“วรรณรัตน์”รับประกันค่าไฟฟ้าจะไม่ขึ้นอย่างน้อยจนถึงสิ้นปี แต่โอกาสลดลงคงยาก เหตุต้องทยอยคืนหนี้กฟผ.ให้จบโดยเร็ว ส่วนมาตรการใช้ไฟฟรีที่จะหมดอายุเดือนก.ค.นี้ จะต้องหารือในครม.ก่อนว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป
นายแพทย์วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า แนวโน้มค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติหรือเอฟที จนถึงสิ้นปีมีแนวโน้มจะปรับลดลงจากราคาก๊าซธรรมชาติที่เป็นเชื้อเพลิงหลักในการผลิตลดราคาสะท้อนตามราคาน้ำมันย้อนหลัง 6 เดือนถึง 1 ปี ดังนั้น ค่าไฟจึงมีทิศทางถูกลง แต่เนื่องจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ยังต้องแบกภาระการจ่ายค่าไฟไปก่อนหน้านี้เพื่อลดผลกระทบประชาชนถึง 2 หมื่นล้านบาท ทำให้ทิศทางเอฟทีจึงมีแนวโน้มจะตรึงไปจนถึงสิ้นปี
“เรื่องที่ค่าไฟจะขึ้นจากนี้ไปจนถึงสิ้นปีจะไม่มีแน่นอน แต่จะลดราคาลงไหมคงจะต้องดูข้อเท็จจริงว่าหนี้กฟผ.นั้น เป็นอย่างไรด้วย เพราะหากไปรอให้ค่าไฟขึ้นแล้วจัดการอาจมีปัญหาได้ ”นายแพทย์วรรณรัตน์กล่าว
นายแพทย์วรรณรัตน์กล่าวว่า การจะต่ออายุมาตรการบรรเทาค่าครองชีพของประชาชนด้วยการแบกรับภาระค่าไฟฟ้า จะมีการต่ออายุโครงการหรือไม่นั้น คงจะต้องรอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) เป็นผู้ตัดสินใจร่วมกัน เพราะมีหลายมาตรการทั้งใช้น้ำฟรี ไฟฟรี รถขนส่งมวลชนกรุงเทพฟรี แต่ทั้งนี้ปัจจัยสำคัญคงจะดูในเรื่องของภาวะเศรษฐกิจและค่าครองชีพประชาชนประกอบด้วย แม้ว่าทิศทางค่าไฟจะไม่ขึ้นจากนี้ไป แต่ยอมรับว่าหากมีปัจจัยฉุดเศรษฐกิจให้ซบเซาไม่ฟื้นตัวตามที่คาดไว้ก็จะต้องมาหารือกัน
สำหรับมาตรการบรรเทาค่าครองชีพของประชาชนด้วยการแบกรับภาระค่าไฟฟ้า กำหนดให้ประชาชนใช้ไฟฟรีกรณีผู้ใช้ไฟไม่เกิน 90 หน่วย และ 80-150 หน่วยจ่ายครึ่งราคา ซึ่งสามารถช่วยประชาชนผู้ใช้ไฟได้ 8.8 ล้านรายทั้งในเขตนครหลวงและภูมิภาค ซึ่งใช้งบประมาณทั้งสิ้น 6.81 พันล้านบาท และจะหมดอายุโครงการช่วงสิ้นเดือนก.ค.นี้
นายดิเรก ลาวัณย์ศิริ ประธานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (เรคกูเลเตอร์) กล่าวว่า เรคกูเลเตอร์เห็นชอบให้ค่าเอฟที งวดพ.ค.-ส.ค. ไม่ขยับขึ้น โดยจากการคำนวณแล้ว ราคาก๊าซที่ปรับลด ความต้องการใช้ไฟที่ลดลง จะมีผลให้เอฟทีควรปรับลด 15.54 สตางค์ต่อหน่วย แต่ส่วนนี้จะนำไปคืนกฟผ.ที่แบกภาระอยู่ 22,677 ล้านบาทลดลงเป็น 19,136 ล้านบาท
ทั้งนี้ หากนำภาระกฟผ.มาคำนวณในงวดเดียวจะต้องปรับขึ้นถึง 42.93 สตางค์ต่อหน่วย เรคกูเลเตอร์จึงใช้วิธีนำส่วนลดมาทยอยคืนกฟผ. ดังนั้น ค่าเอฟทีงวดหน้าก.ย.-ธ.ค. ก็อาจจะไม่มีการปรับลด แม้ราคาก๊าซธรรมชาติจะลดลง เนื่องจากจะต้องมีการคืนหนี้ดังกล่าว
นายเทียนไชย จงพีร์เพียร นักวิชาการด้านพลังงาน กล่าวว่า พิจารณาจากทิศทางค่าไฟคงจะไม่ขึ้นไปอีก 2-3 งวด จากราคาก๊าซที่สะท้อนย้อนหลังราคาน้ำมันซึ่งเป็นช่วงที่ราคาน้ำมันลดลงค่อนข้างมาก แต่รัฐบาลคงใช้วิธีตรึงเพื่อนำเงินไปคืนกฟผ. แต่ผู้ใช้ไฟไม่เกิน 90 หน่วยก็ใช้ไฟฟรีตามมาตรการรัฐอยู่แล้ว จึงไม่น่าเป็นปัญหา
อย่างไรก็ตาม โครงการใช้ไฟฟรีดังกล่าว จะหมดอายุในช่วงก.ค.นี้ หากพิจารณาในแง่การเมืองมองว่ามีแนวโน้มสูงว่ารัฐบาลคงไม่กล้าที่จะยกเลิกมาตรการดังกล่าว เพราะเศรษฐกิจกลางปีนี้คงยังไม่เห็นทิศทางที่ดีขึ้นมากนัก
นายแพทย์วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า แนวโน้มค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติหรือเอฟที จนถึงสิ้นปีมีแนวโน้มจะปรับลดลงจากราคาก๊าซธรรมชาติที่เป็นเชื้อเพลิงหลักในการผลิตลดราคาสะท้อนตามราคาน้ำมันย้อนหลัง 6 เดือนถึง 1 ปี ดังนั้น ค่าไฟจึงมีทิศทางถูกลง แต่เนื่องจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ยังต้องแบกภาระการจ่ายค่าไฟไปก่อนหน้านี้เพื่อลดผลกระทบประชาชนถึง 2 หมื่นล้านบาท ทำให้ทิศทางเอฟทีจึงมีแนวโน้มจะตรึงไปจนถึงสิ้นปี
“เรื่องที่ค่าไฟจะขึ้นจากนี้ไปจนถึงสิ้นปีจะไม่มีแน่นอน แต่จะลดราคาลงไหมคงจะต้องดูข้อเท็จจริงว่าหนี้กฟผ.นั้น เป็นอย่างไรด้วย เพราะหากไปรอให้ค่าไฟขึ้นแล้วจัดการอาจมีปัญหาได้ ”นายแพทย์วรรณรัตน์กล่าว
นายแพทย์วรรณรัตน์กล่าวว่า การจะต่ออายุมาตรการบรรเทาค่าครองชีพของประชาชนด้วยการแบกรับภาระค่าไฟฟ้า จะมีการต่ออายุโครงการหรือไม่นั้น คงจะต้องรอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) เป็นผู้ตัดสินใจร่วมกัน เพราะมีหลายมาตรการทั้งใช้น้ำฟรี ไฟฟรี รถขนส่งมวลชนกรุงเทพฟรี แต่ทั้งนี้ปัจจัยสำคัญคงจะดูในเรื่องของภาวะเศรษฐกิจและค่าครองชีพประชาชนประกอบด้วย แม้ว่าทิศทางค่าไฟจะไม่ขึ้นจากนี้ไป แต่ยอมรับว่าหากมีปัจจัยฉุดเศรษฐกิจให้ซบเซาไม่ฟื้นตัวตามที่คาดไว้ก็จะต้องมาหารือกัน
สำหรับมาตรการบรรเทาค่าครองชีพของประชาชนด้วยการแบกรับภาระค่าไฟฟ้า กำหนดให้ประชาชนใช้ไฟฟรีกรณีผู้ใช้ไฟไม่เกิน 90 หน่วย และ 80-150 หน่วยจ่ายครึ่งราคา ซึ่งสามารถช่วยประชาชนผู้ใช้ไฟได้ 8.8 ล้านรายทั้งในเขตนครหลวงและภูมิภาค ซึ่งใช้งบประมาณทั้งสิ้น 6.81 พันล้านบาท และจะหมดอายุโครงการช่วงสิ้นเดือนก.ค.นี้
นายดิเรก ลาวัณย์ศิริ ประธานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (เรคกูเลเตอร์) กล่าวว่า เรคกูเลเตอร์เห็นชอบให้ค่าเอฟที งวดพ.ค.-ส.ค. ไม่ขยับขึ้น โดยจากการคำนวณแล้ว ราคาก๊าซที่ปรับลด ความต้องการใช้ไฟที่ลดลง จะมีผลให้เอฟทีควรปรับลด 15.54 สตางค์ต่อหน่วย แต่ส่วนนี้จะนำไปคืนกฟผ.ที่แบกภาระอยู่ 22,677 ล้านบาทลดลงเป็น 19,136 ล้านบาท
ทั้งนี้ หากนำภาระกฟผ.มาคำนวณในงวดเดียวจะต้องปรับขึ้นถึง 42.93 สตางค์ต่อหน่วย เรคกูเลเตอร์จึงใช้วิธีนำส่วนลดมาทยอยคืนกฟผ. ดังนั้น ค่าเอฟทีงวดหน้าก.ย.-ธ.ค. ก็อาจจะไม่มีการปรับลด แม้ราคาก๊าซธรรมชาติจะลดลง เนื่องจากจะต้องมีการคืนหนี้ดังกล่าว
นายเทียนไชย จงพีร์เพียร นักวิชาการด้านพลังงาน กล่าวว่า พิจารณาจากทิศทางค่าไฟคงจะไม่ขึ้นไปอีก 2-3 งวด จากราคาก๊าซที่สะท้อนย้อนหลังราคาน้ำมันซึ่งเป็นช่วงที่ราคาน้ำมันลดลงค่อนข้างมาก แต่รัฐบาลคงใช้วิธีตรึงเพื่อนำเงินไปคืนกฟผ. แต่ผู้ใช้ไฟไม่เกิน 90 หน่วยก็ใช้ไฟฟรีตามมาตรการรัฐอยู่แล้ว จึงไม่น่าเป็นปัญหา
อย่างไรก็ตาม โครงการใช้ไฟฟรีดังกล่าว จะหมดอายุในช่วงก.ค.นี้ หากพิจารณาในแง่การเมืองมองว่ามีแนวโน้มสูงว่ารัฐบาลคงไม่กล้าที่จะยกเลิกมาตรการดังกล่าว เพราะเศรษฐกิจกลางปีนี้คงยังไม่เห็นทิศทางที่ดีขึ้นมากนัก
