ตลาดหนังสือมาแรงรับปีเสือ รัฐหนุนเต็มที่ “สถาพรบุ๊คส์”โฟกัสตลาดหนังสือห้องสมุด รุกหนักออนไลน์กระตุ้นยอด วางหนังสือใหม่ 150 เรื่อง มั่นใจสิ้นปีดันรายได้โต 20%
นายวรพันธ์ โลกิตสถาพร กรรมการผู้จัดการ บริษัท สถาพรบุ๊คส์ จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดหนังสือในปีนี้ เชื่อว่าจะมีอัตรากดารเติบโต 4%ขึ้น คิดเป็นมูลค่ากว่า 19,600 ล้านบาท ตามที่ทางสมาคมผู้จัดพิมพ์และจัดจำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทยได้คาดการณ์ไว้ โดยส่วนสำคัญมาจากการที่รัฐสนันสนุนเรื่องของการอ่านให้เป็นวาระแห่งชาติ ซึ่งในปีนี้จะเริ่มเห็นการผลักดันอย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้น โดยเฉพาะห้องสมุดสาธารณะที่จะพบว่า มีนโยบายในการเพิ่มจำนวนหนังสือให้มีความน่าสนใจและมีความหลากหลายเข้าไปมากยิ่งขึ้น
ดังนั้นแผนการดำเนินงานของสถาพรบุ๊คส์ในปีนี้ จะหันมาให้ความสำคัญในการผลิตหนังสือป้อนเข้าสู่ห้องสมุดมากยิ่งขึ้น จากเดิมที่จะเน้นหนังสือนวนิยายเป็นส่วนใหญ่ จะเน้นหนังสือที่ให้ทั้งความรู้และความบันเทิง ซึ่งถือเป็นกลุ่มหนังสือที่ทางห้องสมุดมีต้องการ แต่ทั้งนี้ทางบริษัทจะไม่มีการเปิดตัวสำนักพิมพ์ใหม่ขึ้นมารองรับ เนื่องจากเดิมมีสำนักพิมพ์ที่ผลิตหนังสือในกลุ่มนี้อยู่ก่อนแล้ว
ขณะเดียวกันจากการที่นิวมีเดียกำลังเข้ามามีบทบาทอย่างต่อเนื่อง ปีนี้ทางบริษัทจะให้ความสำคัญกับช่องทางออนไลน์ ผ่านเว็บไซต์ของสถาพรบุ๊คส์มากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการปรับปรุงเว็บให้มีความน่าสนใจ มีความเป็นเว็บคอมมูนิตี้ รวมไปถึงการสั่งหนังสือผ่านเว็บไซต์ก็จะทำให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น คาดว่าสิ้นปีนี้ยอดขายจากเว็บไซต์จะเพิ่มเป็น 5% จากเดิมในปีก่อนอยู่ที่ 3% ของยอดขายรวมทั้งหมด
นายวรพันธ์ กล่าวต่อว่า ปีนี้ทางบริษัทยังคงมีแผนเปิดตัวหนังสือเล่มใหม่อีกประมาณ 150-200 เรื่อง เท่ากับปีที่ผ่านมา โดยแต่ละเรื่องจะเน้นคุณภาพและมีความน่าสนใจเข้าถึงกลุ่มผู้อ่านได้แม่นยำมากขึ้น เชื่อทั้งปีบริษัทจะมีรายได้เติบโตจากปีก่อนราว 20% มาจากช่องทางร้านหนังสือ 90% และช่องทางเว็บไซต์รวมกับห้องสมุดอีก 10 % ซึ่งในปีที่ผ่านมาสถาพรบุ๊คส์ มีช่องทางจำหน่าย 2 ทางหลักคือ ร้านหนังสือและเว็บไซต์ โดยทั้งปี 2552 ที่ผ่านมา มีรายได้เติบโต 15% เป็นไปตามแผนที่วางไว้เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม สถาพรบุ๊คส์มีสำนักพิมพ์ในเครืออยู่หลายแห่ง ได้แก่ พิมพ์คำสำนักพิมพ์, สำนักพิมพ์สถาพรบุ๊คส์, สำนักพิมพ์ปริ๊นเซส, สำนักพิมพ์Z-girl, สำนักพิมพ์เพชรการเรือน, สำนักพิมพ์ Sugar Beat และ สำนักพิมพ์ บี ไบรท์ บาย เฟิรสต์ โดยกลุ่มหนังสือที่วางจำหน่ายจะแบ่งออกได้เป็น วรรณกรรม และนิยาย ราว 70% และกลุ่มจิตวิทยา พัฒนาตนเองอีก 30%
นายวรพันธ์ โลกิตสถาพร กรรมการผู้จัดการ บริษัท สถาพรบุ๊คส์ จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดหนังสือในปีนี้ เชื่อว่าจะมีอัตรากดารเติบโต 4%ขึ้น คิดเป็นมูลค่ากว่า 19,600 ล้านบาท ตามที่ทางสมาคมผู้จัดพิมพ์และจัดจำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทยได้คาดการณ์ไว้ โดยส่วนสำคัญมาจากการที่รัฐสนันสนุนเรื่องของการอ่านให้เป็นวาระแห่งชาติ ซึ่งในปีนี้จะเริ่มเห็นการผลักดันอย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้น โดยเฉพาะห้องสมุดสาธารณะที่จะพบว่า มีนโยบายในการเพิ่มจำนวนหนังสือให้มีความน่าสนใจและมีความหลากหลายเข้าไปมากยิ่งขึ้น
ดังนั้นแผนการดำเนินงานของสถาพรบุ๊คส์ในปีนี้ จะหันมาให้ความสำคัญในการผลิตหนังสือป้อนเข้าสู่ห้องสมุดมากยิ่งขึ้น จากเดิมที่จะเน้นหนังสือนวนิยายเป็นส่วนใหญ่ จะเน้นหนังสือที่ให้ทั้งความรู้และความบันเทิง ซึ่งถือเป็นกลุ่มหนังสือที่ทางห้องสมุดมีต้องการ แต่ทั้งนี้ทางบริษัทจะไม่มีการเปิดตัวสำนักพิมพ์ใหม่ขึ้นมารองรับ เนื่องจากเดิมมีสำนักพิมพ์ที่ผลิตหนังสือในกลุ่มนี้อยู่ก่อนแล้ว
ขณะเดียวกันจากการที่นิวมีเดียกำลังเข้ามามีบทบาทอย่างต่อเนื่อง ปีนี้ทางบริษัทจะให้ความสำคัญกับช่องทางออนไลน์ ผ่านเว็บไซต์ของสถาพรบุ๊คส์มากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการปรับปรุงเว็บให้มีความน่าสนใจ มีความเป็นเว็บคอมมูนิตี้ รวมไปถึงการสั่งหนังสือผ่านเว็บไซต์ก็จะทำให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น คาดว่าสิ้นปีนี้ยอดขายจากเว็บไซต์จะเพิ่มเป็น 5% จากเดิมในปีก่อนอยู่ที่ 3% ของยอดขายรวมทั้งหมด
นายวรพันธ์ กล่าวต่อว่า ปีนี้ทางบริษัทยังคงมีแผนเปิดตัวหนังสือเล่มใหม่อีกประมาณ 150-200 เรื่อง เท่ากับปีที่ผ่านมา โดยแต่ละเรื่องจะเน้นคุณภาพและมีความน่าสนใจเข้าถึงกลุ่มผู้อ่านได้แม่นยำมากขึ้น เชื่อทั้งปีบริษัทจะมีรายได้เติบโตจากปีก่อนราว 20% มาจากช่องทางร้านหนังสือ 90% และช่องทางเว็บไซต์รวมกับห้องสมุดอีก 10 % ซึ่งในปีที่ผ่านมาสถาพรบุ๊คส์ มีช่องทางจำหน่าย 2 ทางหลักคือ ร้านหนังสือและเว็บไซต์ โดยทั้งปี 2552 ที่ผ่านมา มีรายได้เติบโต 15% เป็นไปตามแผนที่วางไว้เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม สถาพรบุ๊คส์มีสำนักพิมพ์ในเครืออยู่หลายแห่ง ได้แก่ พิมพ์คำสำนักพิมพ์, สำนักพิมพ์สถาพรบุ๊คส์, สำนักพิมพ์ปริ๊นเซส, สำนักพิมพ์Z-girl, สำนักพิมพ์เพชรการเรือน, สำนักพิมพ์ Sugar Beat และ สำนักพิมพ์ บี ไบรท์ บาย เฟิรสต์ โดยกลุ่มหนังสือที่วางจำหน่ายจะแบ่งออกได้เป็น วรรณกรรม และนิยาย ราว 70% และกลุ่มจิตวิทยา พัฒนาตนเองอีก 30%