เจ้าสัวซีพี ทุ่มเม็ดเงินลงทุนปี 53 ทั้งในและต่างประเทศ 4 หมื่นล้านบาท เตรียมผุดนิคมฯ ที่ระยอง พร้อมดึงจีนลงทุน เล็งนำธุรกิจอสังหาฯ เข้าตลาดหุ้น Q4 โปรยยาหอม "ไตรรงค์" ฝีมือดี เชื่อเป็นประโยชน์ต่อ ศก.ไทย
นายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานกรรมการและประธานคณะผู้บริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) กล่าวในงานคุยกับซีอีโอว่า ในปีนี้ทางเครือซีพีตั้งเป้าเงินลงทุนทั้งในและต่างประเทศ 40,000 ล้านบาท โดยไม่เกิน 30,000 ล้านบาท เป็นการลงทุนในประเทศไทย เพราะยังคงมั่นใจว่า ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีโอกาสในการลงทุน หลังจากที่ข้อตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียนกับจีนมีผลบังคับใช้ ซึ่งจะเป็นโอกาสให้ไทยสามารถผลิตสินค้าไปขายในหลายประเทศ โดยไม่ต้องเสียภาษี ส่วนการลงทุนในต่างประเทศจะเน้นในอีก 2-3 ปีข้างหน้า คือ จีน เวียดนาม อินเดีย และรัสเซีย ในกลุ่มธุรกิจอาหารและค้าปลีก
อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยต้องดูแลให้การเมืองนิ่ง เพื่อสร้างบรรยากาศการลงทุน และขอให้ทุกกลุ่มการเมืองสามัคคีกัน ทางกลุ่มซีพีมองทุกอย่างเป็นเรื่องดี เห็นโอกาสการลงทุนอยู่เสมอ ดังนั้นจะไม่ถอยหรือลดการลงทุนในไทยอย่างแน่นอน โดยคาดว่าปีนี้รายได้ของเครือซีพีจะโตร้อยละ 20 จากรายได้ปี 2552 ประมาณ 400,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ เจ้าสัวธนินทร์ ยังเห็นว่า การที่นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองนายกรัฐมนตรี เข้ามาดูแลงานด้านเศรษฐกิจ จะเป็นผลดี เพราะเป็นผู้มีฝีมือ มีความรู้ความสามารถ และประสบการณ์สูง ดังนั้น จึงเชื่อว่าจะเข้ามาเสริมทัพรัฐบาลได้ และเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาประเทศ
“วันนี้ประเทศไทยเหมือนเป็นไข้หวัดใหญ่ แต่เชื่อว่าอีกไม่นานก็หาย ทางเครือซีพีไม่ถอยการลงทุนในเมืองไทย เพราะเห็นว่าไทยเป็นประเทศที่น่าลงทุน หากมัวคิดถึงเรื่องการเมือง ทางเครือซีพีคงไม่กล้าไปลงทุนในจีน โดยทางซีพียึดหลักกำไรน้อย ขายมาก เท่ากับกำไรมาก”
นายธนินท์ กล่าวด้วยว่า ขณะนี้กำลังชักชวนนักลงทุนจากจีนให้เข้ามาร่วมลงทุนในไทย โดยกำลังพัฒนาพื้นที่อุตสาหกรรมในจังหวัดระยองที่มีกว่า 4,000 ไร่ ให้เป็นพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม โดยจะมีบริการด้านการลงทุนอย่างครบวงจร เป็นลักษณะวันสต็อปเซอร์วิส เน้นอุตสาหกรรมที่ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม รวมทั้งเครือซีพีสนใจที่จะร่วมประมูลการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ในระบบ 3 จี ภายใต้หลักเกณฑ์ว่า รัฐบาลจะต้องให้สิทธิ์และหลักเกณฑ์ผู้ร่วมประมูลทุกรายอย่างเท่าเทียมกัน เพราะมองเห็นโอกาสในการลงทุนธุรกิจ 3 จี เพราะยังมีต้นทุนต่ำ
นอกจากนี้ ทางซีพีจะนำบริษัท ซีพีพี จำกัด (มหาชน) เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง ซึ่งมีมูลค่ามาร์เก็ตแคปประมาณ 100,000 ล้านบาท หลังจากที่บริษัทเจียไต๋ เอ็นเตอร์ไพรซ์ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงอยู่แล้ว
นายธนินท์ ยังกล่าวด้วยว่า ราคาสินค้าเกษตรจะปรับเพิ่มขึ้นแน่นอน โดยเฉพาะมันสำปะหลัง ยางพารา อ้อยและปาล์มน้ำมัน ซึ่งรัฐบาลจะต้องพัฒนาระบบชลประทานเพื่อเพิ่มผลผลิตสินค้าเกษตรให้ได้มากขึ้น ซึ่งจะผลักดันทำให้เกษตรกรมีรายได้มากขึ้น และทางซีพีเองก็สนใจลงทุนในธุรกิจพลังงานทดแทน โดยการผลิตเอทานอล ซึ่งกำลังศึกษาเรื่องดังกล่าวอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งมันสำปะหลัง