xs
xsm
sm
md
lg

ค่าไฟฟ้าส่อตรึงยาวถึงกลางปี’54

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

รัฐเริ่มส่งสัญญาณเลิกตรึงค่าไฟฟ้าหลัง ส.ค.53 เหตุภาระที่ กฟผ.แบกเริ่มบานคาดถึง ส.ค.53 รับภาระแบกแทนคนไทย 40 สตางค์ต่อหน่วย เตรียมตัวจ่ายหากเฉลี่ยขึ้นงวดละ 10 สตางค์ต่อหน่วยอาจลากยาวถึงกลางปี 2554 เว้นราคาพลังงานโลกพลิกลดลงมากอาจช่วยให้ภาระหมดเร็ว

แหล่งข่าวจากกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า จากกรณีที่รัฐบาลได้ตรึงค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ(เอฟที)ตั้งแต่งวดปลายปี 2552 จนถึงส.ค. 2553 คาดว่าจะส่งผลให้ค่าเอฟทีสะสมที่ประชาชนจะต้องรับภาระจ่ายเพิ่มในอนาคตรวมประมาณ 35-40สตางค์ต่อหน่วยเนื่องจากประเมินทิศทางราคาน้ำมันจะขยับตัวสูงส่งผลให้ราคาก๊าซธรรมชาติปรับตัวเพิ่มตามเนื่องจากเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวดังนั้นค่าไฟฟ้าช่วงปี 2553 จึงแทบไม่มีโอกาสเห็นการปรับลด

“นโยบายรัฐบาลตรึงค่าเอฟทีถึง ส.ค.2553 นั้นหากพิจารณาจากงวดแรกคือม.ค.-เม.ย.53 ค่าไฟฟ้าขยับขึ้นตามราคาก๊าซธรรมชาติเล็กน้อยแต่เมื่อรวมกับค่าไฟที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.)แบกรับแทนประชาชนประมาณ1.5หมื่นล้านบาทประชาชนจะต้องจ่ายทันทีงวดเดียว 33 สตางค์ต่อหน่วยและงวดพ.ค.-ส.ค.
53นโยบายยังตรึงราคาอีกงวดนี้ดูแล้วทิศทางราคาพลังงานยังสูงต่อเมื่อมองตัวเลขกลมๆ ที่จะแบกรับไว้คือ 40 สตางค์ต่อหน่วย”แหล่งข่าวกล่าว

ทั้งนี้หลังส.ค.53เชื่อว่าเศรษฐกิจดีรัฐบาลน่าจะยกเลิกมาตรการตรึงราคาเนื่องจากท้ายสุดภาระเหล่านี้ก็จะถูกสะสมกลายเป็นภาระของประชาชนในอนาคตอยู่ดี ดังนั้นภาระที่แบกไว้ 40 สตางค์ต่อหน่วยการขึ้นครั้งเดียวเป็นเรื่องยากดังนั้น 2 งวดที่เหลือของปี 2553 จึงไม่มีโอกาสลดมีแต่จะต้องปรับขึ้นแต่เท่าใดจะต้องดูว่าช่วงนั้นต้นทุนสูงหรือไม่หากเกลี่ยงวดละ 10สตางค์ต่อหน่วยก็จะใช้เวลาถึง 4 งวดคือถึงกลางปี 2554  จึงจะหมดภาระเว้นโชคดีอาจไม่ลากยาวต่อเมื่อราคาพลังงานโลกพลิกลดลงกว่าที่คาด

นายดิเรก ลาวัณย์ศิริ ประธานคณะกรรมการกำกับกิจการไฟฟ้า (เรกูเลเตอร์) กล่าวยอมรับว่าประชาชนมีภาระที่จะต้องจ่ายค่าเอฟทีที่กฟผ.แบกรับภาระจนถึงงวดม.ค.-เม.ย. 53 อยู่ 33 สตางค์ต่อหน่วยและงวดหน้ายังไม่ได้ศึกษาถึงต้นทุนคงจะต้องติดตามแต่ประชาชนยังไม่ต้องจ่ายเพิ่มเพราะรัฐบาลยังตรึงค่าไฟอยู่ โดยยอมรับว่าทิศทางเป็นขาขึ้นตามราคาพลังงานดังนั้นคนไทยจะต้องยอมรับว่าค่าไฟฟ้าที่รัฐบาลตรึงในช่วงที่ผ่านมานั้นเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำจึงต้องการแบ่งเบาภาระประชาชนแต่เมื่อเศรษฐกิจกลับมาฟื้นตัวแล้วประชาชนก็จะต้องจ่ายตามข้อเท็จจริง

“ประชาชนจะต้องยอมรับว่าพลังงานส่วนใหญ่ของไทยเป็นการนำเข้าเมื่อราคาแพงค่าไฟย่อมจะแพงเป็นเรื่องปกติแต่ที่ผ่านมารัฐบาลเห็นว่าเศรษฐกิจตกต่ำประชาชนลำบากจึงลดภาระรายจ่ายให้ซึ่งเชื่อส.ค. 53 เมื่อครบกำหนดตรึงค่าเอฟทีแล้วเศรษฐกิจไทยน่าจะดีประชาชนน่าจะรับภาระได้บ้างเพื่อช่วยกันประหยัด”นายดิเรกกล่าว

อย่างไรก็ตามเรกูเลเตอร์ได้ว่าจ้างที่ปรึกษามาพิจารณาเรื่องการปรับโครงสร้างค่าไฟฟ้าทั้งระบบ  คาดว่าจะเสร็จและเริ่มใช้ในปี 2554 โดยแนวโน้มค่าเอฟทีจะให้เกิดความชัดเจนมากขึ้น โดยจะเหลือเฉพาะต้นทุนเชื้อเพลิงและอัตราแลกเปลี่ยน ส่วนเรื่องการซื้อไฟฟ้าจากโครงการผู้ผลิตเอกชนรายใหญ่หรือไอพีพีรวมถึงเรื่องการจัดเก็บเงินกองทุนพัฒนารอบโรงไฟฟ้ารวมถึงการประมาณการเรื่องปริมาณผู้ใช้ไฟฟ้าคงจะแยกออกมา
กำลังโหลดความคิดเห็น