ปธ.บินไทย ไม่ห่วงคลังตีกลับแผนเงินกู้ฯ 7.3 พันล้านบาท ยันกระแสเงินสดหมุนเวียนเดือนละ 8,000-10,000 ล้านบาท “ปิยสวัสดิ์” เย้ยเป็นแค่แผนสำรอง อย่างมากก็ทำให้การซื้อแอร์บัส A330-300 ล่าช้าไปอีก 2 เดือน มั่นใจมีเครดิตเพียงพอหาเงินได้ตามแผน 1 แน่นอน
นายอำพน กิตติอำพน ประธานกรรมการ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือ THAI กล่าวว่า การที่กระทรวงการคลังตีกลับแผนกู้เงินวงเงิน 7.3 พันล้านบาท เพื่อนำมาจ่ายค่าเครื่องบินของบริษัท ตนเองเชื่อว่า ไม่มีผลกระทบ เพราะบริษัทมีกระแสเงินสดหมุนเวียนสูงถึงเดือนละ 8,000-10,000 ล้านบาท และในปี 2552 ที่ผ่านมา คาดว่าจะมี EBITDA เกินกว่าเป้าหมายที่วางไว้ในระดับ 2.5 หมื่นล้านบาท
นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ (ดีดี) การบินไทย กล่าวเสริมถึงกรณีที่กระทรวงการคลังในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ สั่งให้บริษัทกลับไปทบทวนแผนการที่จะให้กระทรวงการคลังกู้เงินจำนวน 7.3 พันล้านบาท เพื่อซื้อฝูงบินแอร์บัส A330-300 จำนวน 3 ลำนั้น ตนเองมองว่า ประเด็นดังกล่าวไม่กระทบแต่อย่างใดกับบริษัท
“ผมเชื่อว่ากรณีดังกล่าวไม่น่าจะกระทบต่อแผนการดำเนินงานของบริษัทในปี 2553 แต่อย่างใด เพียงส่งผลให้แผนการซื้อเครื่องบินแอร์บัสฝูงใหม่ ที่เตรียมการที่จะซื้อในเร็วๆ นี้ เพื่อทดแทนเครื่องบินที่กำลังจะปลดระวางในปี 2553 ล่าช้าออกไปประมาณ 2 เดือน หรือในเดือนมีนาคม 2553 เท่านั้น ซึ่งถือว่าไม่น่าจะมีปัญหาต่อระบบการดำเนินงานแต่อย่างใด”
ก่อนหน้านี้ นายปิยสวัสดิ์ ได้กล่าวยืนยันกับสื่อมวลชนในหน้าหนังสือพิมพ์เช้าวันนี้ โดยระบุว่า กรณีของกระทรวงการคลังไม่อนุมัติเงินกู้จำนวนดังกล่าว ไม่ใช่ปัจจัยสำคัญที่จะกระทบต่อแผนการดำเนินงาน พร้อมให้เหตุผลว่าในส่วนของแผนที่เสนอต่อกระทรวงการคลัง เป็นแค่การเตรียมเอาไว้เป็นแผนสำรองเท่านั้น เพราะกลัวว่า หากแผนการหาเงินแผน 1 จะล่าช้า ซึ่งมีผลกระทบแค่ทำให้แผนการซื้อเครื่องบินล่าช้าออก
นายปิยสวัสดิ์ยังเชื่อว่า การบินไทยยังมีศักยภาพในการหาเงินในการซื้อเครื่องบินฝูงใหม่ และมั่นใจว่า บริษัทจะหาแนวทางหาเงินจนได้ตามแผนที่ 1 ได้แน่นอน ซึ่งต้องดำเนินการอย่างเร็วที่สุด เพื่อซื้อเครื่องบินตามแผน ดังนั้น ประเด็นที่คลังตีกลับแผน จึงไม่ใช่นัยสำคัญต่อแผนการดำเนินงานโดยรวม
ส่วนผลการดำเนินงานปี 2553 นายปิยสวัสดิ์กล่วว่า มีสัญญาณการฟื้นตัวเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงปีก่อน เนื่องจากการท่องเที่ยวในระยะค่อนข้างเติบโตจากผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้นค่อนข้างมากหลังยังเป็นฤดูไฮซีซั่น จึงคาดว่านักท่องเที่ยวน่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นถึงกลางปี 2553 ได้
โดยก่อนหน้านี้ การบินไทยคาดว่าในปี 2553 จะมีกำไรก่อนหักภาษีและอัตราแลกเปลี่ยนที่ 4.3 พันล้านบาท ในปี 2553 และปีนี้ต้องดำเนินการเพิ่มทุนให้กับผู้ถือหุ้นเดิมซึ่งได้เสนอเรื่องไปยังกระทรวงการคลังในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่แล้ว
ส่วนปี 2552 คาดการณ์ว่า EBITDA จะเกินกว่าเป้าหมายที่วางไว้ 2.4 หมื่นล้านบาท โดยดูจากตัวเลขไตรมาส 3 ปี 2552 รวมถึงตัวเลขในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา พบว่า น่าจะเกินเป้าหมายที่วางไว้ ส่วนผลการดำเนินงานรวมในปี 2552 จะเป็นกำไรสุทธิหรือไม่นั้น ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ ต้องรอบริษัทแถลงอีกครั้งในเดือนกุมภาพันธ์ 2553