ASTVผู้จัดการรายวัน-รฟม.เตรียมเปิดประมูลก่อสร้างรถไฟฟ้าสีน้ำเงินส่วนต่อขยายกลางธ.ค.นี้ หลังกวพ.เห็นชอบให้ประมูลแบบนานาชาติได้ รอเพียงครม.เห็นชอบเพิ่มกรอบค่าก่อสร้างเป็น 5.2 หมื่นล้านบาท เผยขั้นตอนประมูลไม่นาน สรุปภายในพ.ค.ปีหน้า ส่วนสายสีม่วง ไจก้าตอบกลับสัญญา 1 เคลียร์เงื่อนไขอนุญาโตตุลาการ
นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคมในฐานะประธานคณะกรรมการ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการ รฟม.วันนี้ (4 พ.ย.) รฟม.จะรายงานความคืบหน้าแผนการประกวดราคาโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายช่วงบางซื่อ-บางแคและหัวลำโพง-ท่าพระ ระยะทาง 27 กิโลเมตร ซึ่งคณะกรรมการว่าด้วยการพัสดุ (กวพ.)ได้เห็นชอบให้รฟม.ยกเลิกการประกวดราคาแบบอิเล็กทรอนิกส์ (อี-อ๊อคชั่น) แล้ว ดำเนินการประกวดราคาด้วยวิธีการประกวดราคาแบบนานาชาติ (International Competitive Bidding : ICB) โดยจะประกาศทีโออาร์ประกวดราคาได้หลังจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติการปรับเพิ่มกรอบวงเงินค่าก่อสร้างงานโยธา จาก 48,821 ล้านบาทเป็น 52,465 ล้านบาท
“คาดว่าจะเสนอครม.อนุมัติปรับกรอบวงเงินค่าก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินได้ในวันที่ 10 พ.ย.นี้ จากนั้นรฟม.จะประกาศทีโออาร์ประมูลงานก่อสร้างทั้ง 4 สัญญาได้ภายในเดือนพ.ย.นี้ทันที โดยการประกวดราคาแบบนานาชาติ จะให้ผู้รับเหมายื่นข้อเสนอ 3 ซอง คือ คุณสมบัติ เทคนิคและราคา เช่นเดียวกันสายสีม่วง”
นายสุพจน์กล่าวว่า คาดว่าจะขายเอกสารประกวดราคาได้ประมาณกลางเดือนธ.ค.2552 โดยให้เวลาจัดทำข้อเสนอในส่วนของงานยกระดับประมาณ 60 วัน ให้ยื่นข้อเสนอประมาณเดือนก.พ.2553 ส่วนงานอุโมงค์ให้เวลาจัดทำเอกสาร 90 วัน ยื่นข้อเสนอประมาณ มี.ค. 2553 ซึ่งจะใช้เวลาในการพิจารณาข้อเสนอและสรุปผลการประกวดราคาได้ใน 2 เดือน เนื่องจากกระบวนการพิจารณาข้อเสนอจะไม่ยุ่งยากและใช้เวลาสั้นกว่า รถไฟฟ้าสายสีม่วง เนื่องจากไม่ได้ใช้เงินกู้จาก องค์การความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งประเทศญี่ปุ่น (JICA) โดยจะเสนอครม.ได้ในเดือนพ.ค.และลงนามในสัญญาก่อสร้างได้ภายในปีงบประมาณ 2553
สำหรับงานโยธาของรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายแยกเป็น 5 สัญญา แบ่งเป็นงานใต้ดินและเจาะอุโมงค์ 2 สัญญา ได้แก่ สัญญาแรก ช่วงสถานีวัดมังกรและสถานีวังบูรพา ระยะทาง 2.8 กม. 2 สถานี, สัญญาที่สอง จะเริ่มจากสถานีสนามชัย และสถานีอิสรภาพ มีระยะทาง 2.8-2.9 กม. มี 2 สถานี ส่วนอีก 2 สัญญาเป็นงานยกระดับ ได้แก่ สัญญาที่ 3 เริ่มจากสถานีอิสรภาพ-ท่าพระ-บางแค (เดอะมอลล์บางแค) ระยะทาง 9 กม. และสัญญาที่ 4 จะเริ่มจากเส้นทางที่เชื่อมต่อจากสถานีเตาปูนในรถไฟฟ้าสายสีม่วง ข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา มาบรรจบที่ท่าพระ มีระยะทาง 11 กม.ส่วน สัญญาที่ 5 เป็นงานวางรางและระบบทั้งหมด
ส่วนความคืบหน้าโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางใหญ่-บางซื่อ ระยะทาง 23 กิโลเมตร นั้น นายสุพจน์กล่าวว่า องค์การความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งประเทศญี่ปุ่น (JICA) ได้ตอบกลับมายังรฟม.แล้วกรณีที่ คณะรัฐมนตรีเห็นชอบให้บรรจุเงื่อนไขวิธีการอนุญาโตตุลาการในการระงับข้อพิพาทในสัญญาจ้างก่อสร้างงานโยธา และสัญญาจ้างที่ปรึกษาบริหารและควบคุมงานทำให้สัญญาก่อสร้างที่ 1 ที่มีกลุ่ม CKTC Joint Venture (บริษัท ช. การช่าง จำกัด (มหาชน) หรือ CK และ บริษัท โตคิว คอนสตรัคชั่น จำกัด) เป็นผู้รับเหมามีความสมบูรณ์และทำงานได้อย่างเต็มที่
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของการเดินรถสายสีม่วงนั้น นายสุพจน์กล่าวว่า จะใช้รูปแบบ PPP (Public Private Partnership) หาเอกชนร่วมลงทุนแบบ PPP Gross Cost คือ ให้เอกชนที่มีผู้ผลิตรถไฟฟ้าและจัดหาระบบรถไฟฟ้าร่วมอยู่กลุ่มลงทุนระบบรถไฟฟ้า โดยจะเปิดกว้างในการประมูลทั่วไปเพื่อไม่ให้เข้าข่ายการเอื้อประโยชน์ให้รายใดรายหนึ่ง แม้ว่าการเดินรถโดยให้ผู้ประกอบการรายเดิมจะส่งผลให้ต้นทุนต่ำกว่าก็ตาม
“รฟม.หลีกเลี่ยงการเปิดประมูลใหม่ไม่ได้ เพราะถ้าให้รายเดิม รับเดินรถเลย จะประหยัดค่าลงทุนหลายเรื่อง เช่น อู่จอดและซ่อมบำรุง เป็นต้น ถ้าเป็นรายใหม่ ก็คงต้องลงทุนพวกนี้ใหม่ เพราะคงใช้ร่วมกันไม่ได้ ดังนั้น ในส่วนของอัตราค่าโดยสาร รฟม.ก็คงต้องกำหนดเกณฑ์ที่เหมาะสมและคัดเลือกเอกชนรายที่เสนอเข้ามาได้เหมาะสม” นายสุพจน์กล่าว
นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคมในฐานะประธานคณะกรรมการ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการ รฟม.วันนี้ (4 พ.ย.) รฟม.จะรายงานความคืบหน้าแผนการประกวดราคาโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายช่วงบางซื่อ-บางแคและหัวลำโพง-ท่าพระ ระยะทาง 27 กิโลเมตร ซึ่งคณะกรรมการว่าด้วยการพัสดุ (กวพ.)ได้เห็นชอบให้รฟม.ยกเลิกการประกวดราคาแบบอิเล็กทรอนิกส์ (อี-อ๊อคชั่น) แล้ว ดำเนินการประกวดราคาด้วยวิธีการประกวดราคาแบบนานาชาติ (International Competitive Bidding : ICB) โดยจะประกาศทีโออาร์ประกวดราคาได้หลังจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติการปรับเพิ่มกรอบวงเงินค่าก่อสร้างงานโยธา จาก 48,821 ล้านบาทเป็น 52,465 ล้านบาท
“คาดว่าจะเสนอครม.อนุมัติปรับกรอบวงเงินค่าก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินได้ในวันที่ 10 พ.ย.นี้ จากนั้นรฟม.จะประกาศทีโออาร์ประมูลงานก่อสร้างทั้ง 4 สัญญาได้ภายในเดือนพ.ย.นี้ทันที โดยการประกวดราคาแบบนานาชาติ จะให้ผู้รับเหมายื่นข้อเสนอ 3 ซอง คือ คุณสมบัติ เทคนิคและราคา เช่นเดียวกันสายสีม่วง”
นายสุพจน์กล่าวว่า คาดว่าจะขายเอกสารประกวดราคาได้ประมาณกลางเดือนธ.ค.2552 โดยให้เวลาจัดทำข้อเสนอในส่วนของงานยกระดับประมาณ 60 วัน ให้ยื่นข้อเสนอประมาณเดือนก.พ.2553 ส่วนงานอุโมงค์ให้เวลาจัดทำเอกสาร 90 วัน ยื่นข้อเสนอประมาณ มี.ค. 2553 ซึ่งจะใช้เวลาในการพิจารณาข้อเสนอและสรุปผลการประกวดราคาได้ใน 2 เดือน เนื่องจากกระบวนการพิจารณาข้อเสนอจะไม่ยุ่งยากและใช้เวลาสั้นกว่า รถไฟฟ้าสายสีม่วง เนื่องจากไม่ได้ใช้เงินกู้จาก องค์การความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งประเทศญี่ปุ่น (JICA) โดยจะเสนอครม.ได้ในเดือนพ.ค.และลงนามในสัญญาก่อสร้างได้ภายในปีงบประมาณ 2553
สำหรับงานโยธาของรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายแยกเป็น 5 สัญญา แบ่งเป็นงานใต้ดินและเจาะอุโมงค์ 2 สัญญา ได้แก่ สัญญาแรก ช่วงสถานีวัดมังกรและสถานีวังบูรพา ระยะทาง 2.8 กม. 2 สถานี, สัญญาที่สอง จะเริ่มจากสถานีสนามชัย และสถานีอิสรภาพ มีระยะทาง 2.8-2.9 กม. มี 2 สถานี ส่วนอีก 2 สัญญาเป็นงานยกระดับ ได้แก่ สัญญาที่ 3 เริ่มจากสถานีอิสรภาพ-ท่าพระ-บางแค (เดอะมอลล์บางแค) ระยะทาง 9 กม. และสัญญาที่ 4 จะเริ่มจากเส้นทางที่เชื่อมต่อจากสถานีเตาปูนในรถไฟฟ้าสายสีม่วง ข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา มาบรรจบที่ท่าพระ มีระยะทาง 11 กม.ส่วน สัญญาที่ 5 เป็นงานวางรางและระบบทั้งหมด
ส่วนความคืบหน้าโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางใหญ่-บางซื่อ ระยะทาง 23 กิโลเมตร นั้น นายสุพจน์กล่าวว่า องค์การความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งประเทศญี่ปุ่น (JICA) ได้ตอบกลับมายังรฟม.แล้วกรณีที่ คณะรัฐมนตรีเห็นชอบให้บรรจุเงื่อนไขวิธีการอนุญาโตตุลาการในการระงับข้อพิพาทในสัญญาจ้างก่อสร้างงานโยธา และสัญญาจ้างที่ปรึกษาบริหารและควบคุมงานทำให้สัญญาก่อสร้างที่ 1 ที่มีกลุ่ม CKTC Joint Venture (บริษัท ช. การช่าง จำกัด (มหาชน) หรือ CK และ บริษัท โตคิว คอนสตรัคชั่น จำกัด) เป็นผู้รับเหมามีความสมบูรณ์และทำงานได้อย่างเต็มที่
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของการเดินรถสายสีม่วงนั้น นายสุพจน์กล่าวว่า จะใช้รูปแบบ PPP (Public Private Partnership) หาเอกชนร่วมลงทุนแบบ PPP Gross Cost คือ ให้เอกชนที่มีผู้ผลิตรถไฟฟ้าและจัดหาระบบรถไฟฟ้าร่วมอยู่กลุ่มลงทุนระบบรถไฟฟ้า โดยจะเปิดกว้างในการประมูลทั่วไปเพื่อไม่ให้เข้าข่ายการเอื้อประโยชน์ให้รายใดรายหนึ่ง แม้ว่าการเดินรถโดยให้ผู้ประกอบการรายเดิมจะส่งผลให้ต้นทุนต่ำกว่าก็ตาม
“รฟม.หลีกเลี่ยงการเปิดประมูลใหม่ไม่ได้ เพราะถ้าให้รายเดิม รับเดินรถเลย จะประหยัดค่าลงทุนหลายเรื่อง เช่น อู่จอดและซ่อมบำรุง เป็นต้น ถ้าเป็นรายใหม่ ก็คงต้องลงทุนพวกนี้ใหม่ เพราะคงใช้ร่วมกันไม่ได้ ดังนั้น ในส่วนของอัตราค่าโดยสาร รฟม.ก็คงต้องกำหนดเกณฑ์ที่เหมาะสมและคัดเลือกเอกชนรายที่เสนอเข้ามาได้เหมาะสม” นายสุพจน์กล่าว
