xs
xsm
sm
md
lg

“อุตฯ”ชงทำทีโออาร์ รฟท.ใช้สิ้นส่วน-การผลิตในประเทศ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“อุตสาหกรรม” เสนอทำทีโออาร์ประมูลโครงการรถไฟฟ้าในอนาคต ต้องบังคับใช้ชิ้นส่วนและการผลิตในประเทศ หวังพัฒนาอุตสาหกรรมของคนไทย หลังประเมินภายในปี 2572 จะต้องใช้รถไฟฟ้ากว่าพันคัน เตรียมชงกรอ.ให้ความเห็นชอบปีหน้า

นายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยภายหลังการประชุมศึกษาแนวทางการพัฒนาอุตสาหกรรมรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนและอุตสาหกรรมต่อเนื่องในประเทศไทยว่า ที่ประชุมเห็นชอบร่วมกันที่จะให้โครงการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชน 12 สายทาง ที่มีแผนก่อสร้างในอนาคต จะต้องจัดทำเงื่อนไขในร่างทีโออาร์ประมูลโครงการ โดยจะต้องใช้ชิ้นส่วนและการผลิตในประเทศรวมอยู่ด้วย เพื่อส่งเสริมให้เกิดอุตสาหกรรมต่อเนื่อง และถ่ายทอดเทคโนโลยีสู่ผู้ประกอบการไทย ช่วยให้ซัพพลายเชนอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย พัฒนาต่อยอดมาสู่อุตสาหกรรมรถไฟฟ้าได้ เช่น การประกอบตัวถัง การตกแต่งภายในและภายนอก การติดตั้งระบบไฟฟ้า และเทคโนโลยีต่างๆ

ทั้งนี้ สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ประมาณการว่า จะมีความต้องการใช้รถไฟฟ้าตามแผน 1,026 คัน ในปี 2572 โดยโครงการรถไฟฟ้าที่จะนำเงื่อนไขทีโออาร์ไปใช้ได้ ได้แก่ รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ส่วนสีแดง หากเร่งรัดดำเนินการอาจทันการประมูลงาน ขณะที่สีม่วงไม่สามารถใช้เงื่อนไขนี้ได้ทัน

นายสรยุทธ์ เพ็ชรตระกูล ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า ที่ประชุมเห็นชอบให้ตั้งคณะทำงานเพื่อวางกรอบร่างทีโออาร์ เพื่อเสนอหลักเกณฑ์การดำเนินการต่อคณะกรรมการความร่วมมือภาครัฐและเอกชน (PPP) ที่มีนายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในวันที่ 8 ม.ค.2553 จากนั้นจะเสนอที่ประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน (กรอ.) ในวันที่ 27 ม.ค.2553 เห็นชอบต่อไป

นอกจากนี้ ยังมอบหมายให้จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมมือกับสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม ศึกษาแผนพัฒนาอุตสาหกรรมรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนและอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่องในประเทศไทย เพื่อศึกษาแนวทางที่ผู้ประกอบการไทยจะสามารถเติบโตได้ในอุตสาหกรรมนี้

ขณะเดียวกัน จะให้มีการจัดตั้งสถาบันพัฒนาการขนส่งทางราง และอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่องของไทย ตามข้อเสนอของสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ซึ่งกระทรวงอุตสาหกรรมจะเน้นให้อุตสาหกรรมนี้เกิดขึ้น โดยให้สถาบันยานยนต์ เข้ามาดูลู่ทางส่งเสริมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย ต่อยอดไปสู่อุตสาหกรรมรถไฟฟ้าได้ในอนาคต ส่วนกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี จะให้ความสำคัญด้านเทคโนโลยี การวิจัยและพัฒนา เพื่อให้คนไทยมีส่วนร่วมมากที่สุด และรับการถ่ายทอดเทคโนโลยี รวมถึงการสร้างบุคลากรรองรับ ทั้งด้านการผลิตและการดำเนินการ
กำลังโหลดความคิดเห็น