ASTVผู้จัดการรายวัน- เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ฯ หวังปี 53 ฟื้นตัวตามเศรษฐกิจ หลังปี 52 พลาดเป้า คาดรายได้ไว้ 1,300-1,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐพร้อมประคองตัวเลขกำไรไม่ได้ตกจากปีก่อน เตรียมเพิ่มไลน์การผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ดันรายได้โต เชื่อผลิตภัณฑ์หลากหลายครอบคลุมทุกธุรกิจจะลดความเสี่ยง หลังเกิดวิกฤตรับออร์เดอร์สินค้าแบบไม่เลือก ขณะที่ไตรมาส 4 ปี 52 มั่นใจโตต่อเนื่องจากไตรมาส 3
นายอนุสรณ์ มุทราอิศ กรรมการบริหาร บริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ DELTA เปิดเผยว่าผลงานไตรมาส 4 ปี 52 ที่กำลังจะปิดงบลงนั้นคาดว่าจะดีกว่าไตรมาส 3 ที่บริษัททำกำไรไว้ 670 ล้านบาทและยอดขาย 6,911 ล้านบาท ต่ำกว่างวดเดียวกันในปี 51 เมื่อเทียบกับปี 51 อันเป็นผลจากยอดขายลดลงผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่เพิ่มมีสัญญาณการฟื้นตัวหลังได้รับผลกระทบวิกฤตทางการเงินที่เกิดขึ้นเมื่อปี 51 ต่อเนื่องมา ทำให้ความต้องการสูงในผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ ส่วนยอดขายรวมลดลงในไตรมาสสามปีนี้ส่วนใหญ่เกิดจากกลุ่มผลิตภัณฑ์เพาเวอร์ซัพพลายเพื่อการบริโภค รวมทั้งกลุ่มผลิตภัณฑ์ DES แต่กำไรขั้นต้นปรับสูงขึ้น บวกกับการควบคุมค่าใช้จ่ายทำให้ผลงานเติบโตก้าวกระโดด
" ไตรมาส 4 ถือว่าดีขึ้นจากไตรมาส 3 ตามลำดับ เห็นได้จากออร์เดอร์ที่มีเข้ามาอย่างต่อเนื่องแต่ยังไงผมเชื่อว่าตัวเลขยอดขายของเราจะอยู่ที่ 800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ พลาดจากเป้าที่เราตั้งไว้ แต่ผมถือว่าดีขึ้นแล้ว หลังจากที่รัฐบาลหลายประเทศอัดเม็ดเงินเพื่้อการฟื้นเศรษฐกิจและมองเห็นภาพชัดเจนขึ้น " นายอนุสรณ์กล่าว
อย่างไรก็ดีภาพรวมของปี 52 ก็ถือว่าพลาดเป้าที่บริษัทตั้งไว้เมื่้อต้นปีว่าจะมีรายได้ถึง 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และแม้ว่าจะเป็นการยากต่อการทำกำไรแต่บริษัทก็พยายามจะทำกำไรให้ใกล้เคียงกับปี 51 ที่ทำไว้ 8.8% แม้ว่าช่วงครึ่งปีแรกออร์เดอร์จากลูกค้าตกลงจากก่อนหน้านี้ถึง 20% โดยเฉพาะแถบยุโรป แต่หลังภาพรวมเศรษฐกิจโลกเริ่มมีความชัดเจนว่าจะเริ่มฟื้นตัวจากช่วงไตรมาส 3
" เราถือว่าโชคดีที่เราแก้ปัญหาทุกวิถีทาง ปรับกลยุทธ์การบริหารงานทุกรูปแบบ เพื่อให้อยู่รอดได้ ช่วงที่บริษัทอื่นปลดพนักงานและปิดโรงงานหลายแห่งแต่เราหันมาลดงานโอที เราตัดออกหมด และเรารับงานทุกผลิตภัณฑ์ที่มีเข้ามาเพื่อให้หลากหลาย เราจะไม่เลือกสินค้ามาร์จิ้นสูงเหมือนหลายบริษัทที่ทำกัน เราไม่ลดพนักงานแต่ก็ลดโอทีแทนและหันมารัดเข็มขัดคุมต้นทุนการดำเนินงานทุกอย่าง ดีที่พนักงานเราให้ความร่วมมือด้วยดี ทำให้เราฝ่าวิกฤตมาได้แบบไม่ลำบากเหมือนบริษัทอื่น "
นายอนุสรณ์เปิดเผยแผนงานปี 53 ว่าบริษัทจะเพิ่มไลน์การผลิตสินค้าส่วนชิ้นส่วนยานยนต์โดยเฉพาะเพื่อเจาะตลาดรถยนต์ในยามที่อุตสาหกรรมรถยนต์ฟื้นตัวหลังซบเซามาระยะหนึ่ง ซึ่งการเพิ่มไลน์การผลิตนั้นแทบไม่ต้องใช้เงินลงทุน เพราะเป็นการแยกไลน์เดิมที่มีอยู่ให้หลากหลายขึ้น และปรับปรุงเครื่องจักรและเทคโนโลยีรองรับการผลิตสินค้าใหม่ ๆ เพื่อป้อนตลาดในอุตสาหกรรมดังกล่าว การเพิ่มความหลากหลายในสินค้าที่ผลิต เพื่อลดความเสี่ยงที่จะอิงการผลิตเพียงไม่กี่ชนิดสินค้า
" เราต้องผลิตสินค้าหลากหลายป้อนทุกธุรกิจ เพื่อลดความเสี่ยงหากผลิตอิงเพียงไม่กี่อุตสาหกรรม ถือเป็นการกระจายสินค้า และเราพัฒนาเทคโนโลยีของเราเอง เพราะมีฝ่ายวิจัยและพัฒนาที่เราให้ความสำคัญมานานแล้วที่จะพัฒนาสินค้าใหม่ ๆ ของกลุ่มบริษัท ซึ่งชิ้นส่วนยานยนต์นี้เราต้องทดลองตลาดให้เป็นที่รู้จักและยอมรับในสินค้าของเราก่อน คาดสินค้าออกสู่ตลาดได้กลางปีหน้า "
โดยระยะแรกจะต้องดูซัพพลายเออร์ที่ป้อนวัตถุดิบให้กับ DELTA ก่อนว่าจะผลิตวัตถุดิบป้อนให้ได้หรือไม่ อีกทั้งการออกแบบของฝ่ายวิจัยและพัฒนาสินค้าที่จะผลิตด้วยว่าจะผ่านการพิจารณาจากผู้บริหารด้วย ซึ่งการออกผลิตภัณฑ์ใหม่เป็นสินค้าระยะยาวและต้องใช้เวลาประเมินปัจจัยรอบด้านหลายอย่าง ตลอดจนการทำตลาดในตลาดโลกเพื่อให้ลูกค้ารู้จักบริษัทด้วย
สำหรับปี 53 บริษัทตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 1,200-1,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ตัวเลขกำไรก็พยายามจะให้ไม่แตกต่างจากเดิม ส่วนในเรื่องความเสี่ยงนั้น DELTA ได้หันมาทำประกันการจำหน่ายสินค้ากับบริษัทประกันความเสี่ยงไว้แล้ว ดังนั้น เมื่อเกิดวิกฤตขึ้นย่อมไม่ได้รับผลกระทบ รวมทั้งการป้องกันความเสี่ยงค่าเงินด้วยการทำเฮจจิ้งไว้แล้ว
นายอนุสรณ์กล่าวถึงบริษัทในต่างประเทศว่า ผลการดำเนินงานเติบโตดี โดยเฉพาะในส่วนของ บริษัท เดลต้า เอนเนอยี จำกัด ที่ยุโรปแม้ช่วงวิกฤตจะได้รับผลกระทบอย่างเลี่ยงไม่ได้ แต่หลังเศรษกิจฟื้นตัวก็ทำให้ผลประกอบการดีขึ้นตามสภาพเศรษฐกิจ ล่าสุดบริษัทได้ลงทุนเพิ่มในบริษัท เดลต้า กรีนเทค ( ยูเอสเอ ) คอร์ปอเรชั่น ( Delta Greentech (USA) Corporation: DGA ) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่บริษัทฯ ถือหุ้น 100 % เพื่อรองรับการขยายกิจการช่วง 3 ปีข้างหน้าซึ่ง DGA เป็นบริษัทย่อยที่เพิ่งก่อตั้งในประเทศสหรัฐอเมริกาเพื่อดำเนินธุรกิจด้านการผลิตประกอบชิ้นส่วน รวมทั้งกิจกรรมด้านการตลาดและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เพาเวอร์ ซิสเต็ม ที่ใช้ในอุตสาหกรรมโทรคมนาคมและผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง ขณะบริษัทย่อยต่าง ๆ ที่ DELTA เข้าลงทุนไว้เพื่อรองรับการขยายงานและจำหน่ายสินค้า ยังคงทำผลงานดีให้กับบริษัทแม่และแตกต่างกันไปตามสินค้าที่จำหน่าย
นายอนุสรณ์ มุทราอิศ กรรมการบริหาร บริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ DELTA เปิดเผยว่าผลงานไตรมาส 4 ปี 52 ที่กำลังจะปิดงบลงนั้นคาดว่าจะดีกว่าไตรมาส 3 ที่บริษัททำกำไรไว้ 670 ล้านบาทและยอดขาย 6,911 ล้านบาท ต่ำกว่างวดเดียวกันในปี 51 เมื่อเทียบกับปี 51 อันเป็นผลจากยอดขายลดลงผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่เพิ่มมีสัญญาณการฟื้นตัวหลังได้รับผลกระทบวิกฤตทางการเงินที่เกิดขึ้นเมื่อปี 51 ต่อเนื่องมา ทำให้ความต้องการสูงในผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ ส่วนยอดขายรวมลดลงในไตรมาสสามปีนี้ส่วนใหญ่เกิดจากกลุ่มผลิตภัณฑ์เพาเวอร์ซัพพลายเพื่อการบริโภค รวมทั้งกลุ่มผลิตภัณฑ์ DES แต่กำไรขั้นต้นปรับสูงขึ้น บวกกับการควบคุมค่าใช้จ่ายทำให้ผลงานเติบโตก้าวกระโดด
" ไตรมาส 4 ถือว่าดีขึ้นจากไตรมาส 3 ตามลำดับ เห็นได้จากออร์เดอร์ที่มีเข้ามาอย่างต่อเนื่องแต่ยังไงผมเชื่อว่าตัวเลขยอดขายของเราจะอยู่ที่ 800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ พลาดจากเป้าที่เราตั้งไว้ แต่ผมถือว่าดีขึ้นแล้ว หลังจากที่รัฐบาลหลายประเทศอัดเม็ดเงินเพื่้อการฟื้นเศรษฐกิจและมองเห็นภาพชัดเจนขึ้น " นายอนุสรณ์กล่าว
อย่างไรก็ดีภาพรวมของปี 52 ก็ถือว่าพลาดเป้าที่บริษัทตั้งไว้เมื่้อต้นปีว่าจะมีรายได้ถึง 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และแม้ว่าจะเป็นการยากต่อการทำกำไรแต่บริษัทก็พยายามจะทำกำไรให้ใกล้เคียงกับปี 51 ที่ทำไว้ 8.8% แม้ว่าช่วงครึ่งปีแรกออร์เดอร์จากลูกค้าตกลงจากก่อนหน้านี้ถึง 20% โดยเฉพาะแถบยุโรป แต่หลังภาพรวมเศรษฐกิจโลกเริ่มมีความชัดเจนว่าจะเริ่มฟื้นตัวจากช่วงไตรมาส 3
" เราถือว่าโชคดีที่เราแก้ปัญหาทุกวิถีทาง ปรับกลยุทธ์การบริหารงานทุกรูปแบบ เพื่อให้อยู่รอดได้ ช่วงที่บริษัทอื่นปลดพนักงานและปิดโรงงานหลายแห่งแต่เราหันมาลดงานโอที เราตัดออกหมด และเรารับงานทุกผลิตภัณฑ์ที่มีเข้ามาเพื่อให้หลากหลาย เราจะไม่เลือกสินค้ามาร์จิ้นสูงเหมือนหลายบริษัทที่ทำกัน เราไม่ลดพนักงานแต่ก็ลดโอทีแทนและหันมารัดเข็มขัดคุมต้นทุนการดำเนินงานทุกอย่าง ดีที่พนักงานเราให้ความร่วมมือด้วยดี ทำให้เราฝ่าวิกฤตมาได้แบบไม่ลำบากเหมือนบริษัทอื่น "
นายอนุสรณ์เปิดเผยแผนงานปี 53 ว่าบริษัทจะเพิ่มไลน์การผลิตสินค้าส่วนชิ้นส่วนยานยนต์โดยเฉพาะเพื่อเจาะตลาดรถยนต์ในยามที่อุตสาหกรรมรถยนต์ฟื้นตัวหลังซบเซามาระยะหนึ่ง ซึ่งการเพิ่มไลน์การผลิตนั้นแทบไม่ต้องใช้เงินลงทุน เพราะเป็นการแยกไลน์เดิมที่มีอยู่ให้หลากหลายขึ้น และปรับปรุงเครื่องจักรและเทคโนโลยีรองรับการผลิตสินค้าใหม่ ๆ เพื่อป้อนตลาดในอุตสาหกรรมดังกล่าว การเพิ่มความหลากหลายในสินค้าที่ผลิต เพื่อลดความเสี่ยงที่จะอิงการผลิตเพียงไม่กี่ชนิดสินค้า
" เราต้องผลิตสินค้าหลากหลายป้อนทุกธุรกิจ เพื่อลดความเสี่ยงหากผลิตอิงเพียงไม่กี่อุตสาหกรรม ถือเป็นการกระจายสินค้า และเราพัฒนาเทคโนโลยีของเราเอง เพราะมีฝ่ายวิจัยและพัฒนาที่เราให้ความสำคัญมานานแล้วที่จะพัฒนาสินค้าใหม่ ๆ ของกลุ่มบริษัท ซึ่งชิ้นส่วนยานยนต์นี้เราต้องทดลองตลาดให้เป็นที่รู้จักและยอมรับในสินค้าของเราก่อน คาดสินค้าออกสู่ตลาดได้กลางปีหน้า "
โดยระยะแรกจะต้องดูซัพพลายเออร์ที่ป้อนวัตถุดิบให้กับ DELTA ก่อนว่าจะผลิตวัตถุดิบป้อนให้ได้หรือไม่ อีกทั้งการออกแบบของฝ่ายวิจัยและพัฒนาสินค้าที่จะผลิตด้วยว่าจะผ่านการพิจารณาจากผู้บริหารด้วย ซึ่งการออกผลิตภัณฑ์ใหม่เป็นสินค้าระยะยาวและต้องใช้เวลาประเมินปัจจัยรอบด้านหลายอย่าง ตลอดจนการทำตลาดในตลาดโลกเพื่อให้ลูกค้ารู้จักบริษัทด้วย
สำหรับปี 53 บริษัทตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 1,200-1,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ตัวเลขกำไรก็พยายามจะให้ไม่แตกต่างจากเดิม ส่วนในเรื่องความเสี่ยงนั้น DELTA ได้หันมาทำประกันการจำหน่ายสินค้ากับบริษัทประกันความเสี่ยงไว้แล้ว ดังนั้น เมื่อเกิดวิกฤตขึ้นย่อมไม่ได้รับผลกระทบ รวมทั้งการป้องกันความเสี่ยงค่าเงินด้วยการทำเฮจจิ้งไว้แล้ว
นายอนุสรณ์กล่าวถึงบริษัทในต่างประเทศว่า ผลการดำเนินงานเติบโตดี โดยเฉพาะในส่วนของ บริษัท เดลต้า เอนเนอยี จำกัด ที่ยุโรปแม้ช่วงวิกฤตจะได้รับผลกระทบอย่างเลี่ยงไม่ได้ แต่หลังเศรษกิจฟื้นตัวก็ทำให้ผลประกอบการดีขึ้นตามสภาพเศรษฐกิจ ล่าสุดบริษัทได้ลงทุนเพิ่มในบริษัท เดลต้า กรีนเทค ( ยูเอสเอ ) คอร์ปอเรชั่น ( Delta Greentech (USA) Corporation: DGA ) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่บริษัทฯ ถือหุ้น 100 % เพื่อรองรับการขยายกิจการช่วง 3 ปีข้างหน้าซึ่ง DGA เป็นบริษัทย่อยที่เพิ่งก่อตั้งในประเทศสหรัฐอเมริกาเพื่อดำเนินธุรกิจด้านการผลิตประกอบชิ้นส่วน รวมทั้งกิจกรรมด้านการตลาดและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เพาเวอร์ ซิสเต็ม ที่ใช้ในอุตสาหกรรมโทรคมนาคมและผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง ขณะบริษัทย่อยต่าง ๆ ที่ DELTA เข้าลงทุนไว้เพื่อรองรับการขยายงานและจำหน่ายสินค้า ยังคงทำผลงานดีให้กับบริษัทแม่และแตกต่างกันไปตามสินค้าที่จำหน่าย
