กลุ่มธนาคารไทยพาณิชย์ เปิดแผนเชิงรุกปี 53 ลั่นเติบโต 2 เท่าจีดีพี ยันผลงานปี 52 การันตี “ความเป็นที่สุด” ทั้งในด้านการทำกำไร มูลค่าตลาดรวม ฐานะเงินกองทุนแข็งแกร่ง "จำนวนสาขา-เอทีเอ็ม" มากที่สุด ตั้งเป้าปี 53 โกยรายได้เพิ่มขึ้น 17% สินเชื่อรวมโต 7-10% โดยเน้นการเติบโตแบบรุกทุกกลุ่มธุรกิจ ทั้งลูกค้าขนาดใหญ่ SME ลูกค้าบุคคล และบริษัทในเครือ ตลอดจนเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันระยะยาว สร้างความผูกพันในแบรนด์ SCB กับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง พร้อมโชว์ศักยภาพศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจในการวิเคราะห์ข้อมูลเศรษฐกิจจากทั่วโลก เพื่อใช้ในการตัดสินใจทางด้านธุรกิจของลูกค้า
นางกรรณิกา ชลิตอาภรณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB เปิดเผยว่า ในปี 2552 ที่ผ่านมา แม้สภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจจะมีความผันผวนอยู่มาก แต่ผลงานโดยรวมของธนาคารจัดอยู่ในระดับที่น่าพอใจ โดยธนาคารสามารถสร้างความเติบโตในธุรกิจพร้อมๆ ไปกับการควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ จนทำให้ธนาคารสามารถครอง “ความเป็นที่สุด” ทั้งในด้านความสามารถในการทำกำไร มูลค่าตลาดรวม ความแข็งแกร่งของฐานเงินกองทุน ฯลฯ ซึ่งนับเป็นเรื่องที่น่ายินดี และเป็นการยืนยันว่าธนาคารได้ดำเนินยุทธศาสตร์ในการบริหารงานได้อย่างถูกต้อง”
สำหรับในปี 2553 ธนาคารคาดการณ์ว่า ภาวะเศรษฐกิจไทยโดยรวมจะเติบโตดีขึ้นจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก และมีอัตราการขยายตัวเป็นบวกอยู่ระหว่าง 3.5-4.5% ธนาคารจึงได้ตั้งเป้ารายได้เพิ่มขึ้น 17% และสินเชื่อรวมโต 7-10% หรือประมาณ 2 เท่าของจีดีพี ทั้งนี้การเติบโตของธนาคารจะมาจากการเติบโตของกลุ่มลูกค้าขนาดใหญ่ ซึ่งจะเน้นสร้างความแตกต่างและตอบสนองความต้องการของลูกค้าอย่างครบวงจร (Total Solution) การเติบโตของกลุ่มลูกค้าธุรกิจ SME โดยให้ความสำคัญกับการบุกตลาดและลูกค้าขนาดกลางและขนาดเล็ก ซึ่งยังมีโอกาสทางธุรกิจอีกมาก และการเติบโตของกลุ่มลูกค้าบุคคล มุ่งผลักดันธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์และขยายสินเชื่อเคหะอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการเติบโตของกลุ่มบริษัทในเครืออย่าง บลจ.ไทยพาณิชย์ และบล.ไทยพาณิชย์ อีกด้วย
นอกจากเป้าหมายหลักในการสร้างการเติบโตของธุรกิจแล้ว ธนาคารยังต้องเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันระยะยาว โดยใช้ประโยชน์จากระบบเทคโนโลยีสารสนเทศที่มีอยู่ให้ดียิ่งขึ้น พัฒนาความเชี่ยวชาญและความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูลทางธุรกิจ โดยศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ (SCB EIC) เพื่อประกอบการตัดสินใจที่ดีขึ้นและรวดเร็วยิ่งขึ้น บริหารความเสี่ยงตามแนวทางหลักเกณฑ์ Basel II และจัดสรรเงินทุนอย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนถึงการปรับปรุงแบรนด์ให้ก้าวนำไปข้างหน้า เพื่อสร้างความผูกพันกับลูกค้าในระยะยาว
“การปรับภาพลักษณ์ของธนาคารในครั้งนี้ เพื่อให้แบรนด์ SCB มีความร่วมสมัยมากยิ่งขึ้น และทำให้แบรนด์ดูสดชื่นขึ้น โดยสร้างจากจุดเด่นของไทยพาณิชย์ โดยเฉพาะตราสัญลักษณ์รูปใบโพธิ์ และสีม่วง โดยธนาคารจะมีการปรับรูปลักษณ์ใหม่ของสาขา หน้าจอตู้เอทีเอ็ม และเครื่องแบบพนักงาน ซึ่งลูกค้าจะสัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงที่ดูสดชื่นขึ้น ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป”
นอกจากนี้ การสร้างภาพลักษณ์แบรนด์ไม่ได้เป็นการปรับเปลี่ยนในส่วนของรูปลักษณ์องค์กรภายนอกเท่านั้น แต่ยังต้องดำเนินการในส่วนของการปลูกฝังทัศนคติและวิธีการทำงานของพนักงานให้สอดคล้องกับแบรนด์ด้วย เพื่อให้ธนาคารเป็นธนาคารที่ลูกค้า ผู้ถือหุ้น พนักงาน และสังคมเลือก (The Bank of Choice) ตามวิสัยทัศน์ที่ตั้งไว้ พร้อมให้บริการทางการเงินอย่างครบวงจร (The Premier Universal Bank in Thailand) แก่ลูกค้าทุกกลุ่มที่มีความต้องการบริการทางการเงินที่หลากหลาย เพื่อสร้างความเจริญเติบโตทางธุรกิจอย่างยั่งยืนร่วมกัน ตามสโลแกนใหม่ของธนาคาร “ไปด้วยกัน ไปได้ไกล” นางกรรณิกา กล่าวเสริมในตอนท้าย
ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ธนาคารพาณิชย์ชั้นนำของประเทศที่ให้บริการทางการเงินแบบครบวงจร ก่อตั้งขึ้นโดยพระบรมราชานุญาตในปี พ.ศ. 2449 โดยเป็นธนาคารพาณิชย์ไทยที่เก่าแก่ที่สุดของประเทศ ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2552 ธนาคารมีมูลค่าตลาดรวม (Market Capitalization) สูงเป็นอันดับที่ 1 ในกลุ่มสถาบันการเงิน (295 พันล้านบาท) มีเครือข่ายสาขาและจุดให้บริการมากที่สุดในประเทศไทย (สาขารวมทั้งสิ้น 987 สาขา ศูนย์แลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ 118แห่ง เครื่องเอทีเอ็ม 7,129เครื่อง) เพื่อให้บริการที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่ม ทั้งลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่ ลูกค้าธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) และลูกค้าบุคคล ด้วยขนาดสินทรัพย์ 1,294 พันล้านบาท