แลนด์ฯ เปรยพร้อมขายหุ้น Q-CON ที่เหลือ 84 ล้านหุ้น หากได้ราคาดี พร้อมบันทึกกำไรขายหุ้น 163.99 ล้านบาทไตรมาสแรก ด้าน ปริญสิริฯประกาศเพิ่มทุน100ล้านบาทใช้ปัญผลผู้ถือหุ้นเดิม-เสริมสภาพคล่อง พร้อมเตรียมเสนอบอร์ดบริหารออกหุ้นกู้1,000ล้านบาทเพิ่มเป็นทุนหมุนเวียนธุรกิจ
นายอดิศร ธนนันท์นราพล รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LH เปิดเผยว่า บริษัทฯพร้อมขายหุ้น บริษัท ควอลิตี้คอนสตรัคชั่นโปรดัคส์ จำกัด (มหาชน) หรือ Q-CON ที่เหลือจำนวน 84,627,680 หุ้น คิดเป็น 21.16% หาก ริษัท เอสซีจี ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง จำกัด ( เอสซีจี ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง ) เสนอราคาที่ดี โดยหุ้นของ Q-CONในส่วนที่บริษัทฯได้ขายให้แก่บริษัท เอสซีจี ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง จำกัด ( เอสซีจี ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง ) จำนวน 40,997,300 หุ้น ในราคาหุ้นละ 4 บาท คิดเป็นเงินทั้งสิ้น 163.99 ล้านบาทนั้น บริษัทฯมีต้นทุนอยู่ที่ประมาณ 3 บาทเศษ โดยบริษัทฯจะบันทึกรายได้และกำไรจากการขายหุ้นดังกล่าวเข้ามาในช่วงไตรมาส 1/53 นี้
สำหรับแนวโน้มผลประกอบการในไตรมาส 1/53 ของบริษัท คาดว่ายังอยู่ในเกณฑ์ดี เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจฟื้นตัวขึ้น ซึ่งส่งผลดีต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภค ทำให้การตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคมีทิศทางที่ดีขึ้น นอกจากนี้ยังมีกำไรพิเศษเข้ามาจากการขายหุ้น Q-CON เข้ามาสนับสนุนผลประกอบการในไตรมาสนี้ด้วย
ทั้งนี้ บริษัทฯตั้งเป้ารายได้ในปี 53 ไม่ต่ำกว่า 20,000 ล้านบาท โดยบริษัทมีแผนที่จะพัฒนาและเปิดขายโครงการใหม่ตลอดปีนี้ จำนวน 15 โครงการ มูลค่าโครงการรวม ประมาณ 2.7 หมื่นล้านบาท โดยในปัจจุบันบริษัทฯมีโครงการที่อยู่ระหว่างการขาย 35 โครงการ ซึ่งในช่วงไตรมาสแรก บริษัทฯคาดว่าจะเปิดโครงการแนวราบใหม่ 2-3 โครงการ แบ่งเป็นโครงการบ้านเดี่ยว 2 โครงการ และโครงการทาวเฮ้าส์ 1 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 7 พันล้านบาท
ด้านนายสกล เปาอินทร์ เลขานุการ บริษัท ปริญสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงความคืบหน้า การเพิ่มทุนบริษัทว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ได้มีมติให้เพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทจาก 1,005,000,000บาท เป็น 1,105,500,000 บาท โดยออกหุ้นสามัญ จำนวน 100,500,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท รวม 100,500,000 บาท เพื่อจัดสรรหุ้นสามัญ จำนวน 100,500,000 หุ้น ตามมูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท คิดเป็นมูลค่ารวม 100,500,000 บาท โดยหการเพิ่มทุนในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ในการจัดสรรหุ้นปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม เพื่อเป็นผลตอบแทนการลงทุนแก่ผู้ถือหุ้น โดยการออกเป็นหุ้นปันผล ร่วมกับการจ่ายเงินปันผลเป็นเงินสด เพื่อเพิ่มสภาพคล่องในหุ้น และรักษาสภาพคล่องของทุนหมุนเวียนของบริษัท
นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ยังมีมติ อนุมัติให้บริษัทจัดหาเงินทุนเพื่อใช้ในการลงทุน และหรือเป็นเงินทุนหมุนเวียนทั่วไป หรือเพื่อวัตถุประสงค์อื่น ๆ ตามที่คณะกรรมการบริษัทเห็นสมควร โดยการออกตราสารหนี้(หุ้นกู้)ในสกุลเงินบาท ภายในวงเงินไม่เกิน 1,000 ล้านบาท ซึ่งบริษัท จะทำการเสนอขายหุ้นกู้ดังกล่าวในประเทศให้แก่ผู้ลงทุนทั่วไป และหรือผู้ลงทุนสถาบัน และหรือผู้ลงทุนโดยเฉพาะเจาะจง ไม่ว่าทั้งจำนวนหรือเพียงบางส่วนตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในประกาศคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือกฎเกณฑ์และกฎหมายอื่นใดที่เกี่ยวข้อง
สำหรับข้อกำหนดเงื่อนไข และรายละเอียดที่เกี่ยวข้องกับการออกหุ้นกู้ดังกล่าว เช่น ประเภท อายุหุ้นกู้ อัตราดอกเบี้ย ให้พิจารณาตามความเหมาะสมกับสภาวะตลาดในขณะที่จะออกหุ้นกู้ โดยให้อำนาจคณะกรรมการบริหารเป็นผู้พิจารณากำหนดเงื่อนไขและรายละเอียดในการเสนอขายต่าง ๆ ในการออกและเสนอขายหุ้นกู้ดังกล่าว และอนุมัติให้เปลี่ยนแปลงนโยบายการจ่ายเงินปันผลของบริษัท จากอัตราไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุทธิ ซึ่งเดิมจ่ายจากงบการเงินเฉพาะกิจการ หลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคล เป็นจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้น ในอัตราไม่เกิน40% ของกำไรสุทธิของงบการเงินรวมหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคล
นายอดิศร ธนนันท์นราพล รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LH เปิดเผยว่า บริษัทฯพร้อมขายหุ้น บริษัท ควอลิตี้คอนสตรัคชั่นโปรดัคส์ จำกัด (มหาชน) หรือ Q-CON ที่เหลือจำนวน 84,627,680 หุ้น คิดเป็น 21.16% หาก ริษัท เอสซีจี ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง จำกัด ( เอสซีจี ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง ) เสนอราคาที่ดี โดยหุ้นของ Q-CONในส่วนที่บริษัทฯได้ขายให้แก่บริษัท เอสซีจี ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง จำกัด ( เอสซีจี ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง ) จำนวน 40,997,300 หุ้น ในราคาหุ้นละ 4 บาท คิดเป็นเงินทั้งสิ้น 163.99 ล้านบาทนั้น บริษัทฯมีต้นทุนอยู่ที่ประมาณ 3 บาทเศษ โดยบริษัทฯจะบันทึกรายได้และกำไรจากการขายหุ้นดังกล่าวเข้ามาในช่วงไตรมาส 1/53 นี้
สำหรับแนวโน้มผลประกอบการในไตรมาส 1/53 ของบริษัท คาดว่ายังอยู่ในเกณฑ์ดี เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจฟื้นตัวขึ้น ซึ่งส่งผลดีต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภค ทำให้การตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคมีทิศทางที่ดีขึ้น นอกจากนี้ยังมีกำไรพิเศษเข้ามาจากการขายหุ้น Q-CON เข้ามาสนับสนุนผลประกอบการในไตรมาสนี้ด้วย
ทั้งนี้ บริษัทฯตั้งเป้ารายได้ในปี 53 ไม่ต่ำกว่า 20,000 ล้านบาท โดยบริษัทมีแผนที่จะพัฒนาและเปิดขายโครงการใหม่ตลอดปีนี้ จำนวน 15 โครงการ มูลค่าโครงการรวม ประมาณ 2.7 หมื่นล้านบาท โดยในปัจจุบันบริษัทฯมีโครงการที่อยู่ระหว่างการขาย 35 โครงการ ซึ่งในช่วงไตรมาสแรก บริษัทฯคาดว่าจะเปิดโครงการแนวราบใหม่ 2-3 โครงการ แบ่งเป็นโครงการบ้านเดี่ยว 2 โครงการ และโครงการทาวเฮ้าส์ 1 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 7 พันล้านบาท
ด้านนายสกล เปาอินทร์ เลขานุการ บริษัท ปริญสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงความคืบหน้า การเพิ่มทุนบริษัทว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ได้มีมติให้เพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทจาก 1,005,000,000บาท เป็น 1,105,500,000 บาท โดยออกหุ้นสามัญ จำนวน 100,500,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท รวม 100,500,000 บาท เพื่อจัดสรรหุ้นสามัญ จำนวน 100,500,000 หุ้น ตามมูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท คิดเป็นมูลค่ารวม 100,500,000 บาท โดยหการเพิ่มทุนในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ในการจัดสรรหุ้นปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม เพื่อเป็นผลตอบแทนการลงทุนแก่ผู้ถือหุ้น โดยการออกเป็นหุ้นปันผล ร่วมกับการจ่ายเงินปันผลเป็นเงินสด เพื่อเพิ่มสภาพคล่องในหุ้น และรักษาสภาพคล่องของทุนหมุนเวียนของบริษัท
นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ยังมีมติ อนุมัติให้บริษัทจัดหาเงินทุนเพื่อใช้ในการลงทุน และหรือเป็นเงินทุนหมุนเวียนทั่วไป หรือเพื่อวัตถุประสงค์อื่น ๆ ตามที่คณะกรรมการบริษัทเห็นสมควร โดยการออกตราสารหนี้(หุ้นกู้)ในสกุลเงินบาท ภายในวงเงินไม่เกิน 1,000 ล้านบาท ซึ่งบริษัท จะทำการเสนอขายหุ้นกู้ดังกล่าวในประเทศให้แก่ผู้ลงทุนทั่วไป และหรือผู้ลงทุนสถาบัน และหรือผู้ลงทุนโดยเฉพาะเจาะจง ไม่ว่าทั้งจำนวนหรือเพียงบางส่วนตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในประกาศคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือกฎเกณฑ์และกฎหมายอื่นใดที่เกี่ยวข้อง
สำหรับข้อกำหนดเงื่อนไข และรายละเอียดที่เกี่ยวข้องกับการออกหุ้นกู้ดังกล่าว เช่น ประเภท อายุหุ้นกู้ อัตราดอกเบี้ย ให้พิจารณาตามความเหมาะสมกับสภาวะตลาดในขณะที่จะออกหุ้นกู้ โดยให้อำนาจคณะกรรมการบริหารเป็นผู้พิจารณากำหนดเงื่อนไขและรายละเอียดในการเสนอขายต่าง ๆ ในการออกและเสนอขายหุ้นกู้ดังกล่าว และอนุมัติให้เปลี่ยนแปลงนโยบายการจ่ายเงินปันผลของบริษัท จากอัตราไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุทธิ ซึ่งเดิมจ่ายจากงบการเงินเฉพาะกิจการ หลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคล เป็นจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้น ในอัตราไม่เกิน40% ของกำไรสุทธิของงบการเงินรวมหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคล