บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทยวานนี้ (3 ก.ย.) ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวในแดนลบตลอดทั้งวัน ก่อนจะปิดตลาด ดัชนีขยับลงมาอยู่ที่ 649.93 จุด ลดลง 9.58 จุด มูลค่าการซื้อขาย 10,069.56 ล้านบาท...โดยมีปัจจัยกระทบจากทั้งในประเทศและต่างประเทศ...โดยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐไม่ดี ซึ่งส่งผลต่อการลงทุนทั่วโลก ส่วนปัจจัยในประเทศ ยังเป็นเรื่องของการเมืองที่ยังไม่คลี่คลาย เพราะยังไม่ทางออกจากความวุ่นวายที่เกิดขึ้น
ปัจจัยนี้เอง...ธนาคารเครดิต สวิส ออกมาแนะนำนักลงทุนว่า ยังไม่ควรเข้าซื้อหุ้นในตลาดหุ้นไทยเวลานี้ เนื่องจากไทยยังคงเผชิญสถานการณ์รุนแรงภายในประเทศ เพราะมีการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน...เช่นเดียวกับตลาดหุ้นมาเลเซีน ที่แนะนำนักลงทุนยังไม่ควรเข้าซื้อหุ้นเช่นกัน เนื่องจากสถานการณ์การเมืองในมาเลเซียยังไม่นิ่ง โดยเฉพาะการช่วงชิงอำนาจทางการเมืองระหว่างพรรครัฐบาลและนายอันวาร์ อิบราฮิม ผู้นำพรรคฝ่ายค้าน ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวทำให้เศรษฐกิจมาเลเซียตกอยู่ในความเสี่ยง...
ที่สำคัญไปกว่านั้น....นักลงทุนต่างชาติประเมินว่า รัฐบาลไทยไม่มีศักยภาพเพียงพอ และการสร้างความชอบธรรมในการบริหารประเทศ เพราะพยายามสร้างความแตกแยกระหว่างประชาชน และการสร้างชนวนความรุนแรงตลอดเวลา
ตั้งแต่ 05.00 น. วันนี้ (4 ก.ย.) ปตท.ปรับลดราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลลงอีก 60 สต./ลิตร ส่งผลให้ราคาขายปลีกน้ำมันหน้าสถานีบริการของ ปตท.ในกรุงเทพฯ และปริมณฑลอยู่ที่ลิตรละ 32.44 บาท...ซึ่งการปรับลดราคาครั้งนี้ เป็นครั้งที่ 17 แล้ว นับตั้งแต่ต้นเดือนกรกฎาคม.เป็นต้นมา โดยกลุ่มเบนซินได้ปรับลดราคาลงไปแล้ว 10.40 บาท/ลิตร ส่วนกลุ่มดีเซลลดลงไปแล้ว 12 บาท/ลิตร....ส่วนน้ำมันเบนซินนั้นยังคงตรึงราคาไว้เท่าเดิม โดยเบนซิน 95 อยู่ที่ลิตรละ 38.69 บาท, เบนซิน 91 อยู่ที่ลิตรละ 36.29 บาท, แก๊สโซฮอล์ 95 อยู่ที่ลิตรละ 28.79 บาท และแก๊สโซฮอล์ 91 อยู่ที่ลิตรละ 27.99 บาท
พงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) บอกว่า ธนาคารเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น (เจบิก) ไม่ได้กังวลเกี่ยวกับเหตุการณ์รุนแรงทางการเมืองที่เกิดขึ้น โดยเชื่อว่า เจบิกจะยังคงเดินหน้าให้เงินกู้เพื่อก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีแดง (บางซื่อ-รังสิต) ตามเงื่อนไขเดิม โดยใน 2-3 สัปดาห์ จะมีการยืนยันเพื่อทำข้อตกลงในหลักการกับรัฐบาลไทย
ส่วนรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน เชื่อมต่อส่วนขยายวงแหวนรอบนอก วงเงินกู้ยืมประมาณ 80,000 ล้านบาท ทั้งนี้ คาดว่า น่าจะสรุปและยืนยันการกู้ยืมได้ในช่วงปลายปี 2551 ได้แน่นอน....ยังไงก็ขอให้ชัดเจนจริงๆ ซะที เพราะนักลงทุนตั้งตารอมานานแล้ว...ล่าสุด วงการตลาดทุนไทยโดย สำนักงาน ก.ล.ต. ออกมาสนับสนุนให้มีการจัดตั้งกองทุนรวมสาธารณูปโภคแล้ว...ถ้าโครงการเหล่านี้ ยังไม่ชัดเจน ก็ไม่รู้จะตั้งกองทุนไปลงทุนในอะไรดี
สอดคล้องกับคำพูดของ "พิชิต อัคราทิตย์" กรรมการผู้จัดการการ บลจ.เอ็มเอฟซี ที่ระบุว่า ลงทุนนี้จะเกิดขึ้นได้ต้องได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐด้วย เพราะถ้ารัฐไม่สนับสนุนทุกอย่างก็ไม่เกิดขึ้น เช่น หากเราจะลงทุนในถนน เราคงไม่สามารถไปสร้างถนนเองได้ หากรัฐไม่สนับสนุน...พูดอีกก็ถูกอีก...ต้นกล้า
ปัจจัยนี้เอง...ธนาคารเครดิต สวิส ออกมาแนะนำนักลงทุนว่า ยังไม่ควรเข้าซื้อหุ้นในตลาดหุ้นไทยเวลานี้ เนื่องจากไทยยังคงเผชิญสถานการณ์รุนแรงภายในประเทศ เพราะมีการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน...เช่นเดียวกับตลาดหุ้นมาเลเซีน ที่แนะนำนักลงทุนยังไม่ควรเข้าซื้อหุ้นเช่นกัน เนื่องจากสถานการณ์การเมืองในมาเลเซียยังไม่นิ่ง โดยเฉพาะการช่วงชิงอำนาจทางการเมืองระหว่างพรรครัฐบาลและนายอันวาร์ อิบราฮิม ผู้นำพรรคฝ่ายค้าน ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวทำให้เศรษฐกิจมาเลเซียตกอยู่ในความเสี่ยง...
ที่สำคัญไปกว่านั้น....นักลงทุนต่างชาติประเมินว่า รัฐบาลไทยไม่มีศักยภาพเพียงพอ และการสร้างความชอบธรรมในการบริหารประเทศ เพราะพยายามสร้างความแตกแยกระหว่างประชาชน และการสร้างชนวนความรุนแรงตลอดเวลา
ตั้งแต่ 05.00 น. วันนี้ (4 ก.ย.) ปตท.ปรับลดราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลลงอีก 60 สต./ลิตร ส่งผลให้ราคาขายปลีกน้ำมันหน้าสถานีบริการของ ปตท.ในกรุงเทพฯ และปริมณฑลอยู่ที่ลิตรละ 32.44 บาท...ซึ่งการปรับลดราคาครั้งนี้ เป็นครั้งที่ 17 แล้ว นับตั้งแต่ต้นเดือนกรกฎาคม.เป็นต้นมา โดยกลุ่มเบนซินได้ปรับลดราคาลงไปแล้ว 10.40 บาท/ลิตร ส่วนกลุ่มดีเซลลดลงไปแล้ว 12 บาท/ลิตร....ส่วนน้ำมันเบนซินนั้นยังคงตรึงราคาไว้เท่าเดิม โดยเบนซิน 95 อยู่ที่ลิตรละ 38.69 บาท, เบนซิน 91 อยู่ที่ลิตรละ 36.29 บาท, แก๊สโซฮอล์ 95 อยู่ที่ลิตรละ 28.79 บาท และแก๊สโซฮอล์ 91 อยู่ที่ลิตรละ 27.99 บาท
พงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) บอกว่า ธนาคารเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น (เจบิก) ไม่ได้กังวลเกี่ยวกับเหตุการณ์รุนแรงทางการเมืองที่เกิดขึ้น โดยเชื่อว่า เจบิกจะยังคงเดินหน้าให้เงินกู้เพื่อก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีแดง (บางซื่อ-รังสิต) ตามเงื่อนไขเดิม โดยใน 2-3 สัปดาห์ จะมีการยืนยันเพื่อทำข้อตกลงในหลักการกับรัฐบาลไทย
ส่วนรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน เชื่อมต่อส่วนขยายวงแหวนรอบนอก วงเงินกู้ยืมประมาณ 80,000 ล้านบาท ทั้งนี้ คาดว่า น่าจะสรุปและยืนยันการกู้ยืมได้ในช่วงปลายปี 2551 ได้แน่นอน....ยังไงก็ขอให้ชัดเจนจริงๆ ซะที เพราะนักลงทุนตั้งตารอมานานแล้ว...ล่าสุด วงการตลาดทุนไทยโดย สำนักงาน ก.ล.ต. ออกมาสนับสนุนให้มีการจัดตั้งกองทุนรวมสาธารณูปโภคแล้ว...ถ้าโครงการเหล่านี้ ยังไม่ชัดเจน ก็ไม่รู้จะตั้งกองทุนไปลงทุนในอะไรดี
สอดคล้องกับคำพูดของ "พิชิต อัคราทิตย์" กรรมการผู้จัดการการ บลจ.เอ็มเอฟซี ที่ระบุว่า ลงทุนนี้จะเกิดขึ้นได้ต้องได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐด้วย เพราะถ้ารัฐไม่สนับสนุนทุกอย่างก็ไม่เกิดขึ้น เช่น หากเราจะลงทุนในถนน เราคงไม่สามารถไปสร้างถนนเองได้ หากรัฐไม่สนับสนุน...พูดอีกก็ถูกอีก...ต้นกล้า