ราคาน้ำมันพุ่งดึงพีวีซีแพง คาดหลังตรุษจีนมีโอกาสเห็นราคาพีวีซีแตะ 1,000 เหรียญสหรัฐ/ตัน และจีนอากาศหนาวจัดทำให้ผลิตพีวีซีจากถ่านหินไม่ได้ ทำให้ซัปพลายตึงตัว มั่นใจกลางปีนี้ได้ผู้รับเหมาก่อสร้างโรงงานผลิตวีซีเอ็มในเวียดนาม หลังจากโรงงานผลิตเม็ดพลาสติกพีวีซีส่วนขยายแล้วเสร็จ
นายคเณศ ขาวจันทร์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยพลาสติกและเคมีภัณฑ์ จำกัด (มหาชน) (ทีพีซี ) เปิดเผยว่า ขณะนี้ราคาเม็ดพลาสติกพีวีซีได้ปรับตัวสูงขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 920 เหรียญสหรัฐ/ตัน หลังจากราคาน้ำมันในตลาดโลกได้ปรับตัวสูงขึ้น คาดว่าเมื่อพ้นช่วงตรุษจีนไปแล้ว มีโอกาสมากที่ราคาเม็ดพลาสติกพีวีซีจะดีดตัวขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 1,000เหรียญสหรัฐ/ตัน หากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกเกิน 80 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ขณะที่มาร์จินพีวีซีทรงตัวอยู่ที่ตันละ 450 เหรียญสหรัฐ/ตัน
“จากราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นทำให้ราคาพีวีซีปรับตัวสูงขึ้น โดยเดือนธ.ค.ที่ผ่านมาอยู่ที่ 910- 920 เหรียญสหรัฐ/ตัน จากช่วงเดือน ต.ค.-พ.ย. ราคาพีวีซีอยู่ที่ 820-830 เหรียญสหรัฐ/ตัน นับว่าเป็นเหตุการณ์ผิดปกติ จากเดิมในช่วงปลายปีราคาพีวีซีจะต้องอ่อนตัวลงมา สาเหตุหนึ่งที่ราคาพีวีซีปรับตัวสูงขึ้นนอกเหนือจากราคาน้ำมันแล้ว มาจากการผู้ผลิตพีวีซีจากถ่านหิน (Acetylene based) ในจีนไม่สามารถทำได้ เพราะอากาศที่หนาวจัดจึงต้องนำเข้าพีวีซีจากต่างประเทศ”
นายคเณศกล่าวถึงความคืบหน้าโครงการขยายกำลังผลิตพีวีซีในเวียดนามว่า โครงการขยายกำลังการผลิตพีวีซีในเวียดนามอีก 9 หมื่นตันจะแล้วเสร็จในไตรมาส 2 ส่งผลให้บริษัทมีกำลังการผลิตพีวีซีเพิ่มขึ้นเป็น 2 แสนตัน/ปี รองรับความต้องการใช้พลาสติกในเวียดนามที่เติบโตขึ้น
ส่วนโครงการผลิตวีซีเอ็มและอีดีซี ซึ่งเป็นวัตถุดิบในการผลิตเม็ดพลาสติกในเวียดนาม ที่เป็นหนึ่งในโครงการปิโตรเคมี คอมเพล็กซ์ของเครือซิเมนต์ไทยนั้น คาดว่า ในกลางปีนี้จะได้ข้อสรุปผู้รับเหมาก่อสร้างโครงการผลิตวีซีเอ็ม หลังจากได้ส่งเอกสารรายละเอียดเกี่ยวกับการก่อสร้างให้กับผู้รับเหมาแล้ว โดยโครงการดังกล่าวอาจจะแล้วเสร็จก่อนที่โครงการปิโตรเคมีคอมเพล็กซ์ของปูนซิเมนต์ไทยระยะหนึ่ง
ทั้งนี้ แหล่งเงินทุนดังกล่าวจะมาจากกระแสเงินสดในการดำเนินงานและส่วนหนึ่งมาจากการกู้สถาบันการเงิน โดยบริษัทไม่มีความจำเป็นต้องเพิ่มทุนจดทะเบียนแต่อย่างใด ทั้งนี้ ไทยพลาสติกและเคมีภัณฑ์ได้ถือหุ้นในโครงการปิโตรเคมี คอมเพล็กซ์ที่เวียดนามในสัดส่วน 16% จากมูลค่าโครงการทั้งสิ้น 3-4 พันล้านเหรียญสหรัฐ
นายคเณศกล่าวว่า ในปีนี้บริษัทตั้งงบการลงทุนไม่มากเพียง 100-150 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นการลงทุนเพื่อปรับปรุงเครื่องจักรเพื่อรักษาสิ่งแวดล้อมในประเทศ เช่น การปรับปรุงเครื่องจักรเพื่อลดการใช้น้ำและไฟฟ้าในการผลิตพีวีซี รวมถึงการลดการสูญเสียเชื้อเพลิงในการผลิตวีซีเอ็ม โดยผลประกอบการในปีนี้ ตั้งเป้าหมายว่าจะมีรายได้ใกล้เคียงปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 2.4-2.5 หมื่นล้านบาท เนื่องจากราคาพีวีซีในปีนี้น่าจะเฉลี่ยอยู่ที่ 900 เหรียญสหรัฐบวกลบ 10% ขณะที่มาร์จินยังทรงตัวดีอยู่ แม้ว่าราคาวัตถุดิบจะปรับตัวสูงมาทิศทางราคาน้ำมันก็ตาม
ขณะที่ส่วนขยายกำลังการผลิตพีวีซีจาก 1.2 แสนตันเป็น 1.4 แสนตัน/ปี และส่วนขยายกำลังการผลิตวีซีเอ็มจาก 1.4 แสนตันเป็น 1.6 แสนตัน/ปี ต้องหยุดผลิตชั่วคราวตามคำสั่งศาล ทำให้กระทบรายได้ในปีนี้ประมาณ 2-5% ของรายได้รวมทั้งหมด
นายคเณศ ขาวจันทร์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยพลาสติกและเคมีภัณฑ์ จำกัด (มหาชน) (ทีพีซี ) เปิดเผยว่า ขณะนี้ราคาเม็ดพลาสติกพีวีซีได้ปรับตัวสูงขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 920 เหรียญสหรัฐ/ตัน หลังจากราคาน้ำมันในตลาดโลกได้ปรับตัวสูงขึ้น คาดว่าเมื่อพ้นช่วงตรุษจีนไปแล้ว มีโอกาสมากที่ราคาเม็ดพลาสติกพีวีซีจะดีดตัวขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 1,000เหรียญสหรัฐ/ตัน หากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกเกิน 80 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ขณะที่มาร์จินพีวีซีทรงตัวอยู่ที่ตันละ 450 เหรียญสหรัฐ/ตัน
“จากราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นทำให้ราคาพีวีซีปรับตัวสูงขึ้น โดยเดือนธ.ค.ที่ผ่านมาอยู่ที่ 910- 920 เหรียญสหรัฐ/ตัน จากช่วงเดือน ต.ค.-พ.ย. ราคาพีวีซีอยู่ที่ 820-830 เหรียญสหรัฐ/ตัน นับว่าเป็นเหตุการณ์ผิดปกติ จากเดิมในช่วงปลายปีราคาพีวีซีจะต้องอ่อนตัวลงมา สาเหตุหนึ่งที่ราคาพีวีซีปรับตัวสูงขึ้นนอกเหนือจากราคาน้ำมันแล้ว มาจากการผู้ผลิตพีวีซีจากถ่านหิน (Acetylene based) ในจีนไม่สามารถทำได้ เพราะอากาศที่หนาวจัดจึงต้องนำเข้าพีวีซีจากต่างประเทศ”
นายคเณศกล่าวถึงความคืบหน้าโครงการขยายกำลังผลิตพีวีซีในเวียดนามว่า โครงการขยายกำลังการผลิตพีวีซีในเวียดนามอีก 9 หมื่นตันจะแล้วเสร็จในไตรมาส 2 ส่งผลให้บริษัทมีกำลังการผลิตพีวีซีเพิ่มขึ้นเป็น 2 แสนตัน/ปี รองรับความต้องการใช้พลาสติกในเวียดนามที่เติบโตขึ้น
ส่วนโครงการผลิตวีซีเอ็มและอีดีซี ซึ่งเป็นวัตถุดิบในการผลิตเม็ดพลาสติกในเวียดนาม ที่เป็นหนึ่งในโครงการปิโตรเคมี คอมเพล็กซ์ของเครือซิเมนต์ไทยนั้น คาดว่า ในกลางปีนี้จะได้ข้อสรุปผู้รับเหมาก่อสร้างโครงการผลิตวีซีเอ็ม หลังจากได้ส่งเอกสารรายละเอียดเกี่ยวกับการก่อสร้างให้กับผู้รับเหมาแล้ว โดยโครงการดังกล่าวอาจจะแล้วเสร็จก่อนที่โครงการปิโตรเคมีคอมเพล็กซ์ของปูนซิเมนต์ไทยระยะหนึ่ง
ทั้งนี้ แหล่งเงินทุนดังกล่าวจะมาจากกระแสเงินสดในการดำเนินงานและส่วนหนึ่งมาจากการกู้สถาบันการเงิน โดยบริษัทไม่มีความจำเป็นต้องเพิ่มทุนจดทะเบียนแต่อย่างใด ทั้งนี้ ไทยพลาสติกและเคมีภัณฑ์ได้ถือหุ้นในโครงการปิโตรเคมี คอมเพล็กซ์ที่เวียดนามในสัดส่วน 16% จากมูลค่าโครงการทั้งสิ้น 3-4 พันล้านเหรียญสหรัฐ
นายคเณศกล่าวว่า ในปีนี้บริษัทตั้งงบการลงทุนไม่มากเพียง 100-150 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นการลงทุนเพื่อปรับปรุงเครื่องจักรเพื่อรักษาสิ่งแวดล้อมในประเทศ เช่น การปรับปรุงเครื่องจักรเพื่อลดการใช้น้ำและไฟฟ้าในการผลิตพีวีซี รวมถึงการลดการสูญเสียเชื้อเพลิงในการผลิตวีซีเอ็ม โดยผลประกอบการในปีนี้ ตั้งเป้าหมายว่าจะมีรายได้ใกล้เคียงปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 2.4-2.5 หมื่นล้านบาท เนื่องจากราคาพีวีซีในปีนี้น่าจะเฉลี่ยอยู่ที่ 900 เหรียญสหรัฐบวกลบ 10% ขณะที่มาร์จินยังทรงตัวดีอยู่ แม้ว่าราคาวัตถุดิบจะปรับตัวสูงมาทิศทางราคาน้ำมันก็ตาม
ขณะที่ส่วนขยายกำลังการผลิตพีวีซีจาก 1.2 แสนตันเป็น 1.4 แสนตัน/ปี และส่วนขยายกำลังการผลิตวีซีเอ็มจาก 1.4 แสนตันเป็น 1.6 แสนตัน/ปี ต้องหยุดผลิตชั่วคราวตามคำสั่งศาล ทำให้กระทบรายได้ในปีนี้ประมาณ 2-5% ของรายได้รวมทั้งหมด
