xs
xsm
sm
md
lg

ซีพีเท 4 หมื่น ล.ผุดนิคมฯ รุกธุรกิจเอทานอล

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ธนินท์ เจียรวนนท์
“เจ้าสัวธนินท์” ลั่นปี 53 ทุ่มงบ 4 หมื่นล้านลงทุนทั้งในและต่างประเทศ เชื่อเป็นโอกาสดีของไทยที่เปิดเขตการค้าเสรีอาเซียน-จีน ดูดการลงทุนจากต่างประเทศหากปัญหามาบตาพุดคลี่คลายและการเมืองนิ่ง เตรียมแผนลงทุนผุดโรงงานเอทานอลจากมันสำปะหลัง พร้อมเล็งเปิดนิคมอุตสาหกรรมระยองบนเนื้อที่ 4,000 ไร่ หวังดึงนักลงทุนจีนเข้ามาลงทุน ตั้งเป้ารายได้เครือซีพีปีนี้เติบโต 20% จากยอดขาย 6 แสนล้านบาท เผย เล็งซื้อที่ดินจาก บสย.ผุดโครงการอสังหาฯ

นายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานกรรมการ และประธานคณะผู้บริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์(ซีพี) เปิดเผยว่า ในปี 2553 เครือซีพีได้ตั้งงบการลงทุนทั้งในและต่างประเทศ จำนวน 40,000 ล้านบาท โดยให้ความสำคัญการลงทุนในประเทศไทย 20,000-30,000 ล้านบาท ส่วนวงเงินที่เหลือเป็นการลงทุนในต่างประเทศ ซึ่งอีก 2-3 ปีข้างหน้า สัดส่วนการลงทุนต่างประเทศจะสูงกว่าในไทย โดยเน้นการลงทุนในจีน เวียดนาม อินเดียและรัสเซีย

“ เครือฯ เน้นหนักลงทุนในไทยมากที่สุด รองลงมาคือจีน เวียดนาม อินเดีย และรัสเซีย เนื่องจากโอกาสของไทยเวลานี้ดีที่สุด แต่เมื่อไทยอิ่มตัวแล้ว เราจะไปลงทุนในต่างประเทศมากขึ้นเน้นธุรกิจอาหารและค้าปลีก ส่วน 3Gจะไม่ลงทุนในต่างประเทศ เพราะเข้าไปลงทุนได้ลำบาก ดังนั้นการทำธุรกิจ 3Gจะลงทุนในไทย “

ส่วนผลการดำเนินงานเครือซีพีในปีนี้ ได้วางเป้าหมายที่จะสร้างรายได้ทั้งในและต่างประเทศ เติบโตจากปี 52 ที่มีรายได้ 6 แสนล้านบาท ประมาณ 20% แบ่งเป็นรายได้จาก บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) (CPF) 1.65 แสนล้านบาท, บริษัท ซีพีออลล์ จำกัด (มหาชน) (CPALL) 90,000 ล้านบาท, บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (TRUE) 60,000 ล้านบาท และกลุ่มพืชครบวงจร 3.1 หมื่นล้าน นอกจากนี้ยังมีรายได้จากต่างประเทศที่เครือซีพีลงทุนอีก 14 ประเทศ

เนื่องจากมองว่าโอกาสของไทยในเวลานี้ดีที่สุด จากการเปิดเขตการค้าเสรีอาเซียน(อาฟต้า) 10 ประเทศ ทำให้ไทยสามารถส่งออกสินค้าไปยังประเทศสมาชิกโดยไม่มีภาษี และการลงนามสัญญาการค้าเสรีอาเซียนกับจีนทำให้สินค้าจากไทยกว่า 90%ส่งออกไปขายจีนไม่เสียภาษี ทำให้นักลงทุนต่างชาติหลายประเทศสนใจที่จะมาลงทุนในไทยเพื่อใช้เป็นฐานการผลิตเพื่อส่งออก เพราะไทยมีความพร้อมในเรื่องของระบบสาธารณูปโภค การขนส่งกว่าในหลายประเทศ แต่เสียดายปัญหามาบตาพุดทำให้นักลงทุนเกิดความไม่มั่นใจ คาดว่าส่งผลกระทบรุนแรงกว่าปัญหาการเมืองเสียอีก

**เปิดนิคมฯ ที่ระยองรองรับนักลงทุนจีน

นายธนินท์ กล่าวว่า เครือซีพียังมีแผนที่จะนำที่ดินที่จ.ระยองจำนวนกว่า 4,000 ไร่ มาสร้างเป็นนิคมอุตสาหกรรมรองรับนักลงทุนจีน โดยจะบริการนักลงทุนต่างชาติแบบครบวงจรแบบ One Stop Service อาทิ จดทะเบียนบริษัท ขอส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) พร้อมทั้งหาพันธมิตรร่วมทุนหากต้องการ โดยเน้นอุตสาหกรรมไฮเทค แต่ทั้งนี้คงต้องรอดูรายละเอียดข้อกฎหมายใหม่

ปัจจุบัน เครือซีพีมีที่ดินอยู่กว่า 4,000ไร่ ส่วนใหญ่อยู่ที่ จ.ระยอง ซึ่งธุรกิจปิโตรเคมีใช้พื้นที่ใน จ.ระยอง ราว 600-800 ไร่ ที่เหลือเป็นที่ดินใน จ.สุราษฎร์ธานี ขอนแก่น นครศรีธรรมราช

**เล็งผุดโรงงานเอทานอล

นายธนินท์ กล่าวต่อว่า ราคาน้ำมันที่สูงขึ้น ทำให้ทุกประเทศหันมาใช้ความสำคัญด้านพลังงานทดแทน โดยเฉพาะเอทานอลที่ทำมาจากมันสำปะหลัง และอ้อย ซึ่งซีพีอยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนทำธุรกิจเอทานอลจากมันสำปะหลัง รวมถึงศึกษาด้านกฎหมายเพื่อลงทุนสร้างโรงงานผลิตเอทานอล คาดว่าจะได้ข้อสรุปในเร็วๆนี้

สำหรับเทคโนโลยี 3 G ขณะนี้เทคโนโลยีมีราคาถูกกว่าเดิม และทรูฯ ก็มีคอนเทนท์ต่างๆออกมารองรับ ซึ่งเครือซีพีพร้อมที่จะสนับสนุนการลงทุน3G ของทรูฯ แต่หากประมูลใบอนุญาต 3G สูงก็จะส่งผลกระทบต่อผู้บริโภค ส่วนความจำเป็นในการหาพันธมิตรเข้ามาร่วมลงทุนคงมีน้อย และ ถ้าหากจะเข้ามาก็คงต้องไม่ใช่เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ โดยปีนี้ ทรู คอร์ปอเรชั่นมีแผนลงทุน 7,000ล้านบาท แบ่งเป็นการลงทุนในธุรกิจทรู มูฟ 4,000 ล้านบาท อินเตอร์เนต บรอดแบนด์ 2,500 ล้านบาท ที่เหลือเป็นทรู วิชชั่นส์ 500 ล้านบาท

**ซี.พี.อินเตอร์เทรดทุ่ม 2.8 หมื่น ล.ลุยธุรกิจข้าว

นายประสิทธิ์ ดำรงชิตานนท์ ประธานคณะผู้บริหาร บริษัท ซี.พี.เทรดดิ้ง กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า บริษัทจะลงทุนในปีนี้ประมาณ 28,000 ล้านบาท แบ่งเป็นลงทุนในธุรกิจข้าว 25,000 ล้านบาท ส่วนอีก 3,000 ล้านบาทในธุรกิจอาหารและบริการอื่นๆ ซึ่งในปีนี้วางเป้าอัตราการเติบโตกว่า 1 เท่าตัว หรือประมาณ 50,000 ล้านบาท

**ทุ่มหมื่นล้านเปิดฟาร์มหมูรัสเซีย

ในปัจจุบันซีพีมีการลงทุนใน 14 ประเทศ และล่าสุดอยู่ระหว่างลงทุนในประเทศรัสเซีย โดยเปิด 2 ธุรกิจ คือ 1.ธุรกิจผลิตอาหารสัตว์ และ ฟาร์มหมูขุนและหมูพันธุ์ คาดว่าจะสามารถสร้างรายได้ประมาณไตรมาส 4 ของปีนี้ โดยในช่วงแรกลงทุนเลี้ยงหมูประมาณ 1 ล้านตัวใช้เงินลงทุนประมาณ 10,000 ล้านบาท และคาดว่าจะใช้เวลาคืนทุนในเวลาไม่นาน เพราะประเทศรัฐเซียมีความต้องการบริโภคหมูจำนวนมากพอๆกับเยอรมัน ซึ่งในอนาคตต้องการเลี้ยงหมูเพิ่มเป็น 2 ล้านตัว และขณะนี้บริษัทซีพีเอฟอยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนโรงงานแปรรูปอาหารด้วย

** ดัน ซี.พี.แลนด์เข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ

นายสุนทร อรุณานนท์ชัย กรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานคณะผู้บริหาร กลุ่มธุรกิจและพัฒนาที่ดินและอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่า บริษัทวางแผนที่จะลงทุนพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้โดยจะใช้เงินลงทุนประมาณ 2,000 ล้านบาท ในการลงทุนโครงการอสังหาฯ (ไม่รวมที่ดิน) จำนวน 2 โครงการ คือ โครงการบ้านเดี่ยวและคอนโดมิเนียมซึ่งอยู่ระหว่างเจรจาซื้อที่ดินจากบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ยังไม่ขอเปิดเผยรายละเอียด และซื้ออาคารลิเบอร์ตี้ ถนนสีลม อีก 1 อาคารซึ่งอยู่ระหว่างการเจรจายังไม่ได้ข้อสรุป

อย่างไรก็ดี ซี.พี.แลนด์ มีแผนที่จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ภายในปีนี้ โดยให้บริษัท แอสเซท พลัส จำกัด เป็นที่ปรึกษาด้านการเงินโ ดยจะควบรวมบริษัทระหว่างซีพีแลนด์และซีพี พลาซ่า เข้าด้วยกัน เนื่องจากเป็นบริษัทที่ครอบครองสินทรัพย์ประเภทอสังหาฯ คาดว่าจะสามารถเข้าจดทะเบียนในตลาดได้ในไตรมาส 4/2553

นอกจากนี้ ยังเตรียมนำธุรกิจในประเทศจีน 2 บริษัทเข้าจดทะเบียนตลาดหุ้นฮ่องกงด้วย ได้แก่ บริษัท เจียไต๋ เอ็นเตอร์ไพรซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล (CPEI) ซึ่งดำเนินธุรกิจค้าปลีก คือ บริษัท โลตัสในประเทศจีน และบริษัท ซีพีโภคภัณฑ์ (CPP) ดำเนินธุรกิจอาหาร
กำลังโหลดความคิดเห็น