแพง เศรษฐกิจฟื้นไม่จริง วิตกการเมือง ทำไม่กล้าใช้จ่ายมาก เผยนักศึกษา นักเรียน คนโสดวัยทำงาน เสี่ยงเสียตัววันแห่งความรัก ระบุคนไทยเปลี่ยนแนวคิด ไม่แคร์เสียตัวก่อนแต่ง
นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงผลสำรวจพฤติกรรมการใช้จ่ายในช่วงเทศกาลตรุษจีน และวันวาเลนไทน์ ซึ่งตรงกันในวันที่ 14 ก.พ.2553 จากการสำรวจประชาชนตัวอย่าง 1,218 ราย ระหว่างวันที่ 2-8 ก.พ.ว่า คาดจะมีเงินสะพัดจาก 2 เทศกาลรวม 39,000-40,000 ล้านบาท มีผลทำให้เศรษฐกิจขยายตัว 0.2% โดยเงินสะพัดดังกล่าว
แบ่งเป็นการจับจ่ายในช่วงตรุษจีน 36,264 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 4.4% และการใช้จ่ายในวันวาเลนไทน์ 2,450 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.35% ซึ่งขยายตัวต่ำสุดในรอบ 3 ปี
“บรรยากาศตรุษจีน และวาเลนไทน์ปีนี้ไม่คึกคักมากนัก ประชาชนยังระวังการใช้จ่าย โดยซื้อสินค้าในปริมาณเท่าเดิม เพราะยังวิตกเรื่องของแพง การฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ยังไม่ชัดเจน และยังรอแรงกระตุ้นรายได้และเศรษฐกิจจากการใช้เงินของภาครัฐ รวมถึงยังมีความวิตกปัญหาการเมือง ความขัดแย้งในการแก้ปัญหามาบตาพุด แต่ส่วนใหญ่กว่า 80% ยังเชื่อว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวในไตรมาส 2 และ 3 ของปีนี้” นายธนวรรธน์กล่าว
นางเสาวนีย์ ไทยรุ่งโรจน์ รองอธิการบดีฝ่ายวิจัย มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า เงินที่คาดว่าจะสะพัดช่วงตรุษจีน 36,264 ล้านบาทนั้น หากเฉลี่ยต่อคน จะใช้เพื่อการเซ่นไหว้เจ้ามากที่สุดถึงคนละ 2,486 บาท รองลงมาคือทำบุญ 1,367 บาท และซื้อสินค้าอุปโภคบริโภค 2,873 บาท อย่างไรก็ตาม ผู้ตอบแบบสอบถาม 57% ระบุซื้อสินค้าปริมาณเท่าเดิม แต่อีก 33% ระบุลดการใช้จ่าย เพราะของมีราคาแพงขึ้น
นางยาใจ ชูวิชา ประธานคณะจัดทำการสำรวจความคิดเห็นประเด็นธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า หากเทียบผลสำรวจย้อนหลัง 5 ปี พบว่าคนไทยถึง 44% ให้ความสำคัญต่อวันวาเลนไทน์มากขึ้น แต่บรรยากาศปีนี้ไม่คึกคัก เพราะของแพงขึ้น เศรษฐกิจแย่ลง และปัญหาการเมืองขาดเสถียรภาพ
ทั้งนี้ เมื่อถามถึงทัศนะต่อเพื่อน หรือคนรู้จักในเรื่องการมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกในวันวาเลนไทน์ 26.5% ระบุว่าไม่แน่ใจ แต่อีก 21.8% ระบุมีเพศสัมพันธ์ในวันวาเลนไทน์ และอีก 51.7% เชื่อว่าไม่มี โดยกลุ่มที่เสี่ยงจะมีเพศสัมพันธ์ อันดับ 1 คือ นักศึกษา รองลงมา คือ นักเรียน และคนโสดวัยทำงาน โดยใช้สถานที่บ้านที่ไม่มีใครอยู่ หอพัก และโรงแรมม่านรูด
สำหรับทัศนะต่อการมีเพศสัมพันธ์ก่อนการแต่งงานนั้น 36.5% เห็นว่าเป็นเรื่องธรรมดา อีก 21.5% เห็นว่าไม่ควรทำ ส่วนอีก 42% ระบุแล้วแต่มุมมอง ขณะที่เมื่อถามถึงการยอมรับต่อการมีเพศสัมพันธ์ก่อนแต่งงานพบว่า กลุ่มที่ยอมรับได้และยอมรับไม่ได้เท่ากันที่ 50% เมื่อเจาะเฉพาะอายุ 19-39 ปี เกิน 55% ระบุว่ายอมรับได้ หากมีเพศสัมพันธ์ก่อนแต่งงานสะท้อนถึงแนวคิดของวัยรุ่นและคนรุ่นใหม่ที่ต่างไปจากอดีต ซึ่งเป็นประเด็นที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และรัฐบาลต้องพิจารณาแก้ไขต่อไป
นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงผลสำรวจพฤติกรรมการใช้จ่ายในช่วงเทศกาลตรุษจีน และวันวาเลนไทน์ ซึ่งตรงกันในวันที่ 14 ก.พ.2553 จากการสำรวจประชาชนตัวอย่าง 1,218 ราย ระหว่างวันที่ 2-8 ก.พ.ว่า คาดจะมีเงินสะพัดจาก 2 เทศกาลรวม 39,000-40,000 ล้านบาท มีผลทำให้เศรษฐกิจขยายตัว 0.2% โดยเงินสะพัดดังกล่าว
แบ่งเป็นการจับจ่ายในช่วงตรุษจีน 36,264 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 4.4% และการใช้จ่ายในวันวาเลนไทน์ 2,450 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.35% ซึ่งขยายตัวต่ำสุดในรอบ 3 ปี
“บรรยากาศตรุษจีน และวาเลนไทน์ปีนี้ไม่คึกคักมากนัก ประชาชนยังระวังการใช้จ่าย โดยซื้อสินค้าในปริมาณเท่าเดิม เพราะยังวิตกเรื่องของแพง การฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ยังไม่ชัดเจน และยังรอแรงกระตุ้นรายได้และเศรษฐกิจจากการใช้เงินของภาครัฐ รวมถึงยังมีความวิตกปัญหาการเมือง ความขัดแย้งในการแก้ปัญหามาบตาพุด แต่ส่วนใหญ่กว่า 80% ยังเชื่อว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวในไตรมาส 2 และ 3 ของปีนี้” นายธนวรรธน์กล่าว
นางเสาวนีย์ ไทยรุ่งโรจน์ รองอธิการบดีฝ่ายวิจัย มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า เงินที่คาดว่าจะสะพัดช่วงตรุษจีน 36,264 ล้านบาทนั้น หากเฉลี่ยต่อคน จะใช้เพื่อการเซ่นไหว้เจ้ามากที่สุดถึงคนละ 2,486 บาท รองลงมาคือทำบุญ 1,367 บาท และซื้อสินค้าอุปโภคบริโภค 2,873 บาท อย่างไรก็ตาม ผู้ตอบแบบสอบถาม 57% ระบุซื้อสินค้าปริมาณเท่าเดิม แต่อีก 33% ระบุลดการใช้จ่าย เพราะของมีราคาแพงขึ้น
นางยาใจ ชูวิชา ประธานคณะจัดทำการสำรวจความคิดเห็นประเด็นธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า หากเทียบผลสำรวจย้อนหลัง 5 ปี พบว่าคนไทยถึง 44% ให้ความสำคัญต่อวันวาเลนไทน์มากขึ้น แต่บรรยากาศปีนี้ไม่คึกคัก เพราะของแพงขึ้น เศรษฐกิจแย่ลง และปัญหาการเมืองขาดเสถียรภาพ
ทั้งนี้ เมื่อถามถึงทัศนะต่อเพื่อน หรือคนรู้จักในเรื่องการมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกในวันวาเลนไทน์ 26.5% ระบุว่าไม่แน่ใจ แต่อีก 21.8% ระบุมีเพศสัมพันธ์ในวันวาเลนไทน์ และอีก 51.7% เชื่อว่าไม่มี โดยกลุ่มที่เสี่ยงจะมีเพศสัมพันธ์ อันดับ 1 คือ นักศึกษา รองลงมา คือ นักเรียน และคนโสดวัยทำงาน โดยใช้สถานที่บ้านที่ไม่มีใครอยู่ หอพัก และโรงแรมม่านรูด
สำหรับทัศนะต่อการมีเพศสัมพันธ์ก่อนการแต่งงานนั้น 36.5% เห็นว่าเป็นเรื่องธรรมดา อีก 21.5% เห็นว่าไม่ควรทำ ส่วนอีก 42% ระบุแล้วแต่มุมมอง ขณะที่เมื่อถามถึงการยอมรับต่อการมีเพศสัมพันธ์ก่อนแต่งงานพบว่า กลุ่มที่ยอมรับได้และยอมรับไม่ได้เท่ากันที่ 50% เมื่อเจาะเฉพาะอายุ 19-39 ปี เกิน 55% ระบุว่ายอมรับได้ หากมีเพศสัมพันธ์ก่อนแต่งงานสะท้อนถึงแนวคิดของวัยรุ่นและคนรุ่นใหม่ที่ต่างไปจากอดีต ซึ่งเป็นประเด็นที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และรัฐบาลต้องพิจารณาแก้ไขต่อไป