ASTVผู้จัดการรายวัน-“โสภณ” เบรกเสนอครม.ตั้ง ”ชูเกียรติ” เป็นผู้ว่าฯรฟม.”คนใหม่ หวั่นข้อกฎหมายไม่เคลียร์ เผยต้องรวบรวมเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการฟ้องร้องการสรรหาฯ ให้ครบทั้ง ศาลและปปช. ก่อนเสนออีกครั้งสัปดาห์หน้า พร้อมการขอผ่อนปรนเงื่อนไขอนุญาโตตุลาการในสัญญาก่อสร้างสายสีม่วง
นายโสภณ ซารัมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเปิดเผยว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)วานนี้ (6 ต.ค.) กระทรวงคมนาคมยังไม่สามารถเสนอชื่อนายชูเกียรติ โพธานุวัตร เป็นผู้ว่าการ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ตามผลการสรรหาฯได้ เนื่องจากต้องการรวบรวมเอกสารที่เกี่ยวข้องกับกรณีที่มีผู้ฟ้องร้องทั้งหมดเสนอครม.เพื่อพิจารณาพร้อมกัน เช่น ผลจากศาลปกครอง ผลจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) โดยคาดว่าจะสามารถรวบรวมเอกสารทั้งหมดเสนอครม.ได้ในการประชุมสัปดาห์หน้า พร้อมกับการเสนอขอให้ครม.พิจารณาเพิ่มเงื่อนไขอนุญาโตตุลาการในสัญญาก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางใหญ่-บางซื่อ จำนวน 3 สัญญา และสัญญางานวางราง 1 สัญญา ตามเงื่อนไขขององค์การความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งประเทศญี่ปุ่น (JICA) ซึ่งเป็นแหล่งเงินกู้ของโครงการ
“มีการร้องเรียนเรื่องการสรรหาผู้ว่าฯ รฟม. ไปหลายที่ ทั้งศาล และปปช. วันนี้เอกสารประกอบ จากปปช.ยังไม่ครบถ้วนก็เลยต้องการรวบรวมเอกสารให้ครบถ้วนก่อน จึงไม่ได้นำเสนอเข้าครม. ส่วนรถไฟฟ้าสีม่วงเรื่องขอเพิ่มเงื่อนไขอนุญาโตตุลาการในสัญญาก่อสร้างนั้น บรรจุเข้าวาระไม่ทันเพราะเสนอเรื่องไปที่ครม.เป็นช่วงบ่ายของวันที่ 2 ต.ค.ที่ผ่านมา”นายโสภณกล่าว
นายโสภณกล่าวว่า กรณีที่ รฟม.เสนอขอ ขยายกรอบวงเงินค่าก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย ช่วงบางซื่อ-ท่าพระ และหัวลำโพง-บางแคจาก 48,821 ล้านบาทเป็น 52,460 ล้านบาทนั้น จะให้รฟม.มาชี้แจงเหตุผลและรายละเอียดการขยายกรอบวงเงินค่าก่อสร้างก่อน ที่จะเสนอครม. เพื่อความชัดเจน ซึ่งเข้าใจว่า ช่วงเวลาที่เปลี่ยนไปทำให้ต้นทุนค่าก่อสร้าง เช่น ค่าวัสดุ เพิ่มขึ้นจึงจำเป็นต้องปรับเพิ่มค่าก่อสร้าง
สำหรับการสรรหาผู้ว่าฯ รฟม. นายธีรวัฒน์ ดิษาภิรมย์ หนึ่งในผู้สมัครรับการสรรหาฯ ได้ยื่นศาลปกครองฟ้อง คณะกรรมการสรรหาผู้ว่าการ รฟม. (ผู้ถูกฟ้องที่ 1), คณะกรรมการ (บอร์ด) รฟม. (ผู้ถูกฟ้องที่ 2) และ รฟม. (ผู้ถูกฟ้องที่ 3) กรณีที่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐออกคำสั่งโดยไม่ชอบโดยผู้ฟ้องคดีขอให้ศาลมีคำพิพากษาหรือคำสั่งดังนี้ 1.เพิกถอนมติการคัดเลือกนายชูเกียรติ โพธยานุวัตร ให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการรฟม. 2.เพิกถอนมติการว่าจ้างและการทำสัญญาจ้างนายชูเกียรติ ให้บริหารงานในตำแหน่งผู้ว่าการรฟม. 3.เพิกถอนการแต่งตั้งหรือการคัดเลือกคณะกรรมการสรรหาฯ ของบอร์ดรฟม. และ 4.เพิกถอนประกาศ รฟม.เรื่องการขยายเวลารับสมัครบุคคลเพื่อคัดเลือกเข้าดำรงตำแหน่งผู้ว่าการรฟม.
ทั้งนี้ ศาลได้มีคำสั่งเมื่อวันที่ 31 ส.ค. 2552 ไม่รับคำฟ้องบางคำขอ และผู้ถูกฟ้องคดีบางรายไว้พิจารณา โดยไม่รับฟ้องตามคำขอที่ 1 ที่ขอให้เพิกถอนมติการคัดเลือกนายชูเกียรติให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการ รฟม. เนื่องจากศาลเห็นว่า การดำเนินการของคณะกรรมการสรรหาที่ได้รายงานผลและเสนอชื่อพร้อมคะแนนของผู้สมัครทั้ง 4 คนเรียงจากมากไปหาน้อย เพื่อให้บอร์ดพิจารณานั้นเป็นเพียงขั้นตอนภายในก่อนที่จะมีดำเนินการแต่งตั้งผู้ว่าการ รฟม. โดยที่บอร์ดฯ มีอำนาจตามกฎหมาย จึงยังไม่ถือว่าผู้ฟ้องคดีได้รับความเดือดร้อนหรือเสียหายอันจะมีสิทธิให้เพิกถอนมติของบอร์ดได้ จึงไม่รับคำฟ้องในข้อนี้ ส่วนอีก 3 ข้อให้รับไว้พิจารณาต่อไป
นอกจากนี้ ศาลยังได้พิจารณาคำขอของผู้ฟ้อง แล้วเห็นว่าประเด็นที่บอร์ดได้มีมติว่าจ้างและทำสัญญาจ้างนายชูเกียรติ ให้บริหารงานในตำแหน่งผู้ว่าการ รฟม.ตามผลการประชุมของคณะกรรมการสรรหาฯ ที่ได้ประกาศขยายระยะเวลารับสมัครและแก้ไขคุณสมบัติเฉพาะตำแหน่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายนั้น
แปลเจตนาได้ว่าผู้ฟ้องประสงค์ขอให้เพิกถอนคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสรรหาฯของบอร์ดฯ และเพิกถอนประกาศรฟม.เรื่องการขยายระยะเวลาการรับสมัครบุคคลเพื่อคัดเลือกเข้าดำรงตำแหน่งผู้ว่าการ รฟม. นั้นจะต้องยื่นฟ้องผู้มีอำนาจออกมติ คำสั่งและประกาศดังกล่าว ไม่อาจยื่นฟ้อง รฟม.ซึ่งเป็นเพียงหน่วยงานทางปกครองได้
นายโสภณ ซารัมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเปิดเผยว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)วานนี้ (6 ต.ค.) กระทรวงคมนาคมยังไม่สามารถเสนอชื่อนายชูเกียรติ โพธานุวัตร เป็นผู้ว่าการ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ตามผลการสรรหาฯได้ เนื่องจากต้องการรวบรวมเอกสารที่เกี่ยวข้องกับกรณีที่มีผู้ฟ้องร้องทั้งหมดเสนอครม.เพื่อพิจารณาพร้อมกัน เช่น ผลจากศาลปกครอง ผลจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) โดยคาดว่าจะสามารถรวบรวมเอกสารทั้งหมดเสนอครม.ได้ในการประชุมสัปดาห์หน้า พร้อมกับการเสนอขอให้ครม.พิจารณาเพิ่มเงื่อนไขอนุญาโตตุลาการในสัญญาก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางใหญ่-บางซื่อ จำนวน 3 สัญญา และสัญญางานวางราง 1 สัญญา ตามเงื่อนไขขององค์การความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งประเทศญี่ปุ่น (JICA) ซึ่งเป็นแหล่งเงินกู้ของโครงการ
“มีการร้องเรียนเรื่องการสรรหาผู้ว่าฯ รฟม. ไปหลายที่ ทั้งศาล และปปช. วันนี้เอกสารประกอบ จากปปช.ยังไม่ครบถ้วนก็เลยต้องการรวบรวมเอกสารให้ครบถ้วนก่อน จึงไม่ได้นำเสนอเข้าครม. ส่วนรถไฟฟ้าสีม่วงเรื่องขอเพิ่มเงื่อนไขอนุญาโตตุลาการในสัญญาก่อสร้างนั้น บรรจุเข้าวาระไม่ทันเพราะเสนอเรื่องไปที่ครม.เป็นช่วงบ่ายของวันที่ 2 ต.ค.ที่ผ่านมา”นายโสภณกล่าว
นายโสภณกล่าวว่า กรณีที่ รฟม.เสนอขอ ขยายกรอบวงเงินค่าก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย ช่วงบางซื่อ-ท่าพระ และหัวลำโพง-บางแคจาก 48,821 ล้านบาทเป็น 52,460 ล้านบาทนั้น จะให้รฟม.มาชี้แจงเหตุผลและรายละเอียดการขยายกรอบวงเงินค่าก่อสร้างก่อน ที่จะเสนอครม. เพื่อความชัดเจน ซึ่งเข้าใจว่า ช่วงเวลาที่เปลี่ยนไปทำให้ต้นทุนค่าก่อสร้าง เช่น ค่าวัสดุ เพิ่มขึ้นจึงจำเป็นต้องปรับเพิ่มค่าก่อสร้าง
สำหรับการสรรหาผู้ว่าฯ รฟม. นายธีรวัฒน์ ดิษาภิรมย์ หนึ่งในผู้สมัครรับการสรรหาฯ ได้ยื่นศาลปกครองฟ้อง คณะกรรมการสรรหาผู้ว่าการ รฟม. (ผู้ถูกฟ้องที่ 1), คณะกรรมการ (บอร์ด) รฟม. (ผู้ถูกฟ้องที่ 2) และ รฟม. (ผู้ถูกฟ้องที่ 3) กรณีที่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐออกคำสั่งโดยไม่ชอบโดยผู้ฟ้องคดีขอให้ศาลมีคำพิพากษาหรือคำสั่งดังนี้ 1.เพิกถอนมติการคัดเลือกนายชูเกียรติ โพธยานุวัตร ให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการรฟม. 2.เพิกถอนมติการว่าจ้างและการทำสัญญาจ้างนายชูเกียรติ ให้บริหารงานในตำแหน่งผู้ว่าการรฟม. 3.เพิกถอนการแต่งตั้งหรือการคัดเลือกคณะกรรมการสรรหาฯ ของบอร์ดรฟม. และ 4.เพิกถอนประกาศ รฟม.เรื่องการขยายเวลารับสมัครบุคคลเพื่อคัดเลือกเข้าดำรงตำแหน่งผู้ว่าการรฟม.
ทั้งนี้ ศาลได้มีคำสั่งเมื่อวันที่ 31 ส.ค. 2552 ไม่รับคำฟ้องบางคำขอ และผู้ถูกฟ้องคดีบางรายไว้พิจารณา โดยไม่รับฟ้องตามคำขอที่ 1 ที่ขอให้เพิกถอนมติการคัดเลือกนายชูเกียรติให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการ รฟม. เนื่องจากศาลเห็นว่า การดำเนินการของคณะกรรมการสรรหาที่ได้รายงานผลและเสนอชื่อพร้อมคะแนนของผู้สมัครทั้ง 4 คนเรียงจากมากไปหาน้อย เพื่อให้บอร์ดพิจารณานั้นเป็นเพียงขั้นตอนภายในก่อนที่จะมีดำเนินการแต่งตั้งผู้ว่าการ รฟม. โดยที่บอร์ดฯ มีอำนาจตามกฎหมาย จึงยังไม่ถือว่าผู้ฟ้องคดีได้รับความเดือดร้อนหรือเสียหายอันจะมีสิทธิให้เพิกถอนมติของบอร์ดได้ จึงไม่รับคำฟ้องในข้อนี้ ส่วนอีก 3 ข้อให้รับไว้พิจารณาต่อไป
นอกจากนี้ ศาลยังได้พิจารณาคำขอของผู้ฟ้อง แล้วเห็นว่าประเด็นที่บอร์ดได้มีมติว่าจ้างและทำสัญญาจ้างนายชูเกียรติ ให้บริหารงานในตำแหน่งผู้ว่าการ รฟม.ตามผลการประชุมของคณะกรรมการสรรหาฯ ที่ได้ประกาศขยายระยะเวลารับสมัครและแก้ไขคุณสมบัติเฉพาะตำแหน่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายนั้น
แปลเจตนาได้ว่าผู้ฟ้องประสงค์ขอให้เพิกถอนคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสรรหาฯของบอร์ดฯ และเพิกถอนประกาศรฟม.เรื่องการขยายระยะเวลาการรับสมัครบุคคลเพื่อคัดเลือกเข้าดำรงตำแหน่งผู้ว่าการ รฟม. นั้นจะต้องยื่นฟ้องผู้มีอำนาจออกมติ คำสั่งและประกาศดังกล่าว ไม่อาจยื่นฟ้อง รฟม.ซึ่งเป็นเพียงหน่วยงานทางปกครองได้
