ASTVผู้จัดการรายวัน – “ทีซีบี” ปัดฝุ่นบูมแบรนด์รอบ 10 ปี ลุยศึกปลากระป๋องเต็มสูบ อัดงบ 30 ล้านบาท ชูโฆษณาสร้างแบรนด์มัดใจรากหญ้า และคนเมือง ชี้ปีเสือเข้มข้น หั่นราคาโกยรายได้เป็นหลัก มองอาฟต้ายังไม่ส่งผลในระยะใกล้ สิ้นปีขอรายได้ 200 ล้านบาท
นายธัญธร เวทย์วิทยานุวัฒน์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท อีโลฟาร์ จำกัด ในกลุ่มบริษัท ทรอปิคอลแคนนิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เดิมธุรกิจหลักของบริษัทคือ การผลิตผลิตภัณฑ์ปลากระป๋องเพื่อการส่งออกทั้งในแบบโออีเอ็ม และภายใต้แบรนด์ของตัวเอง โดยประเทศหลักที่ส่งออก ได้แก่ ออสเตรเลีย อเมริกา หรือประเทศในแถบยุโรปเป็นหลัก ซึ่งในปีนี้เตรียมเข้าไปรุกตลาดแถบแอฟริกาเพิ่มอีกส่วนด้วย
ขณะที่ในประเทศไทยนั้น ทีซีบี ได้เข้ามาทำตลาดหลายปีแล้ว แต่ยังไม่เป็นที่รู้จัก หลังจาก 10 ปีที่ผ่านมาได้เข้ามาทำตลาดอย่างจริงจังและเงียบหายไป โดยในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา บริษัทได้มีการศึกษาตลาดเพื่อที่จะกลับเข้ามาทำตลาดในประเทศอย่างจริงจังมากขึ้น จนได้รู้ถึงจุดด้อยและจุดแข็งที่ ทีซีบี มีอยู่ ดังนั้นในปีนี้ทางบริษัทมีความพร้อมที่จะกลับมาสร้างแบรนด์และเข้ามาทำตลาดปลากระป๋องอย่างเต็มที่
ล่าสุดปีนี้บริษัทเตรียมงบประมาณกว่า 20-30 ล้านบาทเข้ามาสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น จากผลการศึกษาพบว่า ทีซีบี เป็นชื่อที่คนต่างจังหวัดออกเสียงยาก ผ่านพรีเซนเตอร์ 2 คน คือ อาจารย์ยิ่งศักดิ์ จงเลิศเจษฎาวงศ์ จับกลุ่มคนเมือง กับผลิตภัณฑ์ปลาทูน่ากระป๋อง ทีซีบี และแมงปอ-ชลธิชา กับปลาแมคคาเรลกระป๋อง ผ่านภาพยนตร์โฆษณาที่จะเผยแพร่ต่อไป รวมไปถึงการจัดโรดโชว์นำเสนอสินค้าทั่วประเทศ เชื่อว่าจะเป็นที่ตอบรับที่ดีจากลูกค้า และในสิ้นปีน่าจะทำให้บริษัทมีรายได้ที่ 200 ล้านบาท เติบโตขึ้น 10% มาจาก แมคคาเรล 70% และทูน่า 30% จากปีก่อนที่ทำได้ 180 ล้านบาท
อย่างไรก็ตามปีนี้เชื่อตลาดปลากระป๋องมูลค่า 5,000 กว่าล้านบาท จะเติบโตประมาณ 5% โดยมองว่าราคายังเป็นปัจจัยการแข่งขันที่รุนแรง พอๆกับการที่มีผู้เล่นในตลาดมากถึง 20 กว่าราย อย่างไรก็ตามเชื่อว่าจากการสร้างแบรนด์ของทีซีบีครั้งนี้ ใน 2-3 ปี กลุ่มปลากระป๋องแมคคาเรลจะขึ้นไปติดท็อป 5 แบรนด์ จากปัจจุบันอยู่ในอันดับที่ 7 มีส่วนทางการตลาดประมาณ 3-5% เท่านั้น ขณะที่กลุ่มปลาทูน่า ปัจจุบันอยู่ในท๊อป3 อยู่แล้ว เชื่อว่ายอดขายจะเติบโตยิ่งขึ้น
นายธัญธร กล่าวต่อว่า การเปิดการค้าเสรีอาเซียน ขณะนี้ยังมองไม่เห็นผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับตลาดปลากระป๋อง แต่ไม่ควรประมาท แต่ทั้งนี้มองว่าปลากระป๋องไม่น่าจะได้รับผลกระทบ เพราะราคาที่จำหน่ายค่อนข้างถูก และยังเป็นตัวชี้วัดเศรษฐกิจได้อีกทางด้วย
นายธัญธร เวทย์วิทยานุวัฒน์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท อีโลฟาร์ จำกัด ในกลุ่มบริษัท ทรอปิคอลแคนนิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เดิมธุรกิจหลักของบริษัทคือ การผลิตผลิตภัณฑ์ปลากระป๋องเพื่อการส่งออกทั้งในแบบโออีเอ็ม และภายใต้แบรนด์ของตัวเอง โดยประเทศหลักที่ส่งออก ได้แก่ ออสเตรเลีย อเมริกา หรือประเทศในแถบยุโรปเป็นหลัก ซึ่งในปีนี้เตรียมเข้าไปรุกตลาดแถบแอฟริกาเพิ่มอีกส่วนด้วย
ขณะที่ในประเทศไทยนั้น ทีซีบี ได้เข้ามาทำตลาดหลายปีแล้ว แต่ยังไม่เป็นที่รู้จัก หลังจาก 10 ปีที่ผ่านมาได้เข้ามาทำตลาดอย่างจริงจังและเงียบหายไป โดยในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา บริษัทได้มีการศึกษาตลาดเพื่อที่จะกลับเข้ามาทำตลาดในประเทศอย่างจริงจังมากขึ้น จนได้รู้ถึงจุดด้อยและจุดแข็งที่ ทีซีบี มีอยู่ ดังนั้นในปีนี้ทางบริษัทมีความพร้อมที่จะกลับมาสร้างแบรนด์และเข้ามาทำตลาดปลากระป๋องอย่างเต็มที่
ล่าสุดปีนี้บริษัทเตรียมงบประมาณกว่า 20-30 ล้านบาทเข้ามาสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น จากผลการศึกษาพบว่า ทีซีบี เป็นชื่อที่คนต่างจังหวัดออกเสียงยาก ผ่านพรีเซนเตอร์ 2 คน คือ อาจารย์ยิ่งศักดิ์ จงเลิศเจษฎาวงศ์ จับกลุ่มคนเมือง กับผลิตภัณฑ์ปลาทูน่ากระป๋อง ทีซีบี และแมงปอ-ชลธิชา กับปลาแมคคาเรลกระป๋อง ผ่านภาพยนตร์โฆษณาที่จะเผยแพร่ต่อไป รวมไปถึงการจัดโรดโชว์นำเสนอสินค้าทั่วประเทศ เชื่อว่าจะเป็นที่ตอบรับที่ดีจากลูกค้า และในสิ้นปีน่าจะทำให้บริษัทมีรายได้ที่ 200 ล้านบาท เติบโตขึ้น 10% มาจาก แมคคาเรล 70% และทูน่า 30% จากปีก่อนที่ทำได้ 180 ล้านบาท
อย่างไรก็ตามปีนี้เชื่อตลาดปลากระป๋องมูลค่า 5,000 กว่าล้านบาท จะเติบโตประมาณ 5% โดยมองว่าราคายังเป็นปัจจัยการแข่งขันที่รุนแรง พอๆกับการที่มีผู้เล่นในตลาดมากถึง 20 กว่าราย อย่างไรก็ตามเชื่อว่าจากการสร้างแบรนด์ของทีซีบีครั้งนี้ ใน 2-3 ปี กลุ่มปลากระป๋องแมคคาเรลจะขึ้นไปติดท็อป 5 แบรนด์ จากปัจจุบันอยู่ในอันดับที่ 7 มีส่วนทางการตลาดประมาณ 3-5% เท่านั้น ขณะที่กลุ่มปลาทูน่า ปัจจุบันอยู่ในท๊อป3 อยู่แล้ว เชื่อว่ายอดขายจะเติบโตยิ่งขึ้น
นายธัญธร กล่าวต่อว่า การเปิดการค้าเสรีอาเซียน ขณะนี้ยังมองไม่เห็นผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับตลาดปลากระป๋อง แต่ไม่ควรประมาท แต่ทั้งนี้มองว่าปลากระป๋องไม่น่าจะได้รับผลกระทบ เพราะราคาที่จำหน่ายค่อนข้างถูก และยังเป็นตัวชี้วัดเศรษฐกิจได้อีกทางด้วย