ม.หอการค้า เผยผลสำรวจการใช้จ่ายช่วงเทศกาล ตรุษจีน-วาเลนไทน์ ปีนี้ เม็ดเงินสะพัดกว่า 3.8 หมื่นล้าน กรุงเทพฯ-ภาคใต้ ใช้จ่ายคึกคัก เพราะเป็นวันอาทิตย์ "ธนวรรธน์" ยันภาพรวม ศก.ดีขึ้น แต่คนระมัดระวังการใช้จ่าย เพราะของแพง โดยหันไปทำบุญเข้าวัดมากขึ้น ซึ่งไม่เกิดผลต่อการขยายตัวทาง ศก. ทั้งยังเน้นการท่องเที่ยวระยะสั้น
นางเสาวณีย์ ไทยรุ่งโรจน์ รองอธิการบดีฝ่ายวิจัย มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยผลการสำรวจการใช้จ่ายในช่วงเทศกาลตรุษจีน และวันวาเลนไทน์ ปี 2553 โดยพบว่า แนวโน้มการใช้จ่ายคึกคักโดยคาดว่าจะมีเงินสะพัดรวมกันสูงถึง 38,713 ล้านบาท
ทั้งนี้ ม.หอการค้าฯ ประเมินว่า จะมีเงินสะพัดในช่วงตรุษจีน 36,263 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.40 โดยกรุงเทพฯ และปริมณฑล ใช้จ่ายมากที่สุด 13,415 ล้านบาท ภาคใต้ มีอัตราการเติบโตของการใช้จ่ายสูงสุดถึงร้อยละ 6 วงเงิน 4,872 ล้านบาท เนื่องจากราคายางพาราสูงขึ้น แบ่งเป็นการซื้อของไหว้เจ้า 2,485 ล้านบาท ทำบุญ 1,367 ล้านบาท ซื้อสินค้าอุปโภคบริโภค 2,873 ล้านบาท แต๊ะเอีย 2,997 ล้านบาท เฉลี่ยคนละ 3,000 บาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน และการใช้จ่ายท่องเที่ยว 4,438 ล้านบาท ซึ่งจะเน้นการท่องเที่ยวในประเทศ
ด้านนางยาใจ ชูวิชา ประธานคณะจัดทำการสำรวจความคิดเห็นประเด็นธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยผลสำรวจการใช้จ่ายวันวาเลนไทน์ พบว่ามีเงินสะพัด 2,450 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.35 ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อคน 1,074 บาท กิจกรรมที่นิยมมากที่สุด คือ การซื้อดอกไม้ นิยมดอกกุหลาบ ร้อยละ 71.2 รองลงมาคือทิวลิป และลิลลี่ ซึ่งส่วนใหญ่นิยมดอกไม้ในประเทศ กิจกรรมการรองลงมาคือการซื้อช็อกโกแลต ซื้อการ์ดวาเลนไทน์ และตุ๊กตา
ส่วนนายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ ม.หอการค้าไทย กล่าวเสริมว่า ผลสำรวจพบว่าบรรยากาศตรุษจีนปีนี้ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา เพราะแม้เศรษฐกิจจะดูดีขึ้น แต่คนยังระวังการใช้จ่าย เพราะราคาสินค้าแพงขึ้น และลดการใช้จ่ายซื้อเครื่องเซ่นไหว้ประเภทหมู เป็ด ไก่ แต่เพิ่มการใช้จ่ายเรื่องการทำบุญ ประกอบกับปีนี้ตรุษจีนตรงกับวันอาทิตย์ ทำให้กิจกรรมการท่องเที่ยวเน้นท่องเที่ยวแบบไปเช้า-เย็นกลับ จังหวัดที่คึกคัก คือ ระยอง ชลบุรี เน้นเข้าวัดทำบุญ จึงทำให้มูลค่าการท่องเที่ยวไม่สูงมากนัก
