ปุ้มปุ้ย ชูวิชั่น 5 ปีขยายผงาดผู้นำธุรกิจอาหารทะเลสำเร็จรูป เร่งแตกไลน์สินค้าซีฟู้ดส์นอกเหนือจากปลา วางหมากลงทุนเครื่องจักร พัฒนาสินค้า ลดความเสี่ยงลุยต่างประเทศ หลังตลาดปลากระป๋อง 5000 ล้านบาท อิ่มตัว สงครามราคาเดือด หวัง 5 ปี รายได้ส่งออก 50% เล็งหาแพกเกจทดแทนกระป๋อง หวั่นราคาเหล็กผกผัน ลั่นปีนี้จ่อปรับราคาสินค้า หลังกัดฟันต้นทุนพุ่ง 30% ตั้งเป้า 5 ปี โกยรายได้รวม 3,400 ล้านบาท
นายไกรเสริม โตทับเที่ยง ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท ผลิตภัณฑ์อาหารกว้างไพศาล จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายปลากระป๋องปุ้มปุ้ยปลายิ้ม เปิดเผยว่า นโยบายการดำเนินธุรกิจของบริษัทวางเป้าหมายเป็นผู้นำอาหารทะเลสำเร็จรูปภายใน 5 ปีนับจากปีนี้ ภายใต้การขยายสินค้ากลุ่มซีฟู้ดส์นอกเหนือจากปลา
ซึ่งปลากระป๋องและปลาราดพริกแบรนด์ปุ้มปุ้ยปลายิ้มถือว่าเป็นธุรกิจหลักสร้างรายได้มากว่า 30 ปี โดยบริษัทได้เตรียมการลงทุนทั้งเครื่องจักร แพกเกจจิ้ง และการพัฒนาสินค้าเพื่อรองรับกับเป้าหมาย 5 ปีนี้ บริษัทมีการเติบโต 10% ต่อปี หรือรายได้เพิ่มจาก 1,100 ล้านบาท เป็นเกือบ 1,700 ล้านบาท
“ตลาดอาหารซีฟู้ดส์ เป็นสินค้าที่สอดรับกับเทรนด์เพื่อสุขภาพได้เป็นอย่างดี ก่อนหน้านี้บริษัทเริ่มแตกไลน์สินค้าในกลุ่มซีฟู้ดส์ อาทิ หอยลาย หอยแครง และกุ้งปรุงรส และการรีเฟรชแบรนด์ จากการทำกิจกรรมปลายิ้ม คนยิ้ม เมื่อปีที่ผ่านมา ทำให้ผู้บริโภครู้จักแบรนด์และสินค้าของบริษัทเพิ่มขึ้น ทำให้ภาพลักษณ์ของแบรนด์เริ่มเปลี่ยนแปลงไป จากเดิมผู้บริโภคมองว่าเป็นผู้ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับปลาอย่างเดียว”
บริษัทยังวางแผนทำตลาดต่างประเทศในเชิงรุก 5 ปี โดยวางเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนรายได้เป็น 50% หรือเพิ่มจาก 250 ล้านบาท เป็นเกือบ 1,700 ล้านบาทเท่ากับรายได้ภายในประเทศ ทั้งนี้เพื่อลดความเสี่ยงการพึ่งพาตลาดภายในประเทศเพียงอย่างเดียว จากสภาพตลาดอาหารกระป๋องสำเร็จรูปมูลค่า 5,000 ล้านบาท เริ่มอิ่มตัวมีการเติบโตเพียง 5%
โดยแบ่งเป็น เซกเมนต์ปลาในซอสมะเขือเทศ 4,000 ล้านบาท เติบโต 4-5% และปลาราดพริก 1,000 ล้านบาท โต10% อีกทั้งการแข่งขันเน้นสงครามราคา การทำโปรโมชันมานับ 20 ปีโดยเฉพาะตั้งแต่มีโมเดิร์นเทรดเกิดขึ้น โดยบริษัทจะขยายตลาดใหม่ในต่างประเทศ อาทิ ตะวันออกกลาง เพราะมีการบริโภคอาหารฮาลาล และแตกไลน์สินค้าใหม่ในประเทศเพื่อนบ้าน
“ปุ้มปุ้ยปลายิ้ม ถือว่าเป็นริจินัลแบรนด์ และในอนาคตเรามองถึงโกลเบิ้ลแบรนด์ สำหรับความได้เปรียบของปุ้มปุ้ย คือ อาหารทะเลของประเทศไทยได้รับความนิยมจากต่างประเทศในอันดับต้นๆ มีภาพลักษณ์ที่ดีชาวต่างประเทศมองว่าเป็นสินค้าที่มีคุณภาพ และในอนาคตบริษัทอาจแตกไลน์สินค้ากลุ่มอื่นๆ นอกเหนือจากซีฟู้ดส์”
สำหรับแผนการตลาดในประเทศบริษัทจะรุกตลาดปลาปรุงรสเป็นหลัก เพราะเป็นธุรกิจที่สร้างรายได้หลัก 80% ส่วนปลากระป๋อง 20% โดยชูจุดเด่นด้านรสชาติ ซึ่งในช่วงไตรมาส 3 เปิดตัวสินค้าใหม่ 2 รายการ พร้อมกันนี้ยังได้ทำตลาดซับแบรนด์”ข้าวสุข”ในเชิงรุก โดยขยายช่องทางจำหน่ายโจ๊กสำเร็จรูปในร้านสะดวกซื้อเซเว่นอีเลฟเว่น มีด้วยกัน 3 รสชาติ คือ โจ๊กหอยลาย โจ๊กเห็ดหอม และโจ๊กข้าวสาร ตลอดจนการทำตลาดสแน็กหอยลาย อบกรอบ เพื่อเข้าถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่เพิ่มขึ้น
อีกทั้งยังกำลังพัฒนาบรรจุภัณฑ์ใหม่ เพื่อรองรับกับราคาเหล็กที่ผันผวน และมีแนวโน้มจะปรับเพิ่มขึ้น จากปัจจุบันเหล็กเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตบรรจุภัณฑ์ ซึ่งบริษัทต้องแบกรับภาระต้นทุนเหล็กที่ปรับสูงขึ้น 30% โดยที่สินค้ายังไม่ได้มีการปรับราคาขึ้น จากการที่บริษัทให้ความร่วมมือกับกรมการค้าภายใน แต่ปีนี้บริษัทวางแผนปรับราคาสินค้าเพิ่มขึ้น ซึ่งยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียด
นายไกรเสริม กล่าวว่า ปีนี้บริษัททุ่มงบการตลาด 40 ล้านบาท เน้นการทำบีโลว์เดอะไลน์ภายใต้การจัดกิจกรรม”ปลายิ้ม คนยิ้ม”ทั่วประเทศ เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายได้สัมผัสกับประสบการณ์จริงและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้โดยตรง และไม่เน้นการทำอะโบฟเดอะไลน์ในช่วง 3-4ปีที่ผ่านมา สำหรับผลประกอบการภายในประเทศปีนี้ตั้งเป้าเติบโต 10% หรือมีรายได้ 1,200 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาโต 4-5% เท่ากับตลาด ส่วนต่างประเทศตั้งเป้าเติบโต 15% เท่ากับปีที่ผ่านมา หรือราวมากกว่า 280 ล้านบาท ส่วน 5 ปีข้างหน้านี้ รายได้รวม 3,400 ล้านบาท
นายไกรเสริม โตทับเที่ยง ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท ผลิตภัณฑ์อาหารกว้างไพศาล จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายปลากระป๋องปุ้มปุ้ยปลายิ้ม เปิดเผยว่า นโยบายการดำเนินธุรกิจของบริษัทวางเป้าหมายเป็นผู้นำอาหารทะเลสำเร็จรูปภายใน 5 ปีนับจากปีนี้ ภายใต้การขยายสินค้ากลุ่มซีฟู้ดส์นอกเหนือจากปลา
ซึ่งปลากระป๋องและปลาราดพริกแบรนด์ปุ้มปุ้ยปลายิ้มถือว่าเป็นธุรกิจหลักสร้างรายได้มากว่า 30 ปี โดยบริษัทได้เตรียมการลงทุนทั้งเครื่องจักร แพกเกจจิ้ง และการพัฒนาสินค้าเพื่อรองรับกับเป้าหมาย 5 ปีนี้ บริษัทมีการเติบโต 10% ต่อปี หรือรายได้เพิ่มจาก 1,100 ล้านบาท เป็นเกือบ 1,700 ล้านบาท
“ตลาดอาหารซีฟู้ดส์ เป็นสินค้าที่สอดรับกับเทรนด์เพื่อสุขภาพได้เป็นอย่างดี ก่อนหน้านี้บริษัทเริ่มแตกไลน์สินค้าในกลุ่มซีฟู้ดส์ อาทิ หอยลาย หอยแครง และกุ้งปรุงรส และการรีเฟรชแบรนด์ จากการทำกิจกรรมปลายิ้ม คนยิ้ม เมื่อปีที่ผ่านมา ทำให้ผู้บริโภครู้จักแบรนด์และสินค้าของบริษัทเพิ่มขึ้น ทำให้ภาพลักษณ์ของแบรนด์เริ่มเปลี่ยนแปลงไป จากเดิมผู้บริโภคมองว่าเป็นผู้ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับปลาอย่างเดียว”
บริษัทยังวางแผนทำตลาดต่างประเทศในเชิงรุก 5 ปี โดยวางเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนรายได้เป็น 50% หรือเพิ่มจาก 250 ล้านบาท เป็นเกือบ 1,700 ล้านบาทเท่ากับรายได้ภายในประเทศ ทั้งนี้เพื่อลดความเสี่ยงการพึ่งพาตลาดภายในประเทศเพียงอย่างเดียว จากสภาพตลาดอาหารกระป๋องสำเร็จรูปมูลค่า 5,000 ล้านบาท เริ่มอิ่มตัวมีการเติบโตเพียง 5%
โดยแบ่งเป็น เซกเมนต์ปลาในซอสมะเขือเทศ 4,000 ล้านบาท เติบโต 4-5% และปลาราดพริก 1,000 ล้านบาท โต10% อีกทั้งการแข่งขันเน้นสงครามราคา การทำโปรโมชันมานับ 20 ปีโดยเฉพาะตั้งแต่มีโมเดิร์นเทรดเกิดขึ้น โดยบริษัทจะขยายตลาดใหม่ในต่างประเทศ อาทิ ตะวันออกกลาง เพราะมีการบริโภคอาหารฮาลาล และแตกไลน์สินค้าใหม่ในประเทศเพื่อนบ้าน
“ปุ้มปุ้ยปลายิ้ม ถือว่าเป็นริจินัลแบรนด์ และในอนาคตเรามองถึงโกลเบิ้ลแบรนด์ สำหรับความได้เปรียบของปุ้มปุ้ย คือ อาหารทะเลของประเทศไทยได้รับความนิยมจากต่างประเทศในอันดับต้นๆ มีภาพลักษณ์ที่ดีชาวต่างประเทศมองว่าเป็นสินค้าที่มีคุณภาพ และในอนาคตบริษัทอาจแตกไลน์สินค้ากลุ่มอื่นๆ นอกเหนือจากซีฟู้ดส์”
สำหรับแผนการตลาดในประเทศบริษัทจะรุกตลาดปลาปรุงรสเป็นหลัก เพราะเป็นธุรกิจที่สร้างรายได้หลัก 80% ส่วนปลากระป๋อง 20% โดยชูจุดเด่นด้านรสชาติ ซึ่งในช่วงไตรมาส 3 เปิดตัวสินค้าใหม่ 2 รายการ พร้อมกันนี้ยังได้ทำตลาดซับแบรนด์”ข้าวสุข”ในเชิงรุก โดยขยายช่องทางจำหน่ายโจ๊กสำเร็จรูปในร้านสะดวกซื้อเซเว่นอีเลฟเว่น มีด้วยกัน 3 รสชาติ คือ โจ๊กหอยลาย โจ๊กเห็ดหอม และโจ๊กข้าวสาร ตลอดจนการทำตลาดสแน็กหอยลาย อบกรอบ เพื่อเข้าถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่เพิ่มขึ้น
อีกทั้งยังกำลังพัฒนาบรรจุภัณฑ์ใหม่ เพื่อรองรับกับราคาเหล็กที่ผันผวน และมีแนวโน้มจะปรับเพิ่มขึ้น จากปัจจุบันเหล็กเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตบรรจุภัณฑ์ ซึ่งบริษัทต้องแบกรับภาระต้นทุนเหล็กที่ปรับสูงขึ้น 30% โดยที่สินค้ายังไม่ได้มีการปรับราคาขึ้น จากการที่บริษัทให้ความร่วมมือกับกรมการค้าภายใน แต่ปีนี้บริษัทวางแผนปรับราคาสินค้าเพิ่มขึ้น ซึ่งยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียด
นายไกรเสริม กล่าวว่า ปีนี้บริษัททุ่มงบการตลาด 40 ล้านบาท เน้นการทำบีโลว์เดอะไลน์ภายใต้การจัดกิจกรรม”ปลายิ้ม คนยิ้ม”ทั่วประเทศ เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายได้สัมผัสกับประสบการณ์จริงและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้โดยตรง และไม่เน้นการทำอะโบฟเดอะไลน์ในช่วง 3-4ปีที่ผ่านมา สำหรับผลประกอบการภายในประเทศปีนี้ตั้งเป้าเติบโต 10% หรือมีรายได้ 1,200 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาโต 4-5% เท่ากับตลาด ส่วนต่างประเทศตั้งเป้าเติบโต 15% เท่ากับปีที่ผ่านมา หรือราวมากกว่า 280 ล้านบาท ส่วน 5 ปีข้างหน้านี้ รายได้รวม 3,400 ล้านบาท