xs
xsm
sm
md
lg

ทช.ลั่น มี.ค.ประมูลไร้ฝุ่นอีก 9,760 ล้านบาท

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ทช.ประกาศ มี.ค.53 พร้อมประมูลถนนไร้ฝุ่นเฟส 2 ระยะทาง 1,983.5 กม. มูลค่า 9,760 ล้านบาท รอรัฐบาลจัดงบประมาณตามแผนไทยเข้มแข็ง 2555 “อธิบดี ทช.” เผยปัญหาเฟส 1 คืองานซ้ำซ้อนกับท้องถิ่น เชื่อแก้ไขได้ ขณะที่ใช้เครื่อง Falling Weigh ตรวจสภาพถนนชำรุดจัดลำดับ แก้ปัญหางบซ่อมฯ ไม่พอ

นายวิชาญ คุณากูลสวัสดิ์ อธิบดีกรมทางหลวงชนบท (ทช.) เปิดแผยว่า ขณะนี้ กรมฯ อยู่ระหว่างการเตรียมความพร้อมในการดำเนินโครงการถนนไร้ฝุ่น ภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 ในแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจระยะที่ 2 (SP2) เฟส ที่ 2 (2554) อีกจำนวน 1,983.5 กิโลเมตร มูลค่าประมาณ 9,760 ล้านบาท โดยภายในเดือนมี.ค. 2553 นี้ จะสรุปรายละเอียดโครงการทั้งหมดและพร้อมเปิดให้ผู้รับเหมาก่อสร้างยื่นเสนอราคาแข่งขัน ตามกระบวนการประกวดราคาทางอิเลคทรอนิกส์ (อี-อ๊อคชั่น) เช่นเดียวกับโครงการในเฟส 1 โดยขึ้นอยู่กับว่ารัฐบาลจะจัดสรรงบประมาณได้เมื่อใด

ทั้งนี้ กรมฯได้นำปัญหาและอุปสรรค ในการดำเนินโครงการถนนไร้ฝุ่นเฟส 1 จำนวน 901 โครงการ ระยะทาง 3,246 กิโลเมตร มูลค่าประมาณ 14,821 ล้านบาท มาปรับปรุงเพื่อให้โครงการในเฟส 2 และ 3 ดำเนินการได้รวดเร็วมากขึ้น เช่น1. ปัญหาความซ้ำซ้อนกับการดำเนินงานของท้องถิ่นเนื่องจากขาดการประสานงานกัน ซึ่งในเฟสที่ 1 มีงานที่ซ้ำซ้อนกันประมาณ 10 โครงการ ข้อดีคือ จะทำให้ท้องถิ่นนำงบประมาณที่ได้รับไปพัฒนางานส่วนอื่นๆ แทน

2. ปัญหาเส้นทางเข้าไปเขตพื้นที่ป่าสงวนซึ่งในเฟสที่ 1 ติดปัญหา 1 โครงการที่จังหวัดภูเก็ต ทำให้โครงการล่าช้า เนื่องจากจะต้องหาพื้นที่อื่นของจังหวัดภูเก็ตมาดำเนินการแทน ซึ่งในการดำเนินการเฟสที่ 2 จะต้องตรวจสอบแนวเส้นทางให้ชัดเจนเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาขึ้นอีก และ 3. การตกลงกับเจ้าของพื้นที่ให้ชัดเจนกรณีที่ยินยอมให้พื้นที่สำหรับการทำถนนไร้ฝุ่น เนื่องจากโครงการจะไม่มีการเวนคืนที่ดินแต่เป็นการยินยอมจากเจ้าของพื้นที่ เพราะโครงการจะให้ประโยชน์โดยตรงกับชุมชน

นายวิชาญ กล่าวว่า ถนนไร้ฝุ่นเฟสที่ 3 ซึ่งตามแผนจะดำเนินการในปีงบประมาณ 2555 อีก 1,983.5 กิโลเมตร มูลค่าประมาณ 9,760 ล้านบาท นั้นหากรัฐบาลสามารถจัดสรรงบประมาณได้พร้อมกับเฟสที่ 2 กรมฯ ก็มีความพร้อมในการดำเนินการทันที ส่วนถนนไร้ฝุ่นเฟส 1 ระยะทาง 3,246 กิโลเมตร มูลค่า 14,320 ล้านบาทและค่าที่ปรึกษาโครงการอีกประมาณ 500 ล้านบาท รวมเป็น 14,821 ล้านบาท จำนวน 901 โครงการนั้น ขณะนี้ก่อสร้างแล้วเสร็จจำนวน 22 โครงการแล้ว ที่เหลืออยู่ระหว่างการก่อสร้าง

นายวิชาญกล่าวว่า ในแต่ละปีกรมฯ ต้องประสบปัญหา สภาพถนนชำรุดเสียหายสะสมเพิ่มขึ้น เนื่องจากได้รับการจัดสรรงบประมาณซ่อมบำรุงในแต่ละปีต่ำกว่าความต้องการจริง ประกอบกับการบรรทุกน้ำหนักเกิน ทำให้อายุการใช้งานของถนนลดลงจากมาตรฐาน 7 ปีเหลือ 3.5 ปี ทำให้ต้องมีการจัดลำดับความสำคัญของถนนที่มีความจำเป็นเร่งด่วนในการซ่อมบำรุงให้สอดคล้องกับงบประมาณทีได้รับ โดยล่าสุดกรมฯ ได้นำเครื่องทดสอบความแข็งแกร่งโครงสร้างถนนหรือ Falling Weight Deflectometer (FWD) มาใช้ตรวจสอบสภาพถนน ซึ่งนอกจากจะสามารถระบุสภาพของถนนได้อย่างชัดเจนแล้วยังทำงานได้อย่างรวดเร็วเฉลี่ยวันละประมาณ 500 กิโลเมตร เมื่อเทียบกับเครื่องมือและวิธีการเดิมเฉลี่ยวันละประมาณ 100 กิโลเมตร

“กรมฯได้งบฯ ซ่อมที่จำกัด ก็ต้องมาปรับวิธีการทำงานให้สอดคล้อง การตรวจสภาพการชำรุดของถนนก็จะต้องรวดเร็ว แม่นยำ เพื่อให้รู้ว่า ถนนเส้นไหนที่ชำรุดมากและต้องไปซ่อมก่อน ซึ่งเครื่อง Falling Weigh ราคาประมาณ 20 ล้านบาท แต่สามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและลดการใช้แรงงานลงได้มาก นอกเหนือจากการที่กรมฯ ได้อบรมให้ความรู้กับอาสาทางหลวงชนบท (อส.ทช.) ซึ่งเป็นประชาชนในพื้นที่ให้ช่วยดูแลและตรวจสอบสภาพถนน 41,509 กิโลเมตร ในท้องถิ่นและแจ้งให้กรมฯทราบกรณีที่มีการชำรุดเสียหาย” นายวิชาญกล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น