xs
xsm
sm
md
lg

ปาฏิหาริย์ “รักต่างพันธุ์”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ถอดรหัสซูเปอร์กฐิน อุ้มสม “ยี้ห้อย” เจาะไข่แดงแดนสะตอ
ประกาศชัด“เทือก” จับมือ “เนวิน”ไร้เทียมทาน


“วันนี้สุเทพจับมือกับเนวิน จะไม่มีใครสามารถเอาชนะได้”

นั่นคือคำพูดที่ “นายสุเทพ เทือกสุบรรณ” รองนายกรัฐมนตรี แห่งรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ประกาศอย่างเต็มปากเต็มคำเมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2552 ในงานทอดกฐินที่วัดบ่อกรัง อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี ที่มีนายแทน เทือกสุบรรณ ประธานบริษัท ศรีสุบรรณฟาร์ม บุตรชายนายสุเทพ กับนางศรีสกุลเป็นประธาน

แน่นอน ที่ผ่านมาคงไม่มีใครกล้าปฏิเสธความเป็น “ผู้มีบารมี” ของอดีตกำนันตำบลท่าสะท้อนผู้นี้ได้ เพราะสาธารณชนรับรู้กันว่า เขาคือ “ผู้จัดการรัฐบาล” เขาคือผู้ที่ทำให้นายอภิสิทธิ์ได้เป็นนายกรัฐมนตรี

ทว่า ปรากฏการณ์ทอดกฐินที่เกิดขึ้นในวันที่ 11 ตุลาคม 2552 ได้ตอกย้ำถึงความเป็น “นายกฯ ตัวจริง” ของนายสุเทพ ตอกย้ำถึงความเป็นผู้ทรงอำนาจตัวจริงแห่งประเทศไทยได้เป็นอย่างดี เพราะเป็นงานทอดกฐินที่เต็มไปด้วย “ผู้ยิ่งใหญ่แห่งเมืองไทย” ไปร่วมงานคับคั่ง และสะท้อน “ความจริง” ของการเมืองไทยได้เป็นอย่างดี

“เนวิน-ธนินท์” พลังของเทพเทือก

หากทอดสายตาพินิจพิเคราะห์ผู้ยิ่งใหญ่ที่ไปร่วมงานกฐินแห่งชาติในครั้งนี้ จะเห็นว่าล้วนแล้วแต่ไม่ธรรมดาทั้งสิ้น เริ่มตั้งแต่ “เสี่ยหนู-อนุทิน ชาญวีรกูล” แห่งซิโนไทย ลูกรักของ “ชวรัตน์ ชาญวีรกูล” รมว.มหาดไทย ผู้เป็นถุงเงินถุงทองของก๊กน้ำเงิน นายโสภณ ซารัมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.พงศพัศ พงษ์เจริญ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.ไถง ปราศจากศัตรู ผบช.ก. พร้อมแม่เลี้ยงติ๊ก-นางศิริวรรณ ปราศจากศัตรู อดีตที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายนิพนธ์ พร้อมพันธุ์ อดีตเลขาธิการนายกรัฐมนตรี พี่ภรรยานายสุเทพ พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ผบช.ภาค 8 และหัวหน้าส่วนราชการในจังหวัดสุราษฏร์ธานีร่วมงานอย่างคับคั่ง

นอกจากนั้น คืนวันสุกดิบก่อนทอดกฐินยังปรากฏเงาของนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ มาร่วมสมโภชกฐินอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม งานนี้ แขกรับเชิญที่สร้างความฮือฮามีอยู่ 2 คนด้วยกัน

คนแรกคือ นายเนวิน ชิดชอบ เจ้าของพรรคภูมิใจไทย(ภท.) ตัวจริง

คนที่สองคือ นายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานกลุ่มบริษัทเครือเจริญโภคภัณฑ์ หรือซีพี ที่ถึงขนาดลงทุนขึ้นเครื่องบินส่วนตัวเดินทางไปร่วมทอดกฐินพร้อมกับลูกเขยคือนายวีระชัย วีระเมธีกุล

เรียกว่า “คณะอดีตผู้ต้องหาคดีกล้ายาง” พร้อมใจกันมาร่วมทำบุญร่วมชาติตักบาตรร่วมขันกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา

แถมท้ายด้วยอีก 2 คนที่ไม่น่าเชื่อว่าจะไปได้ นั่นคือ พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รักษาการผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่ควงคู่ไปพร้อมกับ พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพราะถ้าจะว่าไปแล้วทั้ง 2 คนก็ไม่น่าจะไปร่วมงานนี้ได้ เนื่องจากไม่ได้อยู่ในฝ่ายที่นายสุเทพให้การสนับสนุน ซึ่งนั่นแสดงให้เห็นถึงความเป็นนายกฯ ตัวจริงของนายสุเทพได้เป็นอย่างดี

ส่วนคนบ้านเดียวกันอย่าง “นายบัญญัติ บรรทัดฐาน” ที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ได้มาร่วมงานแต่อย่างใด ซึ่งตรงนี้เป็นจุดที่น่าตั้งคำถามอยู่ไม่น้อยว่าในฐานะเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ เหตุอันใดจึงไม่ปรากฏกายผู้หลักผู้ใหญ่ของพรรคประชาธิปัตย์มาร่วมงานทอดกฐินของนายสุเทพ

การปรากฏตัวของนายเนวินในวันนั้นถือว่าไม่ธรรมดาอย่างยิ่ง เพราะทันทีที่นายเนวินและนายโสภณลงจากรถ ก็เดินตรงเข้าไปทักทายกับนายสุเทพ จากนั้นนายสุเทพได้กล่าวปราศรัยว่า

“ พี่น้องชาวสุราษฎร์ธานี ได้เห็นนายเนวิน ก็ฮือฮามาก เพราะผมและเนวินเป็นคู่ต่อสู้ทางการเมืองมาตลอด สู้กันรุนแรงมาก จนทำให้ผู้สนับสนุนทั้ง 2 ฝ่ายไม่พอใจฝ่ายตรงข้ามไปด้วย แต่วันนี้ที่ผมและนายเนวินมาจับมือกันไม่ใช่เพื่อประโยชน์ของใคร แต่เพื่อแก้วิกฤตการณ์ของประเทศ และนายเนวินก็เป็นกำลังสำคัญให้จัดตั้งรัฐบาลได้ ดังนั้น วันนี้สุเทพจับมือกับเนวิน จะไม่มีใครสามารถเอาชนะได้ แต่หากถ้าแพ้ขึ้นมาขอแนะให้คุณเนวินไปกระโดดน้ำเสีย ส่วนผมยังอยู่”

นอกจากนั้นระหว่างพิธีทอดกฐิน นายสุเทพกับนายเนวินนั่งชิดคู่กันตลอด บางช่วงมีการพูดคุยหัวเราะกันอย่างชื่นมื่น โดยถึงช่วงพิธีพระสงฆ์สวดอุทิศส่วนกุศล นายสุเทพได้ใช้มือขวาถือขวดทองเหลืองจะเทกรวดน้ำโดยใช้มือซ้ายรองน้ำ นายเนวินกำลังจะยื่นมือเข้าไปรองน้ำด้วยกัน 2 คน แต่พอหันมาเห็นสื่อมวลชนตั้งกล้องจะถ่ายภาพ นายเนวินได้อมยิ้ม และเปลี่ยนมาใช้มือไปแตะที่ขาข้างขวาของนายสุเทพแทน

ภาพที่ปรากฏและคำพูดของนายสุเทพเสมือนหนึ่งเป็นการประกาศความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของขั้วอำนาจกลุ่มใหม่ของประเทศไทย ซึ่งสร้างความสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไปทั้งแผ่นดิน โดยเฉพาะวรรคทองที่ว่า “วันนี้สุเทพจับมือกับเนวิน จะไม่มีใครสามารถเอาชนะได้”

เสมือนหนึ่งประกาศว่า ประเทศไทยมีวันนี้ได้ ด้วยพระคุณอันยิ่งใหญ่ของ “นายสุเทพและนายเนวิน”

เสมือนหนึ่งประกาศว่า แผ่นดินไทยวันนี้มีผู้ยิ่งใหญ่อยู่ 2 คนคือนายสุเทพกับนายเนวินเท่านั้น

และเสมือนหนึ่งต้องการประกาศว่า พรรคร่วมรัฐบาลยังคงเหนียวแน่น แต่มิอาจไม่พึ่งพานายสุเทพกับนายเนวินได้

หากพิจารณาการประกาศของนายสุเทพแล้วย้อนกลับไปดูพฤติกรรมที่เกิดขึ้นในอดีตก็จะพบว่า เป็นจริง โดยเฉพาะกรณีของการเช่าซื้อรถเมล์ NGV จำนวน 4,000 คันที่ประชาธิปัตย์ค้านหัวชนฝาตอนเป็นฝ่ายค้าน ที่สุดท้ายก็จบลงด้วยการที่ครม. ยินยอมให้ภูมิใจไทยเดินหน้าต่อไปได้ ตามติดมาด้วยอีกสารพัดโครงการอย่างถนนปลอดฝุ่น การแต่งตั้งโยกย้ายผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ...ก็ล้วนแล้วแต่เสร็จภูมิใจไทยทั้งสิ้น

ขณะที่การปรากฏตัวของเจ้าสัวธนินท์ก็ถือว่าไม่ธรรมดาเช่นกัน เพราะเจ้าสัวไม่ได้ออกงานด้วยตัวเองง่ายๆ เยี่ยงนี้มานานแล้ว แถมยังนั่งเครื่องบินส่วนตัวมาพร้อมกับลูกเขยอีกต่างหาก ดังนั้น จึงต้องบอกว่าบารมีของนายสุเทพนั้นใหญ่คับประเทศไทยจริงๆ

แน่นอนว่า การปรากฏตัวของเจ้าสัวธนินท์มีนัยทางการเมืองที่สำคัญยิ่ง 2 นัยด้วยกัน

นัยแรกนั้น เสมือนการประกาศตัวกลายๆ ด้วยว่า เขาและซีพีคือนายทุนผู้ให้การสนับสนุนนายสุเทพและนายเนวินในการทำงานทางการเมือง

ส่วนนัยที่สอง มีความเชื่อมโยงกับโครงการยักษ์ใหญ่โครงการหนึ่งที่หลายฝ่ายกำลังช่วงชิงเม็ดเงินมหาศาลก้อนนี้ นั่นก็คือ การเปิดประมูลให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบ 3 จี ซึ่งเครือซีพีก็เป็นหนึ่งในกลุ่มที่ต้องการหยิบชิ้นปลามันก้อนนั้น

การออกมาแสดงความคิดเห็นอย่างดุเดือดของ “ศุภชัย เจียรวนนท์” ประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น คือสิ่งที่พิสูจน์ท่าทีของเครือซีพีได้เป็นอย่างดี ดังนั้น การสานสัมพันธ์กับกลุ่มขั้วอำนาจใหม่ “สุเทพ-เนวิน” จึงอาจจะเป็น “ไพ่ใบสุดท้ายที่คือซีพีเลือกก็เป็นได้ ซึ่งคงต้องพิสูจน์กันต่อไปว่า สุดท้ายเรื่องจะจบลงเช่นไร

ชี้ “เทือก-เนวิน”สร้างขั้วอำนาจใหม่

ต่อปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น รศ.ดร.พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต รองคณบดี ฝ่ายวิชาการ คณะพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) ให้ความเห็นว่า ขณะนี้นายเนวินกำลังสร้างอิทธิพลทางการเมือง เพราะเขาได้หลุดจากคดีความต่าง ๆที่เป็นเงื่อนไขไปแล้ว เขาก็สามารถที่จะขยายอิทธิพลด้วยการจับมือกับนายสุเทพ เพราะเป็นคนประเภทเดียวกัน เนื่องจากนายสุเทพ และนายเนวินมีวิธีคิดทางการเมืองแบบเก่า ๆ เหมือนกัน คือมุ่งที่จะได้เสียงในสภาผู้แทนราษฎรมากที่สุดเพื่อจัดตั้งรัฐบาล

แต่เมื่อได้จัดตั้งรัฐบาลแล้วการกระทำที่ตามมา มีคำถามว่า จะเพื่อประโยชน์ของตัวเองที่จะกระชับอำนาจของตัวเอง หรือกระทำเพื่อสังคมมากกว่ากัน แต่เท่าที่สังคมได้ประเมินนายสุเทพ และนายเนวินอาจจะมีแนวโน้มไปที่ประการแรก คือรักษาผลประโยชน์ของตัวเองมากกว่าประการหลัง เหมือนกับนายสุเทพ และนายเนวิน สร้างกลุ่มก้อนกลุ่มใหม่เพื่อจะใช้ในการต่อรองทางการเมือง

ทั้งนี้ การกระทำร่วมกันของนายเนวินและนายสุเทพ เป็นการประทำที่แปลกแยกจากคนส่วนใหญ่ในพรรคประชาธิปัตย์ เพราะส.ส.ประชาธิปัตย์จำนวนหนึ่งก็มีทิศทางหรืออุดมการณ์ทางการเมืองที่แตกต่างกัน โดยเฉพาะนายอภิสิทธิ์ เวชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ก็มีวิธีคิดที่แตกต่างจากนายเนวินกับนายสุเทพแบบคนละขั้ว หรือผู้อาวุโสในพรรคประชาธิปัตย์อย่างนายชวน หลีกภัย ประธานที่ปรึกษาพรรค และนายบัญญัติ บรรทัดฐาน กรรมการสภาที่ปรึกษาพรรคก็มีความคิดที่แตกต่างเช่นกัน

คำถามที่ตามาก็คือ ผู้หลักผู้ใหญ่ของประชาธิปัตย์ไม่พอใจพฤติกรรมของนายสุเทพใช่หรือไม่?

หรือกำลังมีความร้าวฉานเกิดขึ้นในพรรคเก่าแก่แห่งนี้ ดังเช่นที่เคยเป็นมาในอดีต?

หรือไม่มีอะไรเกิดขึ้น เป็นเพียงการแบ่งแยกหน้าที่ในการทำงานเพื่อรักษารัฐบาลและรักษาภาพลักษณ์ของพรรคเท่านั้น

รศ.ดร.พิชายให้ความเห็นต่อเรื่องนี้ว่า กรณีของนายเนวินและนายสุเทพ อาจจะถึงขั้นสร้างความขัดแย้งในพรรคประชาธิปัตย์ได้ จากความแตกต่างในอนาคต มีความเป็นไปได้ หากมีการรวบรมกลุ่มก้อน รวบรวมส.ส.โดยเฉพาะในพรรคประชาธิปัตย์เอง นายสุเทพ กับนายเนวินก็มีสิทธิที่จะมารวมกันจะเป็นพรรคการเมืองพรรคใหม่ หรือดึงนายสุเทพมาอยู่ในพรรคภูมิใจไทยก็เป็นไปได้ นายกรัฐมนตรี คงจะต้องอยู่อย่างระทึก จากความขัดแย้ง จุดสมดุลและอำนาจ ที่จะประคองสถานการณ์ หากนายกฯไม่กล้าหักด้ามพร้าด้วยเข่า ให้นายสุเทพออกไปด้วยความเกรงใจที่เคยทำงานมาด้วยกันในอดีต

การประกาศตัวผ่านสาธารณะของนายเนวินกับนายสุเทพเช่นนี้ เหมือนกับว่า นายสุเทพไม่แคร์ประชาชนทั้งในพื้นที่ซึ่งเป็นฐานเสียงของพรรคประชาธิปัตย์ ไม่แคร์สายตาประชาชนที่ลงคะแนนเสียงให้พรรคประชาธิปัตย์ เพราะประชาชนในพื้นที่จำนวนมาก เขายังจำถึงประวัติและภาพลักษณ์ของนายเนวินอย่างติดตา การเปิดเผยออกมาเช่นนี้ ว่ามีความใกล้ชิดกับนายเนวิน ทำให้นายสุเทพกลายเป็นคนที่ไม่แคร์ความรู้สึกของสาธารณะ แต่นายสุเทพกลับแคร์การรักษาฐานอำนาจมากกว่า

“การประกาศผ่านสาธารณะเช่นนี้อาจทำให้ในอนาคตพรรคภูมิใจไทยกับส.ส.ฟากนายสุเทพ ร่วมมือกันอย่างใกล้ชิด ตรงนี้โชคร้ายก็จะมาอยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ทั้งพรรคแน่นอน แต่อีกด้านหนึ่งหากนายสุเทพออกจากพรรคประชาธิปัตย์ จะเป็นการจบชีวิตทางการเมืองในภาคใต้ คือตัดอนาคตของตัวเอง ซึ่งก็มีความเป็นไปได้ แต่นายสุเทพก็อาจจะต้องชั่งใจ เพราะยังต้องอาศัยชื่อพรรคประชาธิปัตย์เป็นการค้ำประกัน ดังนั้นจับตาดูว่าการต่อสู้ในพรรคประชาธิปัตย์จะเริ่มเข้มข้นและรุนแรงขึ้น การตัดสินใจของนายสุเทพ คิดว่าอาจจะมองผลประโยชน์ของตัวเองได้เฉพาะหน้า ไม่มองผลประโยชน์ระยะยาว เพียงต้องการมุ่งเสริมฐานอำนาจอย่างเบ็ดเสร็จ”รศ.ดร.พิชายวิเคราะห์

ขณะที่ ศ.ดร.สมบัติ ธำรงธัญวงศ์ อธิการบดีสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า)แสดงความคิดเห็นว่า การประกาศของนายสุเทพต่อพี่น้องชาวใต้ว่า เป็นคู่หูดูโอกับนายเนวิน ชิดชอบ อันนี้เป็นความเป็นจริงทางการเมืองไทย เพราะเมื่อร่วมรัฐบาลกัน ถ้าไม่สนับสนุนซึ่งกันและกัน รัฐบาลผสมอยู่รอดยาก พอมีผลประโยชน์ร่วมกัน ก็ต้องพยายามสนับสนุนกันและกัน การที่นายสุเทพแสดงความใกล้ชิดกับนายเนวิน แสดงให้สื่อมวลชนเห็นว่าทั้ง 2 พรรคมีความหนักแน่นมั่นคง คนสำคัญทั้ง 2 พรรคร่วมจับมือกันได้โอกาสที่พรรคร่วมจะมั่นคงก็มีสูง

“ในความเป็นจริงต้องยอมรับว่า พรรค ปชป. ไม่สามารถตั้งรัฐบาลพรรคเดียวได้ จึงต้องเลือกเอาระหว่างพรรคเพื่อไทย(พท.) เป็นรัฐบาลโดยมีพรรค ภท. สนับสนุน หรือว่าให้ปชป. เป็นรัฐบาลแล้วมี ภท. สนับสนุน ประชาชนต้องรู้ว่าหากวันนี้พรรคปชป. ไม่มีพรรค ภท. ก็ไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ ตัวคุณอภิสิทธิ์ต้องมีภาพลักษณ์ขาวสะอาดมีจุดยืน เพื่อเป็นเสาหลักของพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) แต่นายกฯ ไม่สามารถใช้อำนาจบารมีของตัวเองได้เหมือนอย่างพ.ต.ท.ทักษิณ เพราะว่าคนที่จะเป็นนายกฯต้องอาศัยปัจจัยหลายอย่างทั้งเงิน อำนาจ บารมี ความรู้ ซึ่งคุณสุเทพมีสิ่งสำคัญที่คุณอภิสิทธิ์ขาด เลยต้องเอามาผสมในส่วนที่ขาดของกันและกัน จึงทำให้พรรคปชป. เป็นพรรคที่ขึ้นอยู่กับคนหลายคนไม่ใช่คนเพียงคนเดียว ดังนั้นการบริหารพรรคจึงต้องพึ่งพากันและกัน”ศ.ดร.สมบัติให้ความเห็น

ด้าน รศ.สิริพรรณ นกสวน สวัสดี อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แสดงความเห็นว่า นายอภิสิทธิ์มีภาพลักษณ์ที่ต้องสงวนความเป็นมิสเตอร์คลีน ไม่แตะต้องเรื่องสกปรก หรือเอาตัวไปใกล้ชิดกับนายเนวินอย่างชัดเจน ซึ่งตรงนี้นายสุเทพทำได้ และคิดว่านายอภิสิทธิ์ไม่ได้มีปัญหาตรงนี้ แต่อาจจะหรี่ตาข้างหนึ่ง

“สังคมเมืองไทยเป็นแบบนี้มานานพอสมควร ตั้งแต่ระดับสูง ระดับกลาง ระดับล่าง คือคนที่ใช้อำนาจจริงๆ อยู่เบื้องหลังเยอะมาก การเมืองไทยเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า การเมืองตัวแทน เป็นธรรมเนียมปฏิบัติมา อย่างพรรคเพื่อไทย (พท.)ใครมีอำนาจ คือคนโฟนอิน คนที่เข้ามาไม่ว่าจะเป็น ร.ต.อ. เฉลิม อยู่บำรุง พล.อ. ชวลิต ยงใจยุทธ ไม่มีอำนาจตัดสินใจ มันเป็นการเมือง 2 มาตรฐาน”

“ส่วนเรื่องการประกาศการเป็นคู่หูดูโอของคุณสุเทพ กับคุณเนวิน แล้วบอกว่าจะชนะ คิดว่าส่งสัญญาณไปถึงหลายคน แต่ประการแรกคิดว่าคงจะพูดให้ฮึกเหิม ก็ต้องบอกว่าจะชนะ แต่นัยที่ซ่อนมากกว่านั้นมองถึงการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นครั้งหน้า คือจะไม่มีพรรคใดพรรคเดียวที่มีเสียงข้างมากแล้วจะจัดตั้งรัฐบาลได้ เพราะฉะนั้นต้องมีพรรคผสมแน่นอน ตัวแปรสำคัญจึงอยู่ที่พรรคภูมิใจไทย(ภท.) จับคู่กับพรรคไหนก็เป็นรัฐบาล ประการที่สองคุณอภิสิทธิ์อยากรักษาภาพคุณชายภาพสะอาดเอาไว้ ให้คุณสุเทพทำงานตรงนี้ ซึ่งต้องยอมรับว่ารัฐบาลนี้เกิดขึ้นได้เพราะคุณสุเทพ ดังนั้นการจับคู่ดูโอ ครั้งนี้ น่าจะใช้อำนาจคู่ผ่านคุณสุเทพ ในเรื่องที่อภิสิทธิ์ไม่อยากเกลือกกลั้ว”

รศ.สิริพรรณวิเคราะห์ต่อว่า ถ้ามีการเลือกตั้ง พรรคปชป.จะกวาดพื้นที่ในภาคใต้ แล้วก็คงให้นายเนวินสู้กับพรรคพท.ในภาคอีสาน ซึ่งพรรคปชป. เจาะไม่ได้ อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าพรรคภท. สามารถพลิกขั้วได้เสมอ ดังนั้นการประกาศว่าเป็นคู่หูดูโอ คงเป็นแบบเฉพาะกิจชั่วคราว ตราบที่ผลประโยชน์สมกันทั้งสองฝ่าย เชื่อว่าหากนายเนวิน เห็นว่าพรรคปชป.ถูกโจมตีหนักทั้งปัญหาทุจริต คอร์รัปชั่นต่างๆ นายเนวินก็พร้อมที่จะไปอยู่เพื่อไทยและบอกว่าเพื่อแก้วิกฤติของชาติ และสถาบัน ดังนั้นภาพที่เห็นมันจึงเป็นการสร้างบรรยากาศความชื่นมื่น ก็คงจะอยู่อย่างรู้ ถ้าผลประโยชน์ ตกลงกันได้

*******

...สุดท้ายหากกล่าวถึงนายสุเทพแล้ว ต้องบอกว่า เขาคือคนที่ทำให้รัฐบาล “นายชวน หลีกภัย” ล้มอย่างไม่เป็นท่าจากคดีสปก.4-01

แต่ประชาธิปัตย์ก็ไม่เคยเข็ดกับพฤติกรรมที่ผ่านมาของนายสุเทพ แถมยังยกย่องให้เป็นผู้จัดการรัฐบาล พร้อมยกตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงในรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ให้อีก

ถามว่ามีเบื้องหน้าหรือเบื้องหลังอะไรไหม?

ตอบได้ทันทีเลยว่าไม่มี เหตุที่ปชป.ใช้บริการของนายสุเทพมีเพียงประการเดียวคือ ต้องการให้นายสุเทพหาเงินหาทองให้กับพรรค....เพียงเท่านั้นจริงๆ

สุดท้าย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีโดยตำแหน่ง คงทำได้แค่เฝ้ามองดูด้วยหัวใจที่บอบช้ำ เพราะตกอยู่ในภาวะน้ำท่วมปากด้วยบุญคุณของ “นายสุเทพ-และนายเนวิน” ที่บันดาลให้ประชาธิปัตย์ได้เป็นรัฐบาล บันดาลให้นายอภิสิทธิ์ได้เป็นนายกรัฐมนตรี ส่วน “ประเทศชาติและประชาชน” จะเป็นอย่างไร ช่างมัน

แต่สิ่งที่นายอภิสิทธิ์และพรรคประชาธิปัตย์ต้องจับตาอย่างใกล้ชิดด้วยใจที่ระทึกก็คือ นับจากนี้เป็นต้นไป นายสุเทพจะนำพาพรรคประชาธิปัตย์เดินทางไปสู่หุบเหวที่มืดมนอนธการอีกครั้งเมื่อไหร่.....และคราวนี้จะยาวนานแค่ไหน....และเมื่อถึงวันนั้น จะเป็นไปได้หรือไม่ว่า อดีตกำนันตำบลท่าสะท้อนผู้นี้จะขนบริวารว่านเครือย้ายไปจับมือกับนายเนวินและ “ขุนทหาร” ที่ต้องการเป็น “ป๋า2” เพื่อสร้าง “ขั้วอำนาจใหม่” ให้สมบูรณ์ตามความฝันของตัวเอง

(จากซ้ายไปขวา) นายวีระชัย วีระเมธีกุล นายโสภณ ซารัมย์ นายเนวิน ชิดชอบ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ นายธนินท์ เจียรวนนท์ นายอนุทิน ชาญวีรกุล พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ



กำลังโหลดความคิดเห็น