xs
xsm
sm
md
lg

กนอ.จี้รัฐกำหนดแผนให้ชัด อุตฯ เหมาะลงทุนเซาท์เทิร์น

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

กนอ.แนะรัฐบาลความชัดเจนประเภทอุตสาหกรรมที่จะลงทุนในเซาท์เทิร์นซีบอร์ดก่อนที่จะพัฒนาพื้นที่รองรับ หวั่นพัฒนาไปแล้วขายไม่ออก

นางมณฑา ประณุทนรพาล ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เปิดเผยว่า กนอ.ได้สรุปผลการศึกษาแนวทางการพัฒนาพื้นที่ชายฝั่งทะเลภาคใต้ (เซาท์เทิรน์ซีบอร์ด) ให้กับกระทรวงอุตสาหกรรมแล้ว โดยยอมรับว่าไม่คุ้มค่ากับการพัฒนา เนื่องจากประชาชนในพื้นที่ยังไม่ยอมรับ ประกอบกับรัฐบาลยังไม่มีความชัดเจนเกี่ยวกับประเภทอุตสาหกรรมที่จะส่งเสริมให้เข้าไปลงทุนในพื้นที่ดังกล่าว ดังนั้น จึงเห็นว่ารัฐบาลควรจะกำหนดประเภทกิจการที่จะส่งเสริมก่อนแล้วจึงศึกษาแนวทางการพัฒนาพื้นที่ซึ่งจะเกิดประสิทธิภาพสูงสุดและไม่สิ้นเปลืองงบประมาณ

“เห็นว่าหากพัฒนาพื้นที่ไปแล้วไม่ชัดเจนว่าจะมีลูกค้าเข้าไปลงทุนหรือไม่ ก็จะเป็นการพัฒนาโดยสิ้นเปลืองงบประมาณ ดังนั้น คงจะต้องรอนโยบายจากรัฐบาลก่อน ซึ่งขณะนี้ได้มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.) ศึกษาความเหมาะสมกิจการที่จะส่งเสริมการลงทุนอยู่ คงจะต้องรอตรงนี้”นางมณฑากล่าว
ก่อนหน้านี้ กนอ.ได้ว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษาตามนโยบายกระทรวงอุตสาหกรรมที่สั่งให้ดำเนินการให้สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลที่ต้องการหาพื้นที่ใหม่รองรับการลงทุนในระยะยาว เนื่องจากเล็งเห็นว่าพื้นที่ชายฝั่งทะเลภาคตะวันออก (อีสเทิร์นซีบอร์ด) เริ่มเต็ม โดยเฉพาะพื้นที่นิคมฯ มาบตาพุด ซึ่งปรากฏว่ามีการศึกษาทั้งสิ้น 5 พื้นที่ ประกอบด้วย พื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ,กระบี่ ,ภูเก็ต,พังงา และสุราษฎธานี

ผลการศึกษาสรุปจังหวัดเหมาะสมสุด คือ นครศรีธรรมราชใน 3 พื้นที่ คือ พื้นที่บริเวณบ้านคอเขา ตำบลทุ่งปรัง อำเภอสิชล ,พื้นที่บริเวณบ้านบางสาน ตำบลกลาย อำเภอท่าศาลา และพื้นที่บริเวณตำบลแก้วแสน อำเภอนาบอน ซึ่งจะต้องใช้เงินพัฒนาขั้นต้น 2-4 หมื่นล้านบาท แต่หากพัฒนาเต็มที่จะสูงนับแสนล้านบาท โดยเมื่อเปิดเวทีรับฟังความเห็นจากประชาชนในพื้นที่ไม่เป็นที่ยอมรับ เนื่องจากมีการกำหนดเป้าหมายอุตสาหกรรมเกี่ยวกับปิโตรเคมีและพลังงานประกอบเข้าไปด้วย ซึ่งต่อมารัฐบาลได้มีการทบทวน เนื่องจากมีเรื่องของกรณีการปฏิบัติตามมาตรา 67 วรรค 2 ของรัฐธรรมนูญปี 2550 ว่าด้วยการดูแลสิ่งแวดล้อมและสุขภาพชุมชน ดังนั้น เมื่อพิจารณาเม็ดเงินที่จะพัฒนาแค่ระยะแรกก็จะไม่คุ้มค่ากับการลงทุน หากไม่สามารถกำหนดประเภทอุตสาหกรรมเป้าหมายได้

นางมณฑากล่าวว่า ภาพรวมการลงทุนใช้พื้นที่นิคมฯ ในปีงบประมาณ 2552 (ต.ค.2551-ก.ย.2552) มีการใช้พื้นที่นิคมฯ ร่วมดำเนินงาน และนิคมฯ ที่กนอ. ดำเนินงานเอง รวม 1,306.88 ไร่ จำนวนผู้ประกอบการ 110 ราย ซึ่งเป็นอัตราการขายที่ชะลอตัวลงอย่างมากเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2551 ที่ขายและให้เช่าได้รวม 3,864 ไร่ จำนวนผู้ประกอบการ 204 ราย เนื่องจากปัจจัยเศรษบกิจโลก การเมืองในไทยและอัตราแลกเปลี่ยน โดยปี 2553 กนอ.ตั้งเป้าหมายที่จะขายและเช่าพื้นที่ได้ไม่ต่ำไปกว่าปี 2552 และหวังว่าจะมีรายได้ที่สูงขึ้น 5%

“มีผู้ประกอบการที่สนใจและอยู่ระหว่างการตัดสินใจลงทุนในไตรมาสที่ 1 ราว 10-15 ราย คาดว่าจะมีเงินลงทุนรวม 3,000-4,000 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่เป็นอุตสาหกรรมกลุ่มไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิคส์ ชิ้นส่วนยานยนต์และพลังงานทดแทน โดยกลุ่มเป้าหมายหลัก คือ ญี่ปุ่น ไต้หวัน จีน และ สิงคโปร์” นางมณฑากล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น