ASTVผู้จัดการรายวัน- มิลล์คอนสตีล คาด ได้เงิน 2 พันล้านบาท จากขายหุ้นเพิ่มทุน ชี้นักลงทุนยอมซื้อหุ้น PP ที่หุ้นละ 10 บาท สูงกว่าราคากระดาน 6-7 บาท เหตุประเมินแนวโน้มอนาคตมาร์จิ้นโต 2 เท่า รายได้ขยับเพิ่มอีก 30% หลังโครงการกรีน มิลล์เสร็จ –รับปันผล 5% พร้อมเลื่อนนำหุ้นเข้าเทรดไต้หวันเป็นกลางไตรมาส2/53 ชี้รอเพิ่มทุนเสร็จ-งบปี52ออกก่อน คาดปี53รายได้ 1.1 หมื่นล้านบาท
นายสิทธิชัย ลีสวัสดิ์ตระกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัท มิลล์คอนสตีลอินดัสทรีส์ จำกัด (มหาชน) หรือ MILL เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่าจะได้รับเงิน 2,000 ล้านบาท จากการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุน 763.35 ล้านหุ้น แบ่งเป็นเสนอขายหุ้นเพิ่มทุน 218.75 ล้านหุ้น แก่ DEG บริษัทลูกของ KfW Bankengruppe จากเยอรมัน และอีก 544.66 ล้านหุ้น รองรับการแปลงหุ้นบุริมสิทธิของบริษัท ซึ่งจะจัดสรรแก่ นักลงทุนเฉพาะเจาะจง(PP)ทั้งในและต่างประเทศ 499.30 ล้านหุ้น และอีก 45 ล้านหุ้น เพื่อใช้ชำระราคาหุ้นจากที่บริษัทจะซื้อหุ้นของบริษัท บีอาร์ พีสตีลจำกัด เพิ่มอีก 10.10 % จากผู้ถือหุ้นเดิมของ บีอาร์ พีสตีล ซึ่งคิดเป็นมูลค่า 184 ล้านบาท ทำให้บริษัทถือหุ้นในบีอาร์พี สตีล เพิ่มเป็น 93.88%
ทั้งนี้ ในการเสนอขายหุ้นบุริมสิทธิลักษณะแบบเฉพาะเจาะจง (PP) ซึ่งขณะนี้มีนักลงทุนให้ความสนใจและตกลงที่จะเข้ามาซื้อใกล้ของบริษัทแล้วครบจำนวนแล้ว คิดเป็นมูลค่า 1,000 ล้านบาท และเชื่อว่าราคาหุ้นของบริษัทจะปรับตัวลดลงไม่มาก (ไดลูท) จากการเพิ่มทุนเนื่องจาก นักลงทุนที่จะเข้ามาซื้อหุ้น PP ของบริษัทยอมจ่ายเงินซื้อหุ้นของบริษัทที่ 10 บาท จากประเมินแนวโน้มการเติบโตที่ดีในอนาคตจากที่มีโครงการGreen Mill ซึ่งเป็นราคาที่สูงกว่าราคาในกระดาน ณ ช่วงที่บริษัทตกลงจะเข้าซื้อโดยราคาอยู่ที่ 6-7 บาท
"ในส่วนการขายหุ้นPPนั้น 499 .30ล้านหุ้น จะขายให้นักลงทุนไม่เกิน 20 ราย ที่จะซื้อในราคาหุ้นละะ 10 บาท ซึ่งเป็นราคาที่มีพรีเมี่ยมกว่า 40% จาก ณ ช่วงที่บริษัทตกลงกับนักลงทุนราคาหุ้นในกระดานของบริษัทอยู่ที่ 6-7 บาท โดยมองว่าหลังโครงการ Green Mill เดินหน้าจะทำให้ผลประกอบการของบริษัทเติบโต และได้รับเงินปันผล 5% และเมื่อรวมกับการออกหุ้นรองรับการแปลงสภาพเป็นหุ้นสามัญของ DEG ที่ 9.60 บาทนั้นทำให้บริษัทได้เงินเพิ่มทุนรวม 2 พันล้านบาท "นายสิทธิชัย กล่าว
สำหรับเงินเพิ่มทุนจะเข้ามาช่วงเดือนมีนาคมนี้ เพื่อใช้ลงทุนโครงการ Green Mill เพื่อซื้อเตาหลอมอาร์คไฟฟ้า และอุปกรณ์ที่ใช้ในกระบวนการผลิตร่วมกับเตาหลอมอาร์คไฟฟ้า ใช้เวลาติดตั้งเครื่องจักร 18 เดือนและรับรู้รายได้ปี 55 ดันรายได้ขยับเพิ่มอีก 30% และมีอัตรากำไรขั้นต้น (กรอสมาร์จิ้น) เพิ่มเป็น 15-20% จากปัจจุบันที่มี 8-10% เพราะโครงการนี้จะช่วยลดต้นทุนในกระบวนการผลิตของบริษัทและสามารถนำเศษเหล็ก (Scrap) มาหมุนเวียนใช้ใหม่ได้ เพราะสินค้ามีราคาสูงขึ้นและเป็นการใช้ประโยชน์จากเศษเหล็กได้คุ้มค่า
นายสิทธิชัยกล่าวว่าบริษัทได้เลื่อนการนำหุ้นไปจดทะเบียนในตลาดหุ้นไต้หวัน ด้วยการเสนอขาย Taiwan Depositary Receipt หรือ TDR 100 ล้านหุ้น เป็นต้นไตรมาส2 หรือกลางไตรมาส 3 ปีนี้ เพราะรอให้การเพิ่มทุนแล้วเสร็จและรองบการเงิน ปี 52 ออกมาก่อน เพื่อเป็นการเพิ่มข้อมูลให้นักลงทุนไต้หวันและสร้างความมั่นใจให้นักลงทุนมากขึ้น
"เชื่อว่ายอดขายไตรมาส 4 ปี 52 ออกมาดี และทำมห้ยอดขายทั้งปีทะลุ 1 หมื่นล้านบาทได้ และคาดว่ารายได้ปี 53 จะโตขึ้น 7-10% หรือทะลุ 1.1 หมื่นล้านบาท ผลจากความต้องการใช้เหล็กที่เพิ่มขึ้น และบริษัทมียอดสั่งซื้อแล้ว 1 แสนตัน ซึ่งไตรมาสแรกปีนี้จะรับรู้รายได้จากยอดสั่งซื้อ มูลค่า 2 พันล้านบาท "
นายสิทธิชัย ลีสวัสดิ์ตระกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัท มิลล์คอนสตีลอินดัสทรีส์ จำกัด (มหาชน) หรือ MILL เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่าจะได้รับเงิน 2,000 ล้านบาท จากการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุน 763.35 ล้านหุ้น แบ่งเป็นเสนอขายหุ้นเพิ่มทุน 218.75 ล้านหุ้น แก่ DEG บริษัทลูกของ KfW Bankengruppe จากเยอรมัน และอีก 544.66 ล้านหุ้น รองรับการแปลงหุ้นบุริมสิทธิของบริษัท ซึ่งจะจัดสรรแก่ นักลงทุนเฉพาะเจาะจง(PP)ทั้งในและต่างประเทศ 499.30 ล้านหุ้น และอีก 45 ล้านหุ้น เพื่อใช้ชำระราคาหุ้นจากที่บริษัทจะซื้อหุ้นของบริษัท บีอาร์ พีสตีลจำกัด เพิ่มอีก 10.10 % จากผู้ถือหุ้นเดิมของ บีอาร์ พีสตีล ซึ่งคิดเป็นมูลค่า 184 ล้านบาท ทำให้บริษัทถือหุ้นในบีอาร์พี สตีล เพิ่มเป็น 93.88%
ทั้งนี้ ในการเสนอขายหุ้นบุริมสิทธิลักษณะแบบเฉพาะเจาะจง (PP) ซึ่งขณะนี้มีนักลงทุนให้ความสนใจและตกลงที่จะเข้ามาซื้อใกล้ของบริษัทแล้วครบจำนวนแล้ว คิดเป็นมูลค่า 1,000 ล้านบาท และเชื่อว่าราคาหุ้นของบริษัทจะปรับตัวลดลงไม่มาก (ไดลูท) จากการเพิ่มทุนเนื่องจาก นักลงทุนที่จะเข้ามาซื้อหุ้น PP ของบริษัทยอมจ่ายเงินซื้อหุ้นของบริษัทที่ 10 บาท จากประเมินแนวโน้มการเติบโตที่ดีในอนาคตจากที่มีโครงการGreen Mill ซึ่งเป็นราคาที่สูงกว่าราคาในกระดาน ณ ช่วงที่บริษัทตกลงจะเข้าซื้อโดยราคาอยู่ที่ 6-7 บาท
"ในส่วนการขายหุ้นPPนั้น 499 .30ล้านหุ้น จะขายให้นักลงทุนไม่เกิน 20 ราย ที่จะซื้อในราคาหุ้นละะ 10 บาท ซึ่งเป็นราคาที่มีพรีเมี่ยมกว่า 40% จาก ณ ช่วงที่บริษัทตกลงกับนักลงทุนราคาหุ้นในกระดานของบริษัทอยู่ที่ 6-7 บาท โดยมองว่าหลังโครงการ Green Mill เดินหน้าจะทำให้ผลประกอบการของบริษัทเติบโต และได้รับเงินปันผล 5% และเมื่อรวมกับการออกหุ้นรองรับการแปลงสภาพเป็นหุ้นสามัญของ DEG ที่ 9.60 บาทนั้นทำให้บริษัทได้เงินเพิ่มทุนรวม 2 พันล้านบาท "นายสิทธิชัย กล่าว
สำหรับเงินเพิ่มทุนจะเข้ามาช่วงเดือนมีนาคมนี้ เพื่อใช้ลงทุนโครงการ Green Mill เพื่อซื้อเตาหลอมอาร์คไฟฟ้า และอุปกรณ์ที่ใช้ในกระบวนการผลิตร่วมกับเตาหลอมอาร์คไฟฟ้า ใช้เวลาติดตั้งเครื่องจักร 18 เดือนและรับรู้รายได้ปี 55 ดันรายได้ขยับเพิ่มอีก 30% และมีอัตรากำไรขั้นต้น (กรอสมาร์จิ้น) เพิ่มเป็น 15-20% จากปัจจุบันที่มี 8-10% เพราะโครงการนี้จะช่วยลดต้นทุนในกระบวนการผลิตของบริษัทและสามารถนำเศษเหล็ก (Scrap) มาหมุนเวียนใช้ใหม่ได้ เพราะสินค้ามีราคาสูงขึ้นและเป็นการใช้ประโยชน์จากเศษเหล็กได้คุ้มค่า
นายสิทธิชัยกล่าวว่าบริษัทได้เลื่อนการนำหุ้นไปจดทะเบียนในตลาดหุ้นไต้หวัน ด้วยการเสนอขาย Taiwan Depositary Receipt หรือ TDR 100 ล้านหุ้น เป็นต้นไตรมาส2 หรือกลางไตรมาส 3 ปีนี้ เพราะรอให้การเพิ่มทุนแล้วเสร็จและรองบการเงิน ปี 52 ออกมาก่อน เพื่อเป็นการเพิ่มข้อมูลให้นักลงทุนไต้หวันและสร้างความมั่นใจให้นักลงทุนมากขึ้น
"เชื่อว่ายอดขายไตรมาส 4 ปี 52 ออกมาดี และทำมห้ยอดขายทั้งปีทะลุ 1 หมื่นล้านบาทได้ และคาดว่ารายได้ปี 53 จะโตขึ้น 7-10% หรือทะลุ 1.1 หมื่นล้านบาท ผลจากความต้องการใช้เหล็กที่เพิ่มขึ้น และบริษัทมียอดสั่งซื้อแล้ว 1 แสนตัน ซึ่งไตรมาสแรกปีนี้จะรับรู้รายได้จากยอดสั่งซื้อ มูลค่า 2 พันล้านบาท "
