“มหกรรมหนังสือระดับชาติ ครั้งที่ 14” ปิดฉากแล้ว คนเข้างานกว่า 1.3 ล้านคน ยอดขายรวม 500 กว่าล้านบาท หนังสือแนวการ์ตูนความรู้เด็ก-นิทานวัยใส ยังแรง
นางริสรวล อร่ามเจริญ นายกสมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จัดจำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย เปิดเผยถึงผลลัพธุ์ของการจัดงาน “มหกรรมหนังสือระดับชาติครั้งที่ 14 (Book Expo Thailand 2009)” ที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 15-25 ต.ค.2552 ณ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ที่ผ่านมา ว่า หลังจากการจัดงานได้จบลงไปแล้ว ได้มีการประเมินตัวเลขคร่าวๆ พบว่า ปีนี้มีผู้เข้าร่วมในงานประมาณ 1.3 ล้านคน ต่ำกว่าเป้าหมายเดิมที่ตั้งไว้ประมาณ 1.5 ล้านคน และมียอดขายรวมในงานมากกว่า 500 ล้านบาท ใกล้เคียงกับที่ตั้งเป้าไว้
อย่างไรก็ตาม ในภาพรวมนั้นถือได้ว่าการจัดงานครั้งนี้ประสบผลสำเร็จด้วยดี ในขณะที่สภาพปัญหาทางเศรษฐกิจก็ยังมีอยู่ อีกทั้งช่วงการจัดงานก็ต้องเผชิญกับฝนตกตลอดเวลา ทำให้เป็นอุปสรรคต่อผู้ที่จะมาร่วมงานด้วย ขณะที่จำนวนวันของการจัดงานในปีนี้มีประมาณ 11 วันเท่านั้นเอง จากปกติประมาณ 12-13 วัน
สำหรับกลุ่มหนังสือที่ขายดีในครั้งนี้ ก็ยังคงเป็นหนังสือในกลุ่มของนิทานและการ์ตูนความรู้สำหรับเด็ก และกลุ่มนิยายวัยใสที่มาแรง ส่วนหนังสือแนวธรรมะ หรือการให้กำลังใจในการใช้ชีวิตก็ยังขายดีอยู่ ส่วนหนังสือแนวการเมืองในครั้งนี้ดูเหมือนว่าจะไม่ค่อยมีความโดดเด่นเท่าใดนัก
โดยในปีนี้พบว่าสำนักพิมพ์ที่เข้าร่วมทั้งหมด 405 ราย จำนวน 817 บูธ แต่ละรายล้วนแต่มีการจัดกิจกรราม การลดราคา และการนำหนังสือที่น่าสนในมาจำหน่าย และการพบปะนักเขียน ส่งผลให้สามารถดึงดูดคนและสร้างบรรยากาศที่คึกคักได้เป็นอย่างดี
อย่างไรก็ตาม ยังพบว่ามีปัญหาที่เกิดขึ้นหลายอย่าง โดยเฉพาะในส่วนของมิจฉาชีพที่แฝงตัวเข้ามาในงาน ทั้งการล้วงกระเป๋าผู้ที่มาเที่ยวในงาน และการขโมยหนังสือ ซึ่งเกิดขึ้นทุกปี แต่ครั้งนี้ดูเหมือนว่าจะมากกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา อีกทั้งยังมีมิจฉาชีพที่เป็นชาวต่างชาติด้วย ที่เจ้าหน้าที่ในงานสามารถจับกุมได้หลายราย
นางริสรวล อร่ามเจริญ นายกสมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จัดจำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย เปิดเผยถึงผลลัพธุ์ของการจัดงาน “มหกรรมหนังสือระดับชาติครั้งที่ 14 (Book Expo Thailand 2009)” ที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 15-25 ต.ค.2552 ณ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ที่ผ่านมา ว่า หลังจากการจัดงานได้จบลงไปแล้ว ได้มีการประเมินตัวเลขคร่าวๆ พบว่า ปีนี้มีผู้เข้าร่วมในงานประมาณ 1.3 ล้านคน ต่ำกว่าเป้าหมายเดิมที่ตั้งไว้ประมาณ 1.5 ล้านคน และมียอดขายรวมในงานมากกว่า 500 ล้านบาท ใกล้เคียงกับที่ตั้งเป้าไว้
อย่างไรก็ตาม ในภาพรวมนั้นถือได้ว่าการจัดงานครั้งนี้ประสบผลสำเร็จด้วยดี ในขณะที่สภาพปัญหาทางเศรษฐกิจก็ยังมีอยู่ อีกทั้งช่วงการจัดงานก็ต้องเผชิญกับฝนตกตลอดเวลา ทำให้เป็นอุปสรรคต่อผู้ที่จะมาร่วมงานด้วย ขณะที่จำนวนวันของการจัดงานในปีนี้มีประมาณ 11 วันเท่านั้นเอง จากปกติประมาณ 12-13 วัน
สำหรับกลุ่มหนังสือที่ขายดีในครั้งนี้ ก็ยังคงเป็นหนังสือในกลุ่มของนิทานและการ์ตูนความรู้สำหรับเด็ก และกลุ่มนิยายวัยใสที่มาแรง ส่วนหนังสือแนวธรรมะ หรือการให้กำลังใจในการใช้ชีวิตก็ยังขายดีอยู่ ส่วนหนังสือแนวการเมืองในครั้งนี้ดูเหมือนว่าจะไม่ค่อยมีความโดดเด่นเท่าใดนัก
โดยในปีนี้พบว่าสำนักพิมพ์ที่เข้าร่วมทั้งหมด 405 ราย จำนวน 817 บูธ แต่ละรายล้วนแต่มีการจัดกิจกรราม การลดราคา และการนำหนังสือที่น่าสนในมาจำหน่าย และการพบปะนักเขียน ส่งผลให้สามารถดึงดูดคนและสร้างบรรยากาศที่คึกคักได้เป็นอย่างดี
อย่างไรก็ตาม ยังพบว่ามีปัญหาที่เกิดขึ้นหลายอย่าง โดยเฉพาะในส่วนของมิจฉาชีพที่แฝงตัวเข้ามาในงาน ทั้งการล้วงกระเป๋าผู้ที่มาเที่ยวในงาน และการขโมยหนังสือ ซึ่งเกิดขึ้นทุกปี แต่ครั้งนี้ดูเหมือนว่าจะมากกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา อีกทั้งยังมีมิจฉาชีพที่เป็นชาวต่างชาติด้วย ที่เจ้าหน้าที่ในงานสามารถจับกุมได้หลายราย